Author Topic: "ซัมซุง" กำไรพุ่ง แต่เสียแชมป์ โมโตโรลา-โนเกียขาดทุนยับ  (Read 1024 times)

0 Members and 1 Guest are viewing this topic.

Offline Nick

  • Administrator
  • Platinum Member
  • *
  • Posts: 46027
  • Karma: +1000/-0
  • Gender: Male
  • NickCS
    • http://www.facebook.com/nickcomputerservices
    • http://www.twitter.com/nickcomputer
    • Computer Chiangmai


      ประกาศผลประกอบการแล้วสำหรับ 3 ค่ายโทรศัพท์มือถือใหญ่ โมโตโรลาและโนเกียก้มหน้ารับภาวะขาดทุนยับเยินแม้จะยังสามารถจำหน่ายสินค้าในตลาดได้ต่อเนื่อง สวนทางกับซัมซุงที่ผลกำไรพุ่งกระฉูดทำสถิติใหม่ แต่มีแนวโน้มว่ากำลังถูกแอปเปิลชิงตำแหน่งเจ้าสมาร์ทโฟนไปได้แล้วอย่างน่าเสียดาย


       ***โมโตโรล่าหืดจับ
       
       หน่วยธุรกิจโทรศัพท์มือถือของโมโตโรลาหรือโมโตโรลาโมบิลิตี้ (Motorola Mobility) ประกาศผลประกอบการขาดทุนในช่วงไตรมาส 4 ปี 2011 (ตุลาคม-ธันวาคม 2011) ท่ามกลางรายรับรวมคงที่เท่าช่วงเวลาเดียวกับปีก่อนหน้า คาดยักษ์ใหญ่กูเกิล (Google) กำลังกุมขมับหลังจากซื้อโมโตโรลาโมบิลิตี้ไปด้วยเงินถึง 1.25 หมื่นล้านเหรียญสหรัฐ (ราว 3.8 แสนล้านบาท)
       
       รายได้รวมของโมโตโรลาโมบิลิตี้ในช่วง 3 เดือนปลายปี 2011 มีมูลค่า 3.4 พันล้านเหรียญสหรัฐหรือประมาณ 1.05 แสนล้านบาท โดยสามารถจำหน่ายอุปกรณ์พกพาทั้งหมด 10.5 ล้านเครื่อง (ในจำนวนนี้เป็นสมาร์ทโฟน 5.3 ล้านเครื่อง และแท็บเล็ต 2 แสนเครื่อง) ใกล้เคียงกับช่วงเวลาเดียวกับปีก่อนซึ่งโมโตโรลาสามารถทำกำไรได้ 72 ล้านเหรียญ แต่สำหรับปี 2011 โมโตโรลากลับขาดทุนสุทธิ 80 ล้านเหรียญ หรือเฉลี่ย 27 เซนต์ต่อหุ้น คิดเป็นผลขาดทุนจากการดำเนินงาน 70 ล้านเหรียญ
       
       แม้เบ็ดเสร็จตลอดปี 2011 โมโตโรลาจะขาดทุนสุทธิถึง 249 ล้านเหรียญ แต่นักลงทุนยังคงเชื่อมั่นว่าโมโตโรลาจะสามารถเติบโคอย่างแข็งแกร่งในตลาดโลกได้ต่อไป โดยหากพิจารณาเฉพาะส่วนธุรกิจอุปกรณ์พกพา (Mobile Devices) โมโตโรลาสามารถทำรายได้เพิ่มขึ้นเล็กน้อย 5% คิดเป็นมูลค่า 2.5 พันล้านเหรียญ ทั้งหมดส่งให้มูลค่าหุ้นของโมโตโรลายังเพิ่มขึ้นราว 7 เซนต์แม้จะประกาศผลประกอบการขาดทุน
       
