กลุ่มพิทักษ์สิทธิมนุษยชน ทนายความ และคู่แข่งรายสำคัญอย่างไมโครซอฟท์ (Microsoft) พร้อมใจกันยัดเยียดตำแหน่งผู้ต้องหาคดีสอดแนมและละเมิดสิทธิความเป็นส่วนตัวผู้ใช้ให้กับกูเกิล (Google) ระบุกูเกิลตั้งใจหลบเลี่ยงมาตรการรักษาความปลอดภัยในโปรแกรมเบราว์เซอร์เพื่อสอดแนมข้อมูลสำหรับนำไปใช้ในกระบวนการนำเสนอโฆษณาของตัวเอง ด้านกูเกิลปัดไม่ได้หวังกำไรจนมองข้ามความเป็นส่วนตัวของผู้ใช้อย่างที่ถูกกล่าวหา แม้ศาลจะรับคำฟ้องของผู้ใช้อเมริกันที่เรียกค่าเสียหายจากการถูกกูเกิลสอดแนมแล้ว ดีน ฮาชาโมวิตช์ (Dean Hachamovitch) รองประธานฝ่ายปฏิบัติการผลิตภัณฑ์เบราว์เซอร์ไออี (Internet Explorer) โพสต์ข้อความในเว็บไซต์ของบริษัทว่าบริษัทกำลังอยู่ระหว่างการตรวจสอบว่ากูเกิลมีความพยายามหลีกเลี่ยงมาตรการรักษาความปลอดภัยของผู้ใช้ไออี เพื่อสอดแนมและติดตามการใช้งานอินเทอร์เน็ตของผู้ใช้ไออีจริงหรือไม่อย่างไร โดยยอมรับว่าไออีคือเหยื่ออีกรายหลังจากเบราว์เซอร์ซาฟารี (Safari) ของแอปเปิลมีแนวโน้มถูกหลบเลี่ยงเช่นกัน
"กูเกิลกำลังใช้วิธีการเดียวกันเพื่อเลี่ยงการป้องกันที่ไออีตั้งไว้เป็นค่าเริ่มต้น (default) และติดตามผู้ใช้ด้วยคุกกี้ เรากำลังตรวจสอบเพื่อหาทางปรับปรุงผลิตภัณฑ์ให้ดีขึ้น"
การประนามกูเกิลครั้งนี้เกิดขึ้นหลังจากปลายสัปดาห์ที่ผ่านมา สำนักข่าววอลล์สตรีทเจอร์นอลได้เปิดเผยผลการศึกษาจากโจนาธาน เมเยอร์ (Jonathan Mayer) นักวิจัยมหาวิทยาลัยสแตนฟอร์ดซึ่งพบช่องโหว่บนเบราว์เซอร์ซาฟารี โปรแกรมท่องเว็บไซต์ที่แอปเปิลติดตั้งในไอโฟน ไอแพด และไอพ็อด โดยช่องโหว่ดังกล่าวทำให้ผู้ให้บริการโฆษณาออนไลน์รวมถึงกูเกิลสามารถติดตามพฤติกรรมการเข้าเว็บไซต์ต่างๆ ของผู้ใช้ผ่านไฟล์คุกกี้ ที่มักเป็นเครื่องมือของเว็บไซต์ให้ผู้ใช้เปิดเว็บได้เร็วขึ้นในครั้งถัดไป
รายงานระบุว่า ปกติแล้วเบราว์เซอร์ทั่วไปจะยอมรับไฟล์คุกกี้จากเว็บไซต์ที่ถูกเปิดใช้งานเท่านั้น และจะปิดกั้นคุกกี้รูปแบบอื่นซึ่งค่ายโฆษณาออนไลน์มักจะแอบส่งมาด้วย แต่นักวิจัยของสแตนด์ฟอร์ดพบว่ากูเกิลสามารถหลอกล่อให้เครื่องรับไฟล์คุกกี้ได้อย่างไม่ตั้งใจ โดยใช้ปุ่ม "+1" ที่ถูกสร้างขึ้นจากเทคโนโลยี DoubleClick เป็นตัวบังหน้า
ทันทีที่ข่าวถูกเผยแพร่ในช่วงต้นสัปดาห์ กูเกิลเริ่มดำเนินการลบไฟล์คุกกี้เพื่อการโฆษณาหรือ advertising cookie ที่ใช้กับเบราว์เซอร์ซาฟารีทันที พร้อมกับยอมรับว่าระบบปุ่ม +1 ทำให้กูเกิลสามารถติดตามพฤติกรรมการเข้าเว็บไซต์จากไฟล์คุกกี้ได้จริง แต่เป็นพฤติกรรมที่ไม่สามารถระบุตัวผู้ใช้ ทำให้ไม่เกี่ยวข้องกับการละเมิดข้อมูลส่วนบุคคลแต่อย่างใด
