นักแต่งเพลงอดีตกิ๊กของ “ดี้ นิติพงษ์ ห่อนาค” ควงสามีแจ้งความถูก “รุ่งฤดี ห่อนาค” ภรรยาของดี้ นิติพงษ์ ส่งข้อความด่ากะหรี่และข่มขู่จะให้นอน รพ.ฟรี 3 เดือน แถมอ้างรู้จัก ผบ.ตร. ยันได้ยุติความสัมพันธ์ชู้สาวกับดี้มา 8 เดือนแล้ว แต่ภรรยาของดี้ก็ยังส่งข้อความข่มขู่จนเกิดอาการกลัว วอนให้หยุด พร้อมเรียกร้องให้ออกมาพบเพื่อเคลียร์กันให้จบๆ ไป กลายเป็นเรื่องฉาวสะท้านวงการเพลงเลยทีเดียว เมื่อ “พรรัมภา โพธิ์กราน” นักแต่งเพลงสาวที่เคยทำงานอยู่ค่ายแกรมมี่และสหภาพการดนตรี ได้ควง “ธนากร โพธิ์กราน” สามีไปแจ้งความที่ สน.ประชาชื่น ว่าถูก “รุ่งฤดี ห่อนาค” ภรรยาของ “ดี้ นิติพงษ์ ห่อนาค” นักแต่งเพลงชื่อดังส่งข้อความด่าว่าเป็นกะหรี่ 18 มงกุฎ และขู่จะให้นอนโรงพยาบาลฟรี 3 เดือน อ้างรู้จักกับ ผบ.ตร. ฯลฯ เพราะหึงหวงที่เคยมีความสัมพันธ์กับสามี ถึงแม้จะเลิกยุ่งเกี่ยวกันไปแล้ว 8 เดือนแล้วก็ตาม โดยได้แจ้งความในข้อหาหมิ่นประมาทด้วยคำพูดและข้อความที่จะทำให้ผู้อื่นเสียชื่อเสียง ถูกดูหมิ่นหรือถูกเกลียดชังและทำให้ผู้อื่นเกิดความกลัวด้วยการขู่เข็ญ พ.ต.ท.รัชพล พูลเกิด พงส.สบ.3 เป็นผู้รับเรื่อง
โดยทั้งคู่ได้นำหลักฐานเป็นข้อความที่ถูกส่งมาด่าและข่มขู่ พร้อมทั้งคลิปเสียงที่บันทึกการสนทนาของธนากรกับรุ่งฤดีมาเป็นหลักฐานจำนวน 4 คลิป
“ผมพาภรรยามาแจ้งความเพราะโดนคุณรุ่งฤดี ห่อนาค ข่มขู่คุกคาม เขาส่งข้อความมากล่าวหาภรรยาผมว่าเป็นโสเภณี เป็นนางกะหรี่ ตรงนี้อาจจะเป็นเรื่องในอดีตที่มีปัญหาด้านชู้สาวกัน ภรรยาผมทำงานกับคุณนิติพงษ์ที่แกรมมี่แล้วก็ลาออกมาทำงานที่ค่ายสหภาพการดนตรีกับคุณนิติพงษ์ แล้วคุณรุ่งฤดีก็จับได้ว่าเขามีความสัมพันธ์กัน ภรรยาผมก็เลยออกจากงานตั้งแต่กรกฎาคมปีที่แล้วก็ 8 เดือนแล้ว เพื่อให้เรื่องทุกอย่างมันจบ แต่ในส่วนของงานภรรยาของผมก็ยังรับฟรีแลนซ์แต่งเพลงให้กับที่นี่อยู่ เป็นการรับงานผ่านคนกลาง”
“แล้วคุณรุ่งฤดีเกิดไปเห็นชื่อของภรรยาผมแต่งเพลงให้กับค่ายสหภาพฯ ก็เลยเกิดอาการหึงหวง ก็ส่งข้อความมาด่ามากล่าวหา เช่น นางกะหรี่, 18 มงกุฎ เขาส่งมาในเครื่องของภรรยา และเพื่อนของภรรยาผม เขาก็จะข่มขู่พวกแกจะได้นอนโรงพยาบาล 3 เดือน”