       โมโตโรลาโมบิลิตี้คาดว่าดีลควบรวมกับกูเกิลจะเสร็จสมบูรณ์โดยเร็วที่สุด แต่ไม่มีการระบุกรอบเวลาที่ชัดเจน บนมูลค่าการซื้อขายหุ้นมากกว่า 40 เหรียญต่อหุ้น (สูงกว่ามูลค่าหุ้นที่ปกติมีมูลค่าราว 38 เหรียญ) ซึ่งหากไม่สามารถบรรลุกระบวนการควบรวมได้อย่างที่ตกลงกัน กูเกิลจะต้องเป็นฝ่ายจ่ายเงิน 2.5 พันล้านเหรียญ


       ***โนเกียบักโกรก
       
       แม้จะโชว์ตัวเลขยอดขายสมาร์ทโฟนรุ่นใหม่ที่ใช้ระบบปฏิบัติการวินโดวส์โฟน (Windows Phone) เกิดคาดมากกว่า 1 ล้านเครื่อง แต่โนเกีย (Nokia) ก็ยังต้องประสบกับภาวะขาดทุนยับเยินบนยอดจำหน่ายโทรศัพท์มือถือที่ลดลงกว่าปีที่ผ่านมา น่ายินดีที่นักลงทุนยังมั่นใจในโนเกียเช่นเดียวกับโมโตโรลา โดยเชื่อว่าการย้ายมาจับขั้วกับไมโครซอฟท์เป็นการตัดสินใจที่ถูกต้องของโนเกีย
       
       ตลอด 3 เดือนสุดท้ายของปี 2011 โนเกียระบุว่าบริษัทขาดทุนทั้งสิ้น 1.07 พันล้านยูโร (ราว 4.3 หมื่นล้านบาท) ทั้งที่ไตรมาสเดียวกันในปี 2010 กลับสามารถทำกำไรได้มากกว่า 745 ล้านยูโร โดยยอดขายรวมตลอดไตรมาส 4 ปี 2011 ของโนเกียอยู่ที่ 1 หมื่นล้านยูโร เพิ่มขึ้นราว 21% แต่ยังน้อยกว่าที่นักวิเคราะห์คาดการณ์ไว้
       
       ในรายรับรวม 1 หมื่นล้านยูโรนั้นแบ่งเป็นยอดขายจากอุปกรณ์และบริการหลักของโนเกีย 6 พันล้านยูโร คิดเป็นสัดส่วนลดลงถึง 29% บนราคาเฉลี่ยโทรศัพท์มือถือโนเกียที่ลดลงเหลือ 53 ยูโรเท่านั้น ในแง่ยอดขายตามจำนวนเครื่อง โนเกียระบุว่าสามารถทำยอดขายสมาร์ทโฟนราว 19.6 ล้านเครื่องในช่วง 3 เดือนปลายปี 2011 คิดเป็นสัดส่วนลดลง 31% ขณะที่ฟีเจอร์โฟนและโทรศัพท์มือถือทั่วไปมียอดขายราว 93.9 ล้านเครื่อง คิดเป็นสัดส่วนลดลง 1%
       
       อย่างไรก็ตาม โนเกียสามารถทำกำไรจากการดำเนินงานได้ราว 478 ล้านยูโร เหนือกว่าที่นักวิเคราะห์คาดการณ์ไว้ 320 ล้านยูโร แถมโนเกียยังมีกำไรจากธุรกิจร่วมทุนโนเกียซีเมนส์เน็ตเวิร์กส์ (Nokia Siemens Networks) อีก 67 ล้านยูโร เหล่านี้เป็นส่วนหนึ่งที่ทำให้มูลค่าหุ้นของโนเกียไม่ดิ่งลงตามข่าวขาดทุน โดยมูลค่าหุ้นโนเกียในตลาดสหรัฐฯนั้นเพิ่มขึ้น 7%


