แม้ว่าในประเทศไทย กระแสไอโฟนรุ่นล่าสุดอย่างไอโฟนโฟร์เอส (iPhone 4S) จากแอปเปิลจะไม่ร้อนแรงเท่าที่ควร แต่นักวิเคราะห์เชื่อว่าไอโฟนโฟร์เอสนี้เองที่จะเป็นแรงสำคัญในการดันผลประกอบการของแอปเปิลให้เพิ่มขึ้นอย่างเป็นกอบเป็นกำช่วงปลายปี 2011 เบื้องต้นคาดว่าสัดส่วนกำไรสุทธิของแอปเปิลจะเพิ่มขึ้นถึง 58% เมื่อเทียบกับไตรมาสเดียวกันในปีก่อนหน้านั้น ไตรมาส 4 ปี 2011 นั้นเป็นช่วงเวลาที่มีความสำคัญสำหรับแอปเปิลมากเป็นพิเศษ เนื่องจากช่วงเวลาดังกล่าวเป็นไตรมาสแรกที่ซีอีโอทิม คุ้ก (Tim Cook) ซีอีโอคนใหม่ของแอปเปิลขึ้นกุมบังเหียนบริษัทเต็มตัวครบ 3 เดือน โดยคุ้กมีกำหนดการประกาศผลประกอบการไตรมาสดังกล่าวในบ่ายวันอังคารที่ 24 มกราคมตามเวลาในสหรัฐฯ
เบื้องต้น การสำรวจความเห็นนักวิเคราะห์ของทอมป์สัน ไฟแนนเชียล (Thomson Financial) พบว่าสัดส่วนกำไรสุทธิของแอปเปิลมีแนวโน้มเพิ่มขึ้นมากกว่า 58% เมื่อเทียบกับไตรมาส 4 ปี 2010 แน่นอนว่ากำไรที่เพิ่มขึ้นนั้นไม่ได้มาจาก iPhone 4S อย่างเดียว แต่ยังมีคอมพิวเตอร์แมคอินทอชพกพาอย่างแมคบุ๊กแอร์ (MacBook Air) และแท็บเล็ตยอดนิยมไอแพด2 (iPad 2) เป็นดาราเรียกคะแนนนิยมจากผู้บริโภคช่วงเทศกาลจับจ่ายปลายปีที่ผ่านมา
ผลิตภัณฑ์เด่นของแอปเปิลสามารถสร้างยอดขายถล่มทลายในหลายประเทศทั่วมุมโลก ทั้งหมดนี้ทำให้นักวิเคราะห์เชื่อว่า แอปเปิลจะสามารถจำหน่ายไอโฟนราว 33 ล้านเครื่องในช่วง 3 เดือนที่ผ่านมา ขณะที่ยอดจำหน่ายไอแพดจะมีจำนวนไม่ต่ำกว่า 14 ล้านเครื่อง ส่งให้กำไรสุทธิของแอปเปิลเพิ่มเป็น 9.6 พันล้านเหรียญ 2.97 แสนล้านบาทหรือ 10.08 เหรียญต่อหุ้น (ราว 312 บาท) บนยอดขายมากกว่า 3.89 หมื่นล้านเหรียญ (ราว 1.2 ล้านล้านบาท)
ทั้งหมดนี้เพิ่มขึ้นจากปีที่ผ่านมาซึ่งแอปเปิลประกาศกำไรสุทธิไว้ที่ 6 พันล้านเหรียญ (ประมาณ 1.8 แสนล้านบาท) หรือเฉลี่ย 6.43 เหรียญต่อหุ้น (ราว 199 บาท) บนยอดจำหน่าย 2.67 หมื่นล้านเหรียญ (ประมาณ 8.2 แสนล้านบาท)
ที่สำคัญ ด้วยต้นทุนค่าใช้จ่ายที่ลดลง นักวิเคราะห์ได้ประเมินว่าสัดส่วนกำไรหรือ gross margin ของแอปเปิลในไตรมาสนี้จะอยู่ที่ 40.8% เพิ่มขึ้นจาก 38.5% ในปีที่แล้ว
สำหรับสินค้าอื่นๆ นักวิเคราะห์เชื่อว่าคอมพิวเตอร์แมคอินทอชมากกว่า 5.6 ล้านเครื่องนั้นถูกจำหน่ายไปในช่วง 3 เดือนปลายปี 2011 ขณะที่ไอพอด (iPod) เครื่องเล่นมัลติมีเดียพกพาของแอปเปิลนั้นสามารถจำหน่ายได้ราว 12.9 ล้านเครื่อง หรือประมาณ 4.3 ล้านเครื่องต่อเดือน
สำหรับไตรมาสปัจจุบัน (มกราคม-มีนาคม 2555) นักวิเคราะห์เชื่อว่ากำไรสุทธิของแอปเปิลจะลดลงเหลือ 7.5 พันล้านเหรียญ (ประมาณ 2.3 แสนล้านบาท) บนยอดจำหน่ายรวม 3.2 หมื่นล้านเหรียญ (ราว 9.9 แสนล้านบาท) เป็นไปตามปกติที่ไตรมาส 1 ของปีมักจะมียอดจำหน่ายที่น้อยกว่าไตรมาส 4 ซึ่งมีเทศกาลจับจ่ายปลายปีเป็นเทศกาลชูโรง
แน่นอนว่าแนวโน้มผลประกอบการงดงามนี้ทำให้มูลค่าหุ้นแอปเปิลเพิ่มขึ้นอย่างต่อเนื่อง โดยช่วงปี 2011 ที่ผ่านมา มูลค่าหุ้นแอปเปิลนั้นเพิ่มขึ้นถึง 30% เป็น 427.41 เหรียญจาก 337.45 เหรียญในปี 2010 ทั้งหมดนี้เป็นการเพิ่มขึ้นหลังจากหุ้นแอปเปิลตกลงเล็กน้อยเพราะยอดจำหน่าย iPhone 3GS ไม่เข้าเป้า
คาดว่ามูลค่าหุ้นแอปเปิลจะเติบโตต่อไป เนื่องจากการคำนวณในช่วง 20 วันแรกของเดือนมกราคมที่ผ่านมา มูลค่าหุ้นของแอปเปิลคิดเป็นสัดส่วนเพิ่มขึ้นถึง 5.53% แล้ว
Company Related Link :
Apple
ที่มา: manager.co.th