“แล้วก็ข่มขู่เกี่ยวกับทหาร คือมันมีงานของภรรยาผมที่ยังต่อเนื่องและทางบริษัทจะต้องออกเช็คให้ เขาก็โทร.มาและก็ส่งข้อความมาบอกว่าให้ไปรับที่ราบ 11 คือมันเป็นพื้นที่ทหาร แต่จริงๆ แล้วการไปรับเช็คก็น่าจะไปรับที่บริษัทมากกว่า นอกจากนั้นแล้วเขาก็ยังอ้างถึง ผบ.ตร. อ้างถึงสารวัตรที่ปากเกร็ดว่าเขารู้จักกัน และก็มีการส่งภาพคนใหญ่คนโตที่เขารู้จักมาเข้ามือถือ มันเหมือนแสดงเป็นนัยๆ ว่าเขาเหนือกว่าแบ่งชั้นวรรณะ”
“ผมได้มีการติดต่อไปหาเขาเพื่อที่จะให้เขายุติส่งข้อความเหล่านั้นมา เขาปิดเครื่อง แต่จากนั้นเขาก็โทร.มาหาผม ก็มีการพูดคุยกัน เขาก็โทร.มายุว่าภรรยาผมเป็น 18 มงกุฎไปหลอกผู้ชายคนอื่นๆ ที่บริษัทอื่นๆ เขาโทร.มาเล่าให้เราฟังจะเหมือนจะยุแยงให้ครอบครัวแตกแยก ผมก็ตอบไปว่าไม่เชื่อเพราะไม่มีหลักฐาน และถ้าไม่มีหลักฐานผมจะฟ้องคุณ เขาก็บอกว่าเขาจะไปหาหลักฐานมาให้ว่าใครเป็นคนพูดแต่ก็เห็นเขาเงียบไป”
“ตรงนี้ผมก็แจ้งหมิ่นประมาท ส่วนที่ข่มขู่ผมก็แจ้งข่มขู่คุกคาม และก็มีการส่งข้อความมาว่า ตำรวจที่รับเรื่องจะซวย เขาจะส่งชื่อให้ ผบ.ตร.ว่าใครมารับเรื่อง ผมมาแจ้งความตรงนี้ก็กลัวเหมือนกันเพื่อความปลอดภัยของเราด้วย”
“ส่วนเรื่องที่เขาหึงหวง ผมก็มีการถามกับเขาเองว่า มีการติดต่อสัมพันธ์กันหรือเปล่า เขาก็พูดกับผมเองว่าไม่มี (ถามคุณรุ่งฤดี) ใช่ครับ ในคลิปเสียงสนทนาก็มี เขาก็เป็นคนบอกกับผมเองว่าจบกันไปแล้ว ดังนั้นถ้าจบกันไปแล้วจะส่งเมสเสจมาทำไม”
“พรรัมภา” คู่กรณี “รุ่งฤดี” เผยมีการส่งข้อความสาปแช่งถึงบรรพบุรุษ
“นอกจากนั้นแล้วก็ยังมีข้อความที่เขาสาปแช่งบรรพบุรุษโคตรเหง้าให้หายนะ คือหนูผิดก็ด่าที่หนู ไม่อยากให้ว่าถึงพ่อแม่ หนูยอมรับว่าหนูผิดเอง ความเลวมันไม่ได้สืบทอดทางพันธุกรรม หนูยอมรับทุกอย่างคนเดียว หนูยอมรับผิด หนูสำนึกผิด สังคมจะตัดสินยังไงก็ได้ สิ่งที่โดนกระทำอยู่มันหนักกับชีวิตมาก (ทำไมเลือกจะเปิดเผยเรื่องที่มันไม่ดีน่าอายออกมา) เพราะว่าไม่รู้ว่ามันจะเกิดอะไรขึ้นกับชีวิตเราต่อ หนูกลัว และคนที่แคร์ที่สุดก็รู้แล้ว อยากจะใช้ชีวิตอยู่อย่างสบายใจต่อไป”
