“นก สินจัย” รับเสียความรู้สึก “ปิงปอง” ไม่พูดความจริงเรื่องขับรถชนคนตาย จนปล่อยให้คนตายกลายเป็นแพะรับบาป บอกสำนึกผิดในสิ่งที่ทำลงไปก็ดีแล้ว ลั่นให้อภัยได้ พร้อมฝากเตือนน้องรักด้วยความหวังดี โตแล้วอยากให้ใช้ชีวิตระมัดระวังมากกว่านี้ จากกรณีที่นักแสดงสาว “ปิงปอง สะแกวัลย์ ยงใจยุทธ” ออกมาเผยทั้งน้ำตาว่าตนเองเป็นคนขับรถชนคนตาย2 ศพ ที่จ.ชลบุรี เมื่อปลายปีที่แล้ว แต่ปกปิดความจริงจนทำให้สังคมเข้าใจผิดคิดว่า นายมิตรชัย เขียวชอุ่ม ซึ่งเป็นคนขับรถของสาวปิงปองที่เสียชีวิตในเหตุการณ์อุบัติเหตุดังกล่าวเป็นคนขับ พร้อมกับฝากขอโทษ “นก ฉัตรชัย” และ “นก สินจัย เปล่งพานิช” ที่โกหกเรื่องดังกล่าว ทั้งที่ทั้งคู่ดูแลตนเหมือนน้องมาโดยตลอด ล่าสุดได้เจอตัว “นก สินจัย” และ “นก ฉัตรชัย” ในวันบวงสรวงเปิดกล้องละคร “เหนือเมฆ2” ที่ช่อง3 หนองแขม จึงสอบถามถึงประเด็นดังกล่าว ซึ่งทั้งคู่ก็ยอมรับว่าเสียความรู้สึกที่น้องไม่พูดความจริง
นก สินจัย : “ไปเยี่ยมเขาครั้งแรกไม่รู้สึกตัวกลับมา ก็ได้ฝากข้อความไว้ หลังจากนั้นก็มีโอกาสได้ไปเยี่ยมมาบ้าง ส่งเอสเอ็มเอสหาบ้าง ก็ไม่มีความคิดเห็น (หัวเราะ)”
“จริงๆ เรายังไม่ได้คุยกับเขาเลย เขาก็ฝากข้อความไว้ แต่ว่ายังไม่ได้คุยต่อเนื่อง ก็ไม่มีความเห็นอะไร (หัวเราะ) ถ้าถามจริงๆ ก็คงเสียความรู้สึก แต่ไม่ได้มากมาย แค่ติดใจว่าทำไมไม่พูดความจริงเท่านั้นเอง เสียดายแค่ตรงนั้น ตราบใดที่เขาสำนึกผิดหรือรู้สึกผิดกับสิ่งที่เกิดขึ้น นกว่ามันเป็นเรื่องที่ดีแล้ว เพียงแต่ว่าเสียดาย น่าจะเข้าใจและยอมรับอะไรตั้งแต่ต้น แต่ก็ไม่เป็นไร ตอนนี้เขาต้องดูแลตัวเองและทำในสิ่งที่ควรทำ แต่นกไม่ได้โกรธถึงขนาดให้อภัยไม่ได้ เพียงแต่ว่าเขาต้องเรียนรู้ชีวิตในทุกวันของเขา ต้องรู้จักที่จะจัดการชีวิตตัวเองได้แล้ว และต้องระมัดระวังตัวในการใช้ชีวิตให้มากกว่านี้”
นก ฉัตรชัย : “จริงๆ ผมไม่ทราบเรื่อง พอรู้ว่าน้องรถชนก็เข้าไปช่วยดูแล ไปเยี่ยม เขาจะมากลัวพี่นกชาย พี่นกหญิงโกรธไม่ได้หรอก เขาควรจะรู้ว่าอะไรเป็นอะไรได้แล้ว เพราะตอนนี้เขาก็โตเป็นผู้ใหญ่มาก แล้วพี่นกหญิงก็ดูแลเขามาตลอดเวลานานมาก เขาต้องรู้แล้วว่าการมีชีวิตอยู่มันต้องเป็นอย่างไร คืออะไรที่ล้นที่เกินควรจะลดลงมาอยู่พอดีบ้าง ก็อยากเตือนน้องแค่นี้ครับ”
ยอมรับว่าเสียใจ เสียความรู้สึก แต่ไม่โกรธน้องสาวคนนี้
นก สินจัย : “ก็ไม่ได้โกรธขนาดให้อภัยไม่ได้ คือเราเสียใจที่เขาไม่บอกความจริงแค่นั้น เราไม่ได้มีอะไรมากมันอยู่ที่ตัวเขามากกว่า ผลกระทบมันเกิดขึ้นกับตัวเขา ซึ่งมันน่าเสียดายถ้ายอมรับตั้งแต่ตอนนั้นทุกอย่างมันจะดำเนินต่อไปอย่างดี แต่เขาต้องเรียนรู้ทุกอย่างด้วยตัวเองค่ะ”
ที่มา: manager.co.th