       ***ซัมซุงยิ้มไม่เต็มปาก
       
       ซัมซุง (Samsung Electronics) ประกาศผลประกอบการกำไรกระฉูด 4 ล้านล้านวอนช่วงไตรมาส 4 ปี 2011 (ราว 1.08 แสนล้านบาท) คิดเป็นสัดส่วนเพิ่มขึ้น 17% อานิสงส์จากยอดขายสมาร์ทโฟนที่เติบโตรวดเร็ว อย่างไรก็ตาม แม้ซัมซุงจะไม่เปิดเผยตัวเลขยอดจำหน่ายสมาร์ทโฟนในไตรมาสที่ผ่านมา แต่บริษัทวิจัยเชื่อว่าซัมซุงได้เสียแชมป์เจ้าแห่งตลาดสมาร์ทโฟนให้กับคู่แข่งอย่างแอปเปิล (Apple) แล้วเรียบร้อย
       
       ซัมซุงระบุว่าบริษัทสามารถทำกำไรจากธุรกิจโทรคมนาคมสูงสุดเป็นประวัติการณ์ 2.64 ล้านล้านวอนในช่วงเดือนตุลาคม-ธันวาคมที่ผ่านมา ผลจากความนิยมในสมาร์ทโฟนกลุ่ม Galaxy ซึ่งเป็นผลิตภัณฑ์เรือธงของบริษัท โดยระบุเพียงว่าบริษัทจะลงทุนด้านการพัฒนาชิปและหน้าจอเพิ่มขึ้นอีก 9% คิดเป็นมูลค่ากว่า 25 ล้านล้านวอนในปี 2012
       
       น่าเสียดายที่ซัมซุงไม่เปิดเผยรายละเอียดยอดขายสมาร์ทโฟนที่แน่ชัด บริษัทวิจัยจึงประเมินว่าซัมซุงสามารถจำหน่ายสมาร์ทโฟนได้ราว 36.5 ล้านเครื่องในช่วงปลายปี 2011 ที่ผ่านมา ผลคือตัวเลขดังกล่าวน้อยกว่า 37.04 ล้านเครื่องที่แอปเปิลระบุว่าเป็นยอดจำหน่ายไอโฟน (iPhone) ทำให้บริษัทวิจัย Strategy Analytics ฟันธงว่าแอปเปิลสามารถแซงหน้าซัมซุงแล้วในฐานะผู้จำหน่ายสมาร์ทโฟนมากที่สุดในโลก หลังจากไตรมาส 3 ปี 2011 ซัมซุงสามารถครองแชมป์ไปก่อน
       
       เบื้องต้น นักวิเคราะห์คาดว่าซัมซุงจะสามารถจำหน่ายสมาร์ทโฟนได้ถึง 150-170 ล้านเครื่องในปี 2012 จากปี 2011 ที่คาดว่าสามารถจำหน่ายได้ราว 100 ล้านเครื่อง แต่ทั้งหมดนี้ไม่ได้เป็นเครื่องการันตีว่าซัมซุงจะสามารถทำกำไรเพิ่มขึ้น เนื่องจากแรงกดดันจากสงครามราคาที่จะทำให้ซัมซุงไม่สามารถวางขายเครื่องในราคากำไรงามได้แน่นอน
       
       Company Related Link :
       Nokia
       Samsung
       Motorola

ที่มา: manager.co.th


 
Share this topic...
In a forum
(BBCode)
In a site/blog
(HTML)


Related Topics

  Subject / Started by Replies Last post
0 Replies
5571 Views
Last post October 21, 2010, 05:59:35 PM
by Nick
0 Replies
7137 Views
Last post October 23, 2010, 12:51:34 PM
by Nick
0 Replies
6742 Views
Last post January 13, 2011, 04:29:26 PM
by Nick
0 Replies
4631 Views
Last post February 27, 2011, 11:13:31 PM
by Nick
0 Replies
6042 Views
Last post March 11, 2011, 04:59:35 PM
by Nick
0 Replies
2066 Views
Last post July 03, 2011, 09:25:17 AM
by Nick
0 Replies
2164 Views
Last post July 08, 2011, 03:26:19 PM
by Nick
0 Replies
2167 Views
Last post December 02, 2011, 02:27:58 PM
by Nick
0 Replies
1676 Views
Last post December 03, 2011, 05:41:01 PM
by Nick
0 Replies
4043 Views
Last post January 18, 2012, 02:03:34 PM
by Nick