ธนากร : “เรากลัวที่จะอันตรายก็เลยยอมที่จะเปิดเผยออกมา แล้วอีกอย่างเขาชอบส่งข้อความมารบกวนจิตใจมันเสียสุขภาพจิตห้ามปรามก็ไม่ฟัง ผมก็ได้มีการบอกเขาแล้วในคลิปเสียง ก็มีการบอกด้วยวาจา เขาก็ตกลงแต่ก็ยังส่งมา ซึ่งเราก็ต้องมาแจ้งความ (เรียกว่าวันนี้ยอมอาย) มันก็หลายอย่างเพราะรักษาชีวิตด้วย และรักษาความถูกต้องด้วยส่วนหนึ่ง เพื่อไม่อยากให้เป็นเรื่องรบกวนจิตใจด้วยมันจะได้จบๆ กันไป”
เผยเบอร์ที่ใช้ส่งข้อความมามี 2 เบอร์ ซึ่งคาดว่าจะเป็นเบอร์ของ “รุ่งฤดี” และเบอร์ของ “ดี้ นิติพงษ์”
ธนากร : “เบอร์ที่ส่งมามี 2 เบอร์ ซึ่งคาดว่าน่าจะเป็นเบอร์ของคุณรุ่งฤดี แต่เขาอาจจะให้สามีเขาใช้ 1 เบอร์”
พรรัมภา : “หนึ่งในเบอร์นั้นเป็นเบอร์ของคุณนิติพงษ์ที่เขาใช้ปกติ แต่โทร.ไปก็โดนบล็อกเบอร์ไปแล้ว”
งัดหลักฐานแฉทั้งคลิปเสียง และข้อความที่ส่งเข้ามา
“หลักฐานที่ผมมีก็เป็นคลิปการสนทนากับคุณรุ่งฤดี และข้อความที่ส่งเข้ามาหาภรรยาผมและเพื่อนของภรรยาผม ที่เพื่อนของภรรยาของผมเข้ามาเกี่ยวข้องก็เพราะว่าช่วงแรกภรรยาของผมเขาไม่อยากให้ผมรู้เขาก็เลยโอนให้เพื่อนคุยแทน”
พรรัมภา : “คือเราอยู่ด้วยกันตลอดมันปิดไม่ได้ เพราะเดี๋ยวเขาก็โทร.มาตี 4 เขาก็โทร.มา ก็เลยให้เพื่อนช่วยดึงความสนใจไปหน่อย เพราะกลัวว่าสามีจะคิดว่ายังไม่จบกัน”
ธนากร : “ใช่ครับ แต่พอดีว่าผมคุยกับเขาไปแล้ว ก็โอเคเข้าใจว่าจบกันจริง เพราะฝ่ายโน้นเขาก็บอกกับผมว่าจบ”
พูดจบ “ธนากร” กับภรรยาก็เปิดคลิปเสียงการสนทนาที่เจ้าตัวอ้างว่าเป็นเสียงการสนทนากับ “รุ่งฤดี” ภรรยาของ “ดี้ นิติพงษ์” ให้ฟัง โดยมีทั้งหมด 4 คลิป ซึ่งคลิปที่ 1-3 เป็นการสนทนาของธนากรกับเสียงที่อ้างว่าเป็นรุ่งฤดี โดยเสียงที่อ้างว่าเป็นรุ่งฤดีได้ถามธนากรว่ายังอยู่ด้วยกันกับภรรยาหรือไม่ เพราะได้ยินมาว่าภรรยาของธนากรบอกคนอื่นว่าเป็นโสด และธนากรอาจโดนหลอกพฤติกรรมเหมือน 18 มงกุฎหลอกเงินผู้ชาย และตนได้ปรึกษาเรื่องนี้กับตำรวจแล้วว่าอาจเข้าข่ายโดนหลอกก็เลยโทรมาบอก
ด้านธนากรก็ตอบกลับว่ายังอยู่ด้วยกัน พร้อมกับถามว่าใครเป็นคนพูดเรื่องนี้อยากให้หาต้นตอคนพูดเพราะหมิ่นประมาท เสียงที่อ้างว่าเป็นรุ่งฤดีปฏิเสธไม่รู้แต่วงการแคบและถ้าไม่มีมูลหมาก็คงไม่ขี้ และบอกธนากรว่าตำรวจอยากเจอเพราะอาจโดนหลอกให้ไปหาตำรวจที่กองปราบฯ เพราะดูแลด้านภัยสังคม พอธนากรบอกยินดีไปนัดเจอกันที่นั่นเลยนะ แต่เสียงที่อ้างว่าเป็นรุ่งฤดีกลับไม่ยอมไป อ้างว่าไม่เกี่ยวข้องแค่มาเล่าให้ฟังเฉยๆ
