หนึ่งในข่าวไอทีต่างประเทศที่ได้รับความสนใจจากโลกออนไลน์ในช่วงต้นสัปดาห์ที่ผ่านมา คือ ไซแมนเทค (Symantec) ยักษ์ใหญ่แห่งวงการรักษาความปลอดภัยระบบคอมพิวเตอร์ ที่ถูกโจรไฮเทคกลุ่ม Anonymous เรียกเงินค่าไถ่ โดยขู่ว่าหากไซแมนเทคไม่ยอมจ่ายเงิน ซอร์สโค้ดหรือชุดคำสั่งในโปรแกรม Norton Utilities และ pcAnywhere ที่ไซแมนเทควางขายแก่ผู้ใช้ จะถูกเผยแพร่ต่อสาธารณชนบนโลกออนไลน์ ไม่พูดเปล่า แต่แฮกเกอร์โจรยังขู่ไซแมนเทคด้วยการปล่อยซอร์สโค้ดบางส่วนออกมาเมื่อวันที่ 7 กุมภาพันธ์ที่ผ่านมา ซึ่งเชื่อว่าจะมีการปล่อยซอร์สโค้ดออกมาอีกในอนาคต
การปล่อยซอร์สโค้ดโปรแกรมนั้นเป็นคำขู่ที่ยิ่งใหญ่สำหรับบริษัทจำหน่ายโปรแกรมแอนตี้ไวรัสอย่างไซแมนเทค เพราะการเผยแพร่ชุดคำสั่งสู่สาธารณชนจะมีโอกาสทำให้กลุ่มผู้ไม่ประสงค์ดี สามารถศึกษาชุดคำสั่งเพื่อเจาะระบบการป้องกันที่วางไว้ได้ ไม่ต่างกับการส่งแผนที่ให้ศัตรูรู้ว่าได้วางกับดักใดไว้ในสมรภูมิรบ ซึ่งศัตรูจะสามารถหาช่องทางเจาะแนวรบเข้ามาประชิดเมืองได้ง่ายกว่าเดิม
หากประชิดเมืองได้ ชาวเมืองย่อมตกอยู่ในอันตรายอย่างไม่ต้องสงสัย เท่ากับผู้ใช้ผลิตภัณฑ์ของไซแมนเทคกำลังอยู่ในความเสี่ยง แต่ในข่าว ไซแมนเทคยืนยันว่าผู้บริโภคจะไม่ได้รับผลกระทบอะไร แถมคาดว่าซอร์สโค้ดที่กำลังจะถูกเผยแพร่เพิ่มเติมนั้นเป็นชุดคำสั่งเก่าที่จะไม่มีผลใดๆกับผู้ใช้ในพ.ศ.นี้
คำถามคือจริงหรือไม่ อย่างไร?
คำยืนยันของไซแมนเทคมีส่วนเชื่อถือได้ เพราะ Cris Paden ประชาสัมพันธ์ของไซแมนเทคนั้นยืนยันว่าชุดคำสั่งที่ Anonymous เผยแพร่ออกมาเมื่อวันที่ 7 กุมภาพันธ์นั้นเป็นชุดคำสั่งเดียวกับที่บริษัทเคยพบว่าถูกขโมยไปตั้งแต่ปี 2006 โดยเป็นชุดคำสั่งของโปรแกรม Norton Utilities และ pcAnywhere คาดว่าชุดคำสั่งต่อไปที่โจรนักแฮกจะปล่อยออกมา อาจเป็นชุดคำสั่งของโปรแกรม Norton Antivirus Corporate Edition และ Norton Internet Security ปี 2006
ความที่เป็นโปรแกรมเก่าแก่อายุมากกว่า 5 ปี ทำให้ไซแมนเทคเชื่อว่าลูกค้าไซแมนเทคและนอร์ตันจะไม่มีความเสี่ยงเพิ่มขึ้น แถมประชาสัมพันธ์ไซแมนเทคยังย้ำว่าบริษัทไม่ได้หวั่นใจกับคำขู่ของโจรนักแฮกเลย แม้นักแฮกจะเปิดฉากข่มขู่ไซแมนเทคมาตั้งแต่เดือนมกราคมที่ผ่านมาด้วยการเปิดเผยเอกสารความยาวกว่า 2,700 คำที่อธิบายหลักการทำงานของโปรแกรม Norton Antivirus
