"ญาญ่า ญิ๋ง" ออกปากยอมรับสุดกดดันและตื่นเต้นได้เล่นหนังฮอลลีวูดแถมประกบพระเอกสุดหล่อมาแรงขวัญใจสาวๆ "ไรอัน กอสลิ่ง" เจ้าตัวหวังเป็นงานที่ดีที่สุดในชีวิต ต้องบอกว่าเป็นโอกาสที่ดีมากๆ ทีเดียวในส่วนของนักร้องไทย "ญาญ่า ญิ๋ง" หลังเจ้าตัวได้ประเดิมการแสดงภาพยนตร์ครั้งแรกของตนเองก็ได้ร่วมงานกับผู้กำกับและนักแสดงระดับอินเตอร์อย่าง "นิโคลัส วินดิ้ง เรเฟิน" (Nicolas Winding Refn), "ไรอัน กอสลิ่ง" (Ryan Gosling) และ คริสติน สก็อตท์ โทมัส (Kristin Scott Thomas) ในหนังเรื่อง Only God Forgives ที่ยกกองมาถ่ายทำในประเทศไทย
โดยในส่วนของผู้กำกับ "นิโคลัส วินดิ้ง เรเฟิน" และนักแสดงหนุ่ม "ไรอัน กอสลิ่ง" นั้นทั้งคู่เคยร่วมงานกันมาแล้วจากหนังเรื่อง Drive หนังฟอร์มเล็กแต่ได้รับเสียงวิจารณ์เป็นอย่างมาก ซึ่งถึงขณะนี้ในส่วนของนักแสดงหนุ่มนั้นต้องถือว่ามาแรงและกำลังได้รับการจับตาเป็นอย่างมากของฮอลลีวูด โดยเฉพาะหลังจากเจ้าตัวถูกรุ่นใหญ่ "จอร์จ คลูนีย์" ดึงมาร่วมงานในหนังการเมืองเรื่อง "The Ides of March" นั่นเอง
ทั้งนี้เมื่อถามความรู้สึกไปยังนักแสดงหญิงไทยกับโอกาสที่ได้รับมา เจ้าตัวเผยอย่างตื่นเต้นว่า..."ตอนที่เราไปแคส มันก็เป็นโปรเจ็กต์ที่ไม่ใหญ่มาก แต่บังเอิญตัวผู้กำกับดันไปได้รางวัลปีที่แล้วมา โปรเจ็กต์เลยใหญ่ขึ้น คิดว่ามันน่าจะเป็นงานที่ดีที่สุดในชีวิตญิ๋งตั้งแต่เคยทำมา แล้วก็ไม่รู้ว่าเราจะได้งานที่ดีแบบนี้อีกไหม ฉะนั้นตรงนี้เราเลยเต็มที่กับมัน ตอนนี้กำลังถ่ายทำอยู่ เหลืออีกประมาณ 70%ค่ะ”
“ในเรื่องญิ๋งรับบทเป็นนักร้องในร้านคาราโอเกะ เป็นคนที่พระเอกหลงรัก ก็จะมีฉากเซ็กซี่บ้าง แต่ก็ไม่ได้มีเยอะมาก คือในเรื่องเราจะคล้ายคนที่มีความเชื่อในบาปบุญ แล้วจะเป็นคนคอยบอกคอยสอนพระเอกที่ละสเต็ปว่าบาปบุญคืออะไร กรรม พระเจ้าคืออะไร คล้ายๆ เป็นผู้นำพาพระเอก เพราะว่าเขาจะเป็นตะวันตก เขาไม่เคยรับรู้ในเรื่องบาปบุญ มันค่อนข้างละเอียดอ่อนสำหรับเรื่องนี้”
“ก็เป็นเรื่องเกี่ยวกับความผิดชอบชั่วดี ซึ่งญิ๋งคิดว่ามันเป็นเรื่องที่น่าสนใจ ที่ทางตะวันตกเขาไม่เคยเรียนรู้เรื่องของบุญบาปกรรม เรื่องนี้จะเป็นเรื่องสะท้อนบุญบาปกรรม ใครทำอะไรก็จะได้รับอย่างนั้น ทางตะวันตกใช้ประเทศไทยเป็นสื่อในการบอกให้เห็นว่าประเทศเรามีความเชื่อในเรื่องบุญบาปกรรม ซึ่งญิ๋งว่าเป็นมุมมองที่ดีในภาพลักษณ์ของประเทศไทย คิดว่าเมืองไทยคงจะได้ดูแน่นอนในปีหน้า เรียกว่าโกอินเตอร์หรือไม่โกอินเตอร์ เราอยากให้ดูที่ผลงานมากกว่าค่ะ (ยิ้ม)”
ยอมรับการทำงานของไทยกับฮอลลีวู้ด แตกต่างกันอย่างสิ้นเชิง แต่ก็ถือว่าเป็นประสบการณ์ที่ดีในชีวิต...“เรียกว่าการทำงานแตกต่างจากคนไทยอย่างสิ้นเชิง ปกติคนไทยเวลาทำงานจะค่อนข้างสติคอยู่กับบท แต่ว่าบทที่เราได้มาไม่ได้ถูกสติคแบบนั้น เขาจะมานั่งถามเลยว่าไดอาล็อคนี้ถ้าเป็นคุณเกิดเหตุการณ์แบบนี้จะพูดอะไร สะดวกใจที่จะพูดไหม"
"ดังนั้นมันก็ค่อนข้างยากและมันก็ง่ายด้วย มันยากที่ว่าเราต้องคิดตลอดเวลา ส่วนมันง่ายตรงที่ว่าตัวละครมีความเป็นเราเข้าไปอยู่ในนั้นด้วย แล้วการทำงานบางทีถ่าย 30-40 เทคมันเยอะมาก เป็นการทำงานที่ไม่เคยเกิดขึ้นในชีวิตมาก่อน แต่ว่าก็ประสบการณ์ที่ดีมาก รู้สึกกดดันมาก เพราะว่าญิ๋งเป็นคนไทยคนเดียวในเรื่องที่จะต้องพูดภาษาอังกฤษ และต้องปะทะกับสองคนดังในเรื่องคือ ไรอัน กอสลิ่ง กับ คริสติน สก็อตท์ โทมัส แต่เราก็จะทำให้เต็มที่ค่ะ”
“ส่วนเรื่องต่อไปยังไม่คุยเลย แต่ว่าญิ๋งอยากให้เห็นงานก่อนว่างานจะออกมาในรูปแบบไหน แล้วก็คงทำไปเรื่อยๆ เรื่องการแสดงเป็นเรื่องที่ญิ๋งเริ่มติดใจ ถ้ามีอีกก็รับเล่น ส่วนบทที่อยากเล่นยิ่งยากยิ่งชอบ คือจะร้าย ร้ายไปเลย วางแผน ได้หมด ถ้าเรารู้สึกอยากเล่น ร้ายแบบกรี๊ดกร๊าด มันอยู่ที่บทละครมากกว่า ถ้าบทมันกรี๊ดก็ต้องกรี๊ด แต่มันคงมีเหตุและผล ตัวญิ๋งเอง เวลากรี๊ดก็จะต้องสร้างจินตนาการว่าเราต้องกรี๊ดเพราะอะไร”
ที่มา: manager.co.th