นอกจากนั้นแล้วก็ยังมีการสนทนาถึงเรื่องเช็คที่ทางค่ายสหภาพฯ ค้างจ่ายภรรยาของธนากร โดยมีการนัดให้ไปรับที่ปลายเดือนกุมภาพันธ์ที่ค่ายทหาร ทำเอาธนากรสงสัยว่าทำไมต้องไปเอาที่ค่ายทหาร ด้านเสียงที่อ้างว่าเป็นรุ่งฤดีจึงบอกว่า ที่พูดแบบนั้นเพราะเห็นเพื่อนของภรรยาธนากรอ้างว่ารู้จักนายตำรวจ ก็เลยจะบอกว่าทหารที่นั่นก็ยินดีให้ตนใช้สถานที่เช่นกัน
และก็ได้มีการพูดคุยกันเรื่องข้อความ โดยธนากรขอร้องให้เสียงที่อ้างว่าเป็นรุ่งฤดีหยุดส่งข้อความมารบกวนเพราะเรื่องเก่าๆ มันได้จบไปแล้วจะส่งมาทำไมอีก เสียงที่อ้างว่าเป็นรุ่งฤดีก็บอกว่า ก็เห็นว่าเป็น 18 มงกุฎและไม่รู้ว่าทั้งคู่อยู่ด้วยกัน ถ้าธนากรเลี้ยงดูอยู่ก็ไม่ต้องยุ่งกัน ส่วนธนากรก็ได้แจ้งไปว่าได้แจ้งความลงบันทึกประจำวันเรื่องแมสเสจเรียบร้อยแล้วเพราะมันรบกวนจิตใจตี 3 ตี 4 ก็ยังส่งข้อความมา
อย่างไรก็ตาม ธนากรเปิดเผยต่อว่า หลังจากคุยโทรศัพท์กันไปเรียบร้อยแล้ว หลังจากนั้นหนึ่งวันก็การส่งข้อความกลับมาว่า “โอ๊ะโอชู้สาว โอ๊ะโอขู่ฆ่า โอ๊ะโอไม่มีเงินใช้”
ส่วนคลิปที่ 4 นั้นเป็นคลิปเสียงของเสียงที่อ้างว่าเป็นรุ่งฤดีโทร.เข้ามาหาภรรยาของธนากร แต่ภรรยาของธนากรไม่ยอมพูดสายได้แต่รับฟังเสียงอย่างเดียว โดยเสียงที่อ้างว่าเป็นรุ่งฤดีบอกให้ภรรยาของธนากรรับสาย และบอกว่าถ้าไม่รับจะไปหาพ่อกับแม่ของภรรยาของธนากรที่กาฬสินธุ์คงจะสนุกดี พร้อมกับพูดเรื่องการไปรับเช็คว่าให้ธนากรเอาทะเบียนสมรสไปรับเช็คแทนภรรยา และให้เอาเศษเงินที่ได้ไปทำบุญจะได้ไม่ซวยและไม่มีเรื่องโดนสาปแช่ง
หลังจากเปิดคลิปให้ฟังเสร็จ ธนากรก็เปิดข้อความบางส่วนให้ดู
“นางกะหรี่ 18 มงกุฎ นางภัยสังคมอยากเห็นหน้าพ่อกับแม่แกนัก ฉันคงไปเร็วที่สุดเพราะแกมันภัยสังคม ผัวเก่าคงโดนหลอกจนหมดตัว สันดานเลว แถมตกงานอีกต้องหาผัวใหม่ อย่าลืมเช็คนะ เช็ค 7000 ออกไปรับที่กองบัญชาการ สห.มทบ.11 อ้ออย่าลืมเพื่อนปากหมาแกด้วยล่ะ ตำรวจคนไหนที่แกคุยพาไปด้วยน่ะ ฉันจะได้คุยกับสาย ผบ.ตร.อย่าให้เก้อล่ะ นางกะหรี่ 18 มงกุฎ นางภัยสังคม”
“หลักฐานครบเมื่อไหร่แหลก นอนโรงพยาบาลฟรี 3 เดือน พวกแกระวังไว้”
ยอมรับว่าเห็นข้อความแล้วรู้สึกกลัว...
