Author Topic: “ตั๊ก บงกช” คัมแบ็ค วงการบันเทิง ประกาศจะไม่ใช้ชีวิตแบบโง่ๆ อีกต่อไป  (Read 1290 times)

0 Members and 1 Guest are viewing this topic.

Offline Nick

  • Administrator
  • Platinum Member
  • *
  • Posts: 46028
  • Karma: +1000/-0
  • Gender: Male
  • NickCS
    • http://www.facebook.com/nickcomputerservices
    • http://www.twitter.com/nickcomputer
    • Computer Chiangmai


“ตั๊ก บงกช” เปิดใจในรายการทางช่อง Super บันเทิง โดยมี “ต่อพงษ์ เศวตามร์” บรรณาธิการข่าวบันเทิง หนังสือพิมพ์เอเอสทีวีผู้จัดการรายวัน และ ผู้อำนวยการช่องซูเปอร์บันเทิง ทำหน้าที่สัมภาษณ์




ได้ชื่อว่าเป็นนางเอกอันดับต้นๆ ที่ดังกระฉ่อนทั้งเรื่องงานและข่าวคราวส่วนตัว สำหรับ “ตั๊ก บงกช คงมาลัย” เรียกว่าผลงานกับข่าวฉาวมีออกมาให้ได้ฮือฮาตลอด แต่แล้วชีวิตตั๊กก็เจอจุดเปลี่ยนครั้งยิ่งใหญ่ เมื่อ “ธนาภา ชีพนุรักษ์” แม่ของตั๊กได้ล้มป่วยลง ทำให้ตลอดระยะเวลากว่า 1 ปีที่ผ่านมา ตั๊กตัดสินใจทิ้งงานในวงการบันเทิงไปดูแลแม่อย่างเต็มที่ วันนี้ "ต่อพงษ์ เศวตามร์" บรรณาธิการข่าวบันเทิง ASTV ผู้จัดการรายวัน และ ผู้อำนวยการช่องซูเปอร์บันเทิง ก็เลยเชิญ ตั๊ก บงกช มาพูดคุยถึงความเปลี่ยนแปลงดังกล่าวในรายการ "เขย่าจอ" ช่วง TALK A TIVE
       
       ประเดิมทวงบัลลังก์เซ็กซี่ตัวแม่
       
       “ช่วงที่หายไปก็ดูแลตัวเองด้วย เพราะตั้งใจจะถ่ายงานเซ็ทนี้ให้นิตยสาร MARS ด้วย อีกอย่างก็อยากจะกลับมารับงานเหมือนเดิมแล้ว ที่หายไปก็ไม่ได้ตั้งใจจะลาวงการอะไร เราแค่อยากจะออกไปดูแลแม่เฉยๆ ช่วงที่ดูแลแม่เราก็ปล่อยชิลล์ไม่ได้ดูแลตัวเอง พอคิดจะกลับมาเราก็รู้ว่าเราจะต้องกลับมาในแบบไหน ก็เป็นการกลับมาที่น่าพอใจค่ะ เราเป็นดาราเราก็ต้องดูแลตัวเองเนอะ”
       
       “เรื่องเซ็กซี่กับตั๊กไม่ใช่ว่าตั๊กต้องขายเซ็กซี่นะ มันเกี่ยวกับเรื่องของตัวงานมากกว่า อาจเป็นเพราะบ้านเราเองก็อยากจะเห็นนางเอกเซ็กซี่ด้วยรึเปล่า เพราะนางเอกแต่ละคนส่วนใหญ่ก็ถ่ายเซ็กซี่ ข้อจำกัดอะไรตั๊กไม่มี ขอแต่เป็นงานที่แตกต่างกว่าเดิมเพราะตั๊กไม่อยากให้คนเบื่อที่จะดูตั๊ก”
       
       กลับมาครั้งนี้จะเล่นให้เรียบทั้งละครและภาพยนตร์
       
       “ตอนนี้เรียกว่าตั๊กกลับมารับงานเต็มตัวแล้ว ละครตั๊กก็จะรับค่ะ ตอนนี้กำลังเรียนแอคติ้ง การเล่นละครกับเล่นหนังมันต่างกัน เราจะเล่นยังไงให้มันไม่น่าเกลียด จริงๆ ก็มีคนติดต่อเข้ามาตลอดนะ แต่บทเรายังไม่อินเท่าไหร่ กลับมาครั้งตอนนี้ก็มีหนัง 4 เรื่องค่ะ มีเรื่อง จันดารา เรื่องนางฟ้า ปล้นนะยะ 2 แล้วก็เรื่องแม่นาค 3 มิติ ก็เจอเรื่องราวแปลกๆ เหมือนกันค่ะ มีมาโค้ชแอ็คติ้งด้วยบอกให้ทำตาโตๆ กว่านี้จะได้น่ากลัว แล้วก็มีมาให้เลขด้วย”
       
