เมื่อวานนี้ Eastman Kodak บริษัทผู้คิดค้นกล้องพกพาสัญชาติอเมริกาที่มีอายุเก่าแก่มากถึง 133 ปี ได้ยื่นเอกสารคุ้มครองการล้มละลายบทที่ 11 ต่อศาลเป็นที่เรียบร้อยแล้ว หลังจากที่ต้องเผชิญหน้ากับการต่อสู้มาเป็นระยะเวลากว่าหนึ่งปี สูญเสียกำไรมหาศาล และการตอบสนองที่ล่าช้าในตลาดที่มีการเปลี่ยนแปลง ถึงแม้บริษัทจะยังคงเดินหน้าในธุรกิจหมึกพิมพ์และวัสดุสิ้นเปลืองที่เกี่ยวข้องได้ดีอยู่ก็ตาม
โดยการเคลื่อนไหวดังกล่าว ตามมาหลังจากที่บริษัทได้มีการปรับแผนโครงสร้างในระยะยาวจากประธานบริหารและซีอีโอ Antonio Perez ผู้ซึ่งนำทางให้บริษัทย้ายจากตลาดในรูปแบบเดิมสู่ธุรกิจเครื่องพิมพ์ ซึ่งตั้งแต่ปี 2003 เป็นต้นมา โกดักได้ทำการปิดโรงงานสาขาไปแล้ว 13 แห่ง เลิกจ้างงานสูงสุด 145,000 คนในยุค 80 และปัจจุบันมีมูลค่าทางการตลาดอยู่ที่ 150 ล้านเหรียญสหรัฐฯ ตกต่ำจากรายได้ 31 พันล้านเหรียญสหรัฐฯ เมื่อ 15 ปีก่อน "คณะกรรมการของบริษัทและผู้บริหารระดับสูง มีมติเอกฉันท์เชื่อว่า สิ่งนี้เป็นขั้นตอนที่จำเป็นและเป็นสิ่งที่เหมาะสมเพื่ออนาคตของโกดัก" Perez เปิดใจ "นอกจากนี้เป้าหมายของเรายังคือการเพิ่มมูลค่าให้แก่ผู้ถือหุ้น รวมถึงพนักงาน ผู้ที่เกษียณ เจ้าหนี้ และกองทุนบำนาญ รวมถึงยังมีความมุ่งมั่นที่จะทำงานกับลูกค้าของเราด้วย" "การคุ้มครองบทที่ 11 จะช่วยให้เรามีโอกาสที่ดีงามในการเพิ่มมูลค่าในสองส่วนที่สำคัญของการลงทุนด้านเทคโนโลยี ไม่ว่าจะเป็นสิทธิบัตรการการจับภาพดิจิตอล ที่ซึ่งมีความจำเป็นสำหรับการใช้งานอย่างกว้างขวางในวงการมือถือและอุปกรณ์อิเล็คทรอนิคส์อื่นๆ ซึ่งมันทำให้เราได้รับค่าลิขสิทธิ์มากกว่า 3 พันล้านเหรียญสหรัฐฯ ตั้งแต่ปี 2003 ส่วนธุรกิจการพิมพ์ก็จะช่วยให้โกดักได้รับประโยชน์จากการเติบโตของธุรกิจดิจิตอล" เขากล่าวทิ้งท้าย ปัจจุบันนี้ โกดักมีมูลค่าทรัพย์สินอยู่ที่ประมาณ 5.1 พันล้านเหรียญสหรัฐฯ และมีหนี้อยู่ที่ 6.75 พันล้านเหรียญสหรัฐฯ ซึ่งบริษัทมีแผนที่จะเทขายทรัพย์สินที่มีความสำคัญระหว่างการล้มละลายตามเอกสารจากศาลที่เขียนขึ้นโดย Antoinette McCorvey ส่วนทรัพย์สินที่ไม่ได้อยู่ในสหรัฐฯ อย่างหนี้หรือหน่วยงานการผลิตไม่ได้ถูกรวมอยู่ในการฟ้องและยังสามารถดำเนินงานได้ตามปกติ
Source : TechSpot
ที่มา: pantip.com