แอปเปิลออกมาชี้แจงในเวลาไล่เลี่ยกันว่าบริษัทกำลังหาวิธีหยุดยั้งการละเมิดทุกชนิดบนซาฟารี พร้อมกับกลุ่มพิทักษ์สิทธิมนุษยชนที่ดำเนินการฟ้องร้องต่อศาลสหรัฐฯ ให้กูเกิลจ่ายค่าเสียหายแก่ผู้ใช้ซาฟารีจำนวนหลายล้านคน ขณะที่ผู้แทนมลรัฐแคลิฟอร์เนียส่งจดหมายเรียกตัวแทนกูเกิลเข้าชี้แจงต่อสาธารณชน ว่าบริษัทเก็บข้อมูลอะไรจากผู้ใช้และจะใช้ข้อมูลดังกล่าวอย่างไร
สิ่งที่เกิดขึ้นทำให้ไมโครซอฟท์ออกมาผสมโรงว่า ผู้ใช้เบราว์เซอร์ไออีก็ถูกกูเกิลละเมิดสิทธิความเป็นส่วนตัวเช่นกัน พร้อมกับระบุว่าจะดำเนินการตรวจสอบเพื่อปกป้องผู้ใช้ไออีอย่างที่สุด
อย่างไรก็ตาม กูเกิลออกมาตอบโต้ว่าไมโครซอฟท์นั้นรู้ปัญหานี้มานานหลายปีแล้ว โดยอ้างว่าไมโครซอฟท์ไม่ใส่ใจที่เว็บไซต์อย่างเฟซบุ๊กและอเมซอนใช้ประโยชน์จากเทคนิกเลี่ยงระบบปิดกั้นคุกกี้ในไออีมาตลอด จุดนี้ คริสโตเฟอร์ โซโกเอียน (Christopher Soghoian) นักวิจัยอิสระแสดงความเห็นด้วยโดยบอกว่าแทนที่จะแก้ปัญหาในไออีที่เฟซบุ๊กและอเมซอนใช้ประโยชน์ ไมโครซอฟท์กลับไม่ดำเนินการใดๆ แต่ตอนนี้กลับมาต่อว่าเมื่อกูเกิลใช้ประโยชน์จากเทคนิกนี้บ้าง
เช่นเดียวกับนักวิจัยนามลอเรน เวน์สไตน์ (Lauren Weinstein) ซึ่งวิจารณ์การผสมโรงของไมโครซอฟท์ว่าเป็นความเคลื่อนไหวที่ไม่สร้างสรรค์ และไม่ช่วยให้สังคมได้รับความกระจ่างในประเด็นการละเมิดของกูเกิล
ไม่ว่าจะตั้งใจหรือไม่ แต่ความพยายามหลีกเลี่ยงมาตรการรักษาความปลอดภัยบนเบราว์เซอร์ของกูเกิลนั้นก็ส่อเจตนาไม่สุจริตในทุกกรณี โดยกลุ่มรักษาสิทธิมนุษยชนได้ออกมาเรียกร้องให้คณะกรรมการการค้ายุติธรรมสหรัฐฯหรือ US Federal Trade Commission ออกมาตรวจสอบกูเกิลอย่างจริงจัง
ความเคลื่อนไหวล่าสุดของกูเกิล คือการออกแถลงการณ์ถึงกรณีที่เบราว์เซอร์ซาฟารีสามารถทำให้คุกกี้ของกูเกิลถูกส่งไปยังเครื่องของผู้ใช้ได้ ว่าเป็นผลลัพท์ที่กูเกิลไม่คาดหวังให้เกิดขึ้น โดยยังไม่มีความเห็นอื่นต่อกรณีฟ้องร้องเรียกค่าเสียหายเพิ่มเติม
นอกจากซาฟารีและไออี ยังไม่มีรายงานจากเบราว์เซอร์ที่มีผู้ใช้งานหลายล้านคนอย่างไฟร์ฟ็อกซ์ (Firefox) ว่าพบการเลี่ยงระบบรักษาความปลอดภัยเพื่อติดตามการใช้งานของผู้ใช้หรือไม่ ซึ่งคาดว่าผลการสอบสวนของเรื่องนี้จะได้รับความสนใจจากชาวออนไลน์ทั่วโลกอีกนาน
Company Related Link :
Google
ที่มา: manager.co.th