       “จริงๆ แล้วตั๊กไม่เคยคิดเลยว่าย่านาคจะมาจริงๆ หรอก คิดว่าทีมงานคงคิดมาก พอกลับไปที่พักด้วยความที่ตั๊กปากไม่ดี ก็พูดกับแม่ว่าคนที่โดนย่านาคเข้าคงอยากจะให้คนไปบูชาเขารึเปล่า สักพักไฟที่ห้องตั๊กก็ดับ แล้วหมาก็หอนเหมือนในหนังเลย ตั๊กรู้สึกว่าไม่ใช่ละ แม่นาคมีจริงรึเปล่า แม่ตั๊กก็ฝันว่าย่านาคเอาองุ่นมาให้ 2 ลูกแล้วก็ผ้าผืนนึง แม่เขาก็ไปตีเลขเป็น 001 100 แล้วเลขก็ออก 100 ได้มา 8 หมื่น แล้วเรื่องนี้ยังได้ไปฉายต่างประเทศถึง 6 ประเทศอีกด้วย”
       
       “แล้วก็จะมีเรื่องนางฟ้าที่ตั๊กกำกับเอง เรื่องนี้ได้แรงบันดาลใจจากนายทุน ก็คือพี่อ้วน รีเทิร์น คือแต่ก่อนคิดเองแล้วไปขายแล้วมันก็ไม่ผ่าน ช่วงก่อนมีแม่ป่วย เราไม่อยากเปลี่ยนบทเราเพราะเขาบอกว่าหนังเราไม่ขาย ไม่ใช่หนังตลาด เขาทำหนังเขาไม่อยากได้รางวัลเขาอยากได้เงิน พี่อ้วนก็คิดพล็อตเรื่องใหม่แล้วนำไปเสนอก็ผ่าน ก็จะมีคนทำบทอยู่แล้ว ตั๊กก็จะกำกับและแสดงด้วย”
       
       จากเซ็กซี่ตัวแม่สู่บทบาท “ผู้กำกับ” เต็มตัว
       
       “จุดเริ่มต้นที่อยากจะกำกับหนังคงเป็นเพราะว่าบ้านเราเป็นนักแสดงว่าไม่ดีนัก ไม่ได้รวยเหมือนการเล่นละคร นักแสดงหนังจะได้แค่เงินค่าแสดง ถึงเขาจะได้ 100 ล้าน เราก็ไม่มีส่วน อย่างที่ผ่านมาตั๊กก็ได้ทำเรื่องปายอินเลิฟ เรื่องนั้นก็ได้ 13 ล้าน ก็ไม่ได้มากมายมหาศาล เบ็ดเสร็จหักไปก็ได้ตั้ง 2.5 ล้าน ตั๊กว่ามันโอเคนะ เพราะเล่นได้ล้านเดียวเอง แล้วนี่ก็เป็นแค่หนังสั้นด้วย”
       
       “อาจจะเป็นเพราะเราเองก็ไม่ได้เล่นละครด้วย ตั๊กเลือกทำงานที่ตั๊กอยากจะทำ ตั๊กชอบหนังเพราะแต่ละเรื่องที่ได้เล่นมีแต่บทดีๆ มาให้ ละครก็มีเข้ามานะ แต่ให้ตั๊กไปร้ายไปกรี๊ดๆ ตั๊กก็ไม่อยาก แล้วอีกอย่างพอตั๊กตัดสินใจเซ็นสัญญากับสหมงคลฟิล์ม ในข้อสัญญามันก็มีว่าห้ามเล่นละครด้วย ก็เลยต้องจำยอม”
       