พรรัมภา : “ก็กลัวค่ะ ก็อยากให้เขามาพูดคุยให้เป็นลายลักษณ์อักษร ทุกวันนี้ก็ไม่กล้าจะไปไหนมาไหน ถ้าจะไปแฟนก็ต้องไปด้วยเพื่อความปลอดภัย เพราะมีอันหนึ่งที่ส่งมาบอกว่ารู้ที่อยู่เรา แต่ข้อความนั้นเป็นคนละหมายเลขกับที่เคยส่งมาแต่เนื้อหามันสอดคล้องกันอยู่ เขาข่มขู่ให้เราย้ายที่อยู่ ประชาชื่น 37 ห้องขาว ระเบียงเขียว ย้ายที่อยู่เหอะ”
ยืนยันเจตนาที่มาแจ้งความวันนี้เพราะอยากให้เรื่องมันจบๆ
ธนากร : “เจตนาที่ผมมาวันนี้เพราะอยากมาเจอเขา อยากไกล่เกลี่ยให้เรื่องมันจบๆ จะได้ไม่ต้องมาส่งข้อความอะไรแบบนี้มาอีก ผมติดต่อไปก็ติดต่อไม่ได้ ฐานความผิดคดีนี้ที่ผมแจ้งไปก็ไม่ได้ร้ายแรงอะไรมากมาย ประเด็นหลักคือผมอยากให้เขาออกมาและก็มาคุยมาเคลียร์กัน อยากให้จบไม่อยากให้ส่งข้อความมาอีกเพราะเรื่องของเรามันจบไปแล้ว ไม่อยากให้ส่งข้อความมารบกวนจิตใจอีก”
ยอมรับว่าสิ่งที่ทำเป็นสิ่งที่ผิด
พรรัมภา : “หนูก็ยอมรับว่า สิ่งที่ทำเป็นสิ่งที่ผิดและทำให้เราต้องออกจากงาน กับแฟนเองเราก็เหมือนต้องเริ่มความเชื่อใจกันใหม่ และการที่เขาโทร.มาแบบนี้ก็ยิ่งทำให้การเชื่อใจมันลดลงอีก แต่โชคดีที่เขาฟังเราแต่ถ้าแฟนเชื่อในสิ่งที่กล่าวหาชีวิตหนูจะเป็นยังไง ที่ผ่านมาก็มีผลกระทบเพราะตกงาน จริงๆ ก็ผิดทั้งสองฝ่าย หนูเป็นผู้น้อยเป็นผู้ใต้บังคับบัญชาก็ต้องออกมา”
“คือ(ร้องไห้) จากที่เคยมีรายได้ก็ไม่มี พอมีเรื่องแบบนี้ก็คงไม่อยากแต่งเพลงแล้ว คงจะไปทำงานสายอื่นแล้ว ถึงจะเป็นงานที่รักที่อยากทำแต่ไม่ได้ทำแล้วก็ไม่เป็นไร มันเหมือนเป็นการรับผิดรับกรรม ก็เสียใจกับสิ่งที่เราทำ มันก็สมควรแล้วไม่ได้ทำในสิ่งที่รักต่อ ก็อยากจะให้เขาสบายใจด้วยว่าหนูไม่ได้ยุ่งกับวงการนี้แล้วเพราะยังไงเขาก็อยู่วงการนี้”
“ก็อยากจบแค่นี้ หนูก็จะใช้ชีวิตของหนู ไม่ยุ่งเกี่ยวกันแน่นอน ถ้ามีอะไรก็อยากให้คุยกันดีๆ หนูไม่รู้ว่าจะโกรธอะไรหนูอีกหรือเปล่าในวันข้างหน้า อย่าข่มขู่ อย่าทำให้การใช้ชีวิตของหนูกับแฟนระหองระแหงไม่เชื่อใจ ซึ่งที่ผ่านมาหนูก็ยอมรับว่าเขาต้องมีแผลในใจเขาอยู่แล้ว ซึ่งถ้ามีมาบั่นทอนอีกหนูก็ไม่รู้ว่า มันจะเหลืออะไรอีกแค่ไหน”
อย่างไรก็ตาม “บันเทิงเอเอสทีวี ผู้จัดการออนไลน์” ได้ติดต่อเพื่อสอบถามถึงเรื่องดังกล่าวไปยังดี้ นิติพงษ์ กับ รุ่งฤดี ภรรยาแต่ไม่สามารถติดต่อได้ ส่วนความคืบหน้าจะเป็นอย่างไรจะรายงานให้ทราบต่อไป แต่คาดว่าเรื่องนี้น่าจะเป็นที่จับตามองของสังคมเป็นอย่างมาก เพราะไม่ใช่แค่เรื่องชู้สาวเท่านั้น หากแต่รุ่งฤดีนั้นปัจจุบันเป็นผู้พิพากษาสมทบศาลเยาวชนและครอบครัวกลาง จังหวัดนนทบุรี หากการออกมาข่มขู่คุกคามเป็นเรื่องจริง อาจส่งผลต่อภาพลักษณ์ของผู้พิพากษา
ที่มา: manager.co.th