เหตุผลคือเพราะเอกสารเหล่านี้เป็นเอกสารเผยแพร่ทั่วไปที่มีอายุมากกว่า 12 ปี ไม่เพียงเก่าแต่ยังไม่มีความลับด้านความปลอดภัยใดๆ ทำให้บริษัทไม่สนใจต่อการเรียกค่าไถ่ซึ่งโจรแฮกเรียกร้องไปถึง 500,000 เหรียญสหรัฐ
ประชาสัมพันธ์ไซแมนเทคชี้แจงว่าบริษัทไม่เคยส่งอีเมลต่อรองค่าไถ่แก่โจรนักแฮก แต่อีเมลที่โจรนักแฮกนำเผยแพร่เพื่อให้โลกเข้าใจว่าได้ต่อรองกับพนักงานของไซแมนเทคเรื่องค่าไถ่นั้น เป็นอีเมลที่ส่งโดยเจ้าพนักงานสหรัฐฯ ซึ่งโต้ตอบหลอกล่อเพื่อสืบหาเบาะแสขบวนการแฮกครั้งนี้ ไม่ใช่อีเมลต่อรองในนามของไซแมนเทคแต่อย่างใด
อีกส่วนที่ผู้บริโภคควรวางใจ คือขบวนการ Anonymous ไม่ได้ประสบความสำเร็จในการแฮกระบบของไซแมนเทค เพราะ Anonymous ยอมรับว่าได้รับข้อมูลซอร์สโค้ดเหล่านี้มาจากการเจาะระบบเครือข่ายทหารของรัฐบาลอินเดีย จุดนี้ไซแมนเทคปฏิเสธไม่ให้ความเห็นเกี่ยวกับแหล่งต้นตอที่ขบวนการ Anonymous อ้างไว้ โดยระบุเพียงว่าไซแมนเทคไม่เคยตกลงแบ่งปันซอร์สโค้ดกับหน่วยงานรัฐบาลอินเดียใดๆ
แต่ลึกๆแล้ว ผู้บริโภคทั่วโลกอดหวั่นใจไม่ได้ เพราะ Norton Antivirus เป็นผลิตภัณฑ์หลักที่ทำเงินให้ไซแมนเทคในธุรกิจซอฟต์แวร์สำหรับผู้บริโภคคอนซูเมอร์ (มูลค่าตลาด 2 พันล้านเหรียญ) โดยนอร์ตันเป็นโปรแกรมแอนตี้ไวรัสที่มีผู้ใช้งานมากกว่า 150 ล้านคนทั่วโลก ขณะเดียวกัน ขนาดสุดยอดบริษัทผู้อาสาตัวเป็นผู้ดูแลความปลอดภัยระบบคอมพิวเตอร์ของหลายบริษัททั่วโลกอย่างไซแมนเทค ยังจับพลัดจับพลูถูกนักเจาะระบบดัดหลังเรียกค่าไถ่จนสูญเสียความเชื่อมั่นเช่นนี้ ย่อมแปลว่าอะไรก็เกิดขึ้นได้ในโลกออนไลน์แม้จะมีการรักษาความปลอดภัยเพียงใด
แต่ในเบื้องต้น ไซแมนเทคได้เปิดอัปเดทฟรีสำหรับผู้ใช้โปรแกรม pcAnywhere เพื่อให้ทุกคนเปลี่ยนไปใช้โปรแกรมเวอร์ชันปัจจุบัน พร้อมกับท่องคาถาเดิมว่า ขอให้ผู้บริโภคใช้โปรแกรมรักษาความปลอดภัยเวอร์ชันใหม่อยู่เสมอ เพื่อให้มั่นใจว่าคอมพิวเตอร์ได้รับการคุ้มครองที่รัดกุมตลอดเวลา
ผลกระทบเดียวของผู้บริโภคในเรื่องนี้ จึงดูเหมือนว่าเป็นการตอกย้ำความจริงเรื่องความจำเป็นในการอัปเกรดเวอร์ชันโปรแกรมแอนตี้ไวรัส ซึ่งไม่ใช่แต่บริษัทยักษ์ใหญ่ ผู้บริโภคอย่างเราทุกคนก็ไม่ควรมองข้าม Company Related Link :
Symantec
ที่มา: manager.co.th