       “แนวทางการกำกับตั๊กไม่ได้มองใครมาเป็นต้นแบบ ตั๊กกำกับในแบบที่ตั๊กอยากจะกำกับ ตั๊กยอมรับเลยการทำงานตรงนี้มันไม่ใช่เรื่องง่ายเลย เราจะต้องปรับเปลี่ยนความคิด แก้ปัญหาเฉพาะหน้าตลอดเวลา มันก็เป็นการฝึกความอดทน และก็เรื่องของจิตใจ ความรับผิดชอบของเราด้วย อย่างเรื่องก่อนหนังอีโรติกที่ถูกพับโปรเจกต์ไปนั่นเพราะตั๊กไม่เอาแล้ว เรายังไม่เก่งพอที่จะเผชิญกับปัญหา คือไม่ใช่เป็นผู้กำกับแล้วจะทำงานได้แบบที่เราคิดเลยมันไม่ใช่ มันเป็นการผสมผสานการทำงานร่วมกัน ช่วยแก้ปัญหากัน ตอนนั้นเราก็จะเด็ก คือถ้ามันไม่ได้อย่างที่เราต้องการเราก็จะไม่ทำไง เพราะที่ผ่านมาตั๊กจะยึดมั่นว่าตั๊กชอบแบบไหนก็จะทำอย่างนั้น”
       
       ใช้ธรรมะลดความสุดโต่งของตัวเอง สัญญาจะไม่ใช้ชีวิตแบบโง่ๆ อีกต่อไป
       
       “ตั๊กเองก็ยังทำอยู่เรื่อยๆ ค่ะ อาจจะเดือนละ 3 วัน แน่นอนว่าตั๊กเปลี่ยนไปเยอะ สิ่งที่มันตกผลึกจากการได้ทำดีๆหรือการที่ตั๊กได้รับจากการนั่งสมาธิตั๊กเอามาปรับใช้กับการทำงาน เอาไปใช้สอดแทรกในหนัง ในเรื่องของมุมมองการใช้เหตุและผลการใช้ชีวิต ตั๊กใจเย็นขึ้น อย่างที่ผ่านมาตั๊กจะเป็นคนสุดโต่งในทุกเรื่อง”
       
       “แต่เดี๋ยวนี้เราก็ได้เรียนรู้แล้ว แม้ในงานจะยังต้องสุดโต่งอยู่บ้าง แต่ชีวิตจริงหรือการทำงานตั๊กเลือกที่จะยังไงก็ได้ค่ะ แต่มันก็ยังสุดโต่งในแบบของเรา และตั๊กก็เชื่อว่าการที่ตั๊กสุดโต่งกับงานมันเป็นผลทำให้เรากลับมายืนตรงนี้ได้อีก ตั๊กว่ามันอยู่ที่เรามากกว่า คืองานของเราไม่ได้มีผลทำให้คนรู้สึกแย่หรือเป็นข่าวนะ มันเป็นเพราะตัวตั๊กเองต่างหากที่ทำให้มันแย่เอง เลยคิดว่าเราควรจะปรับเปลี่ยนตัวเองมากกว่า ทำให้ตั๊กเลิกใช้ชีวิตแบบโง่ๆ อีกต่อไป ต้องใช้ชีวิตอย่างมีสติ แค่เพียงเรายอมลดความอีโก้ในตัวเอง”
       
       เกิดเป็นผู้หญิง ครั้งนึงในชีวิตก็ฝันอยากจะเป็น “แม่” คน
       
       “ตั๊กไม่ได้ตั้งใจอยากจะโสดไปตลอดชีวิต ตั๊กเป็นผู้หญิงในชีวิตสักครั้งนึงก็อยากจะเป็นแม่คน ตั๊กอยากมีลูก อยากเป็นแม่ แบบที่แม่ตั๊กเป็น แต่มันก็ยังไม่ถึงเวลานั้นไง ฉะนั้นตั๊กก็จะไม่เร่งรีบ ปล่อยให้มันเป็นไปตามเวลา คือตั๊กเชื่อว่าถ้าเราเจอใครสักคนที่ใช่มันจะเป็นเองไปตามอัตโนมัติ ที่ผ่านมาแม่ตั๊กก็มีแนะนำให้ แต่มันไม่ใช่เจอปุ๊บรักปั๊ป หรืออยู่ไปเดี๋ยวก็รักกันเอง แบบนี้ไม่ใช่ตั๊ก ตั๊กขอเรียนรู้ไปก่อน”
       
       ติดตามชมการสัมภาษณ์ “ตั๊ก บงกช” ฉบับเต็มได้ในรายการ “เขย่าจอ” ช่วง TALK A TIVE ทางช่อง Super บันเทิง ซึ่งออกอากาศทุกวันอังคารเวลา 20.30 - 21.30 น.

ที่มา: manager.co.th


 
Share this topic...
In a forum
(BBCode)
In a site/blog
(HTML)