Author Topic: จับกระแสเทคโนโลยีปีมังกร 10 เทรนด์สุดฮอต “ไอที”  (Read 956 times)

0 Members and 1 Guest are viewing this topic.

Offline Nick

  • Administrator
  • Platinum Member
  • *
  • Posts: 46028
  • Karma: +1000/-0
  • Gender: Male
  • NickCS
    • http://www.facebook.com/nickcomputerservices
    • http://www.twitter.com/nickcomputer
    • Computer Chiangmai


เทคโนโลยี อาจมาไวไปไว และมักเกิดสิ่งไม่คาดฝันให้เห็นตลอดเวลา แต่การคาดการณ์ว่าอะไรกำลังจะกลายเป็นเทรนด์แห่งอนาคตดูจะเป็นสิ่งที่ขาดไม่ ได้ในทุก ๆ ต้นปี

สำหรับปี 2555 เว็บไซต์ “ซีเอ็นเอ็น” ได้รายงานบทวิเคราะห์แนวโน้มเทคโนโลยี โดย “พีท แคชมอร์” ผู้ก่อตั้งบล็อกโซเชียลมีเดียชื่อดัง “แมชเชเบิล” (mashable.com) ระบุว่า ปีนี้จะเป็นปีที่เกี่ยวกับวิธีการโต้ตอบกับอุปกรณ์ไอทีแบบใหม่ ๆ, การแชร์คอนเทนต์ที่ง่ายดายขึ้น, วิวัฒนาการของการชำระเงินผ่านโทรศัพท์มือถือ และการเข้าสู่ยุครุ่งเรืองของแอปพลิเคชั่นบนเว็บไซต์

โดย “พีท” มองเทคโนโลยีที่สร้างความเปลี่ยนแปลงให้กับภาพรวมตลาดในครึ่งปีหลังของปี 2554 ที่ผ่านมา เพื่อประเมินแนวโน้มที่น่าจับตาในปีนี้ว่า หนีไม่พ้น 10 เรื่องนี้ เรื่องแรก คือ “ทัชคอมพิวติ้ง” จะเป็นรูปแบบการสั่งการคอมพิวเตอร์แบบใหม่ที่โดดเด่นมาก จากกระแสความนิยมของ “แท็บเลต” โดยเฉพาะ “ไอแพด” ซึ่งไม่ได้เป็นแค่ทางเลือกใหม่แทนคอมพิวเตอร์ “เดสก์ทอป” หรือ “แล็ปทอป” แต่จะเข้ามาแทนที่วิธีสั่งการแบบเก่า เช่นเดียวกับการที่ระบบสั่งการคอมพิวเตอร์แบบกรอก “ประโยคคำสั่ง” โดนแทนที่ด้วยการสั่งการด้วย “รูปกราฟิก” หรือ “เมาส์” โดนแทนที่ด้วย “ทัชสกรีน”

“สัญญาณเด่นชัดมาจากการที่ระบบปฏิบัติการสำหรับ คอมพิวเตอร์เดสก์ ทอปล่าสุด วินโดวส์ 8 และแม็ค โอเอส เอ็กซ์ ไลอ้อน หยิบยืมฟังก์ชั่นการใช้งานมาจากระบบปฏิบัติการบนโมบายมาไม่น้อย ทำให้เกิดการสั่งการแบบจอสัมผัสบนเครื่องคอมพิวเตอร์เดสก์ทอปทั่วไป แต่คงไม่ถึงกับเห็นคอมพิวเตอร์ทุกเครื่องใช้งานแบบจอสัมผัสกันทั้งหมดในปลาย ปีนี้ 2555 แต่ที่เห็นแน่คือปีนี้เราจะใช้เมาส์น้อยลงอย่างเห็นได้ชัด”

เรื่อง ที่ 2 คือ “โซเชียลเจสเตอร์ส” ซึ่งเปิดตัวโดยเฟซบุ๊กเมื่อ ก.ย. 2554 ที่ผ่านมา ฟังก์ชั่นนี้ช่วยให้ไม่ต้องกดแชร์สื่อชนิดต่าง ๆ ให้เพื่อนเห็น เนื่องจากทุกอย่างที่คุณฟัง, อ่าน หรือดูบนอินเทอร์เน็ตจะนำไปโพสต์อัตโนมัติบนหน้าบัญชีเฟซบุ๊กของคุณ หากคุณยินยอมให้แอปพลิเคชั่น เช่น สปอตติฟายหรือ โซเชียลรีดเดอร์นำไปเผยแพร่ได้

“พีท” ให้เหตุผลว่า ปัจจุบันเฟซบุ๊กมีสมาชิกทั่วโลกกว่า 800 ล้านคน ทำให้การเติบโตช้าลงโดยปริยาย แต่หากเฟซบุ๊กทำให้การแชร์เป็นเรื่องอัตโนมัติก็จะช่วยผลักดันการเติบโตด้าน จำนวนเนื้อหาบนเฟซบุ๊กได้เป็นอย่างดี แต่อาจทำให้ผู้ใช้ตกใจหรือหวาดระแวงแอปที่นำพฤติกรรมการท่องเว็บของตนไปเผย แพร่อัตโนมัติเหล่านี้ได้

เรื่องที่ 3 “เอ็นเอฟซีและโมบายเพย์เมนต์” มีนวัตกรรมหลายอย่างของระบบโมบายเพย์เมนต์เกิดขึ้นในปี 2554 แต่ในปี 2555 จะเป็นปีทองของ “เอ็นเอฟซี” (NFC : Near Field Communication) จำเป็นอย่างยิ่งสำหรับการแทนที่บัตรเครดิตด้วยโทรศัพท์มือถือ เพราะนำมือถือที่รองรับ NFC มาสแกนกับเครื่องอ่านบัตรเครดิตในร้านค้าต่าง ๆ ก็จะหักเงินออกจากบัญชีธนาคารโดยอัตโนมัติ

โดยในปี 2556 1 ใน 5 ของโทรศัพท์มือถือจะรองรับ NFC และผู้เล่นอย่าง กูเกิล วอลเลต, วีซ่า วอลเลต, เซิร์ฟของอเมริกัน เอ็กซ์เพรส เป็นต้น ต่างพร้อมเต็มที่ที่จะเข้าแข่งในตลาดนี้อย่างเต็มตัว

เรื่องที่ 4 “แท็บเลตที่เหนือกว่าไอแพด” โดยภายในปี 2555 ยอดขายแท็บเลต “คินเดิลไฟร์” ของอะเมซอนจะเอาชนะเจ้าตลาด “ไอแพด”
เหตุผลแรกมาจาก “ระดับราคา” ไอแพดมีค่าตัวประมาณ 15,000 บาท ขณะที่ “ไฟร์” มีเพียง 6,000 บาท

เหตุผล ต่อมา คือ อะเมซอนมีจุดขายที่ “คอนเทนต์” ไม่ว่าจะเป็นคอนเทนต์ภาพยนตร์, อีบุ๊ก, ทีวีโชว์ หรือสื่ออื่น ๆ ซึ่งยิ่งทำให้เป็นตัวเลือกที่น่าสนใจในสายตาผู้บริโภค “พีท” มองว่า การที่มี คู่แข่งที่แท้จริงของ “ไอแพด” ปรากฏ ตัวขึ้น ยังจะทำให้ผู้สร้างคอนเทนต์ หรือนักพัฒนาแอปพลิเคชั่นมีอีกแพลตฟอร์มทางเลือกสำหรับผลักดันผลิตภัณฑ์ของ พวกเขา

เรื่องที่ 5 “โทรทัศน์ในทุกที่” โดย “พีท” ให้ข้อมูลว่า บรรดาบริษัทเคเบิลทีวีทั้งหลายกำลังวางกลยุทธ์ใหม่เพื่อกอบกู้รายได้ของตน เองกลับคืนมา โดยพวกเขาจะให้คุณได้ดูโทรทัศน์ถ่ายทอดสด, ภาพยนตร์ หรือทีวีโชว์บนอุปกรณ์ที่เชื่อมต่ออินเทอร์เน็ตได้ เพียงแค่ยังคงเป็นสมาชิกกับเจ้าของช่องเคเบิลรายนั้น ๆ ต่อไป นอกจากนี้การเติบโตของอุปกรณ์แท็บเลตยิ่งทำให้เห็นกระแสของความต้องการ โทรทัศน์แบบพกพามากยิ่งขึ้น

เรื่องที่ 6 “การสั่งการด้วยเสียง” เรื่องนี้จะเห็นได้จากความสามารถที่ไม่เหมือนใครของโปรแกรม “ซีรีส์” บนโทรศัพท์ไอโฟน 4S ที่ทำให้สามารถส่งข้อความ, สร้างบันทึกช่วยจำ, ค้นหาเว็บไซต์ และอื่น ๆ อีกมากมาย เพียงแค่ใช้ “เสียง” เท่านั้น ซึ่งอาจเป็นจุดเริ่มต้นของการสร้างเทรนด์ใหม่ในหมู่อุปกรณ์สั่งงานด้วยเสียง อาจทำให้ผู้ผลิตอุปกรณ์รายอื่น ๆ พากันทำตาม นอกเหนือไปกว่านั้น “แอปเปิล” ยังอาจทำให้การสั่งงานด้วยเสียงเข้ามาแทนที่การใช้รีโมตคอนโทรลของโทรทัศน์ ด้วย

เรื่องที่ 7 “การสั่งงานด้วยท่าทาง” วิธีนี้จะได้รับความนิยมด้วยเช่นกัน เห็นได้ชัดจากอุปกรณ์ Kinect ของไมโครซอฟท์ ที่สามารถควบคุมสิ่งต่าง ๆ ได้ด้วยการขยับมือไปมาในอากาศเท่านั้น ซึ่งต้องขอบคุณนักพัฒนาทั้งหลายที่ดัดแปลง Kinect ให้รองรับการทำงานกับแพลตฟอร์มอื่น ๆ ได้ด้วย เชื่อว่าจะได้เห็นอุปกรณ์ที่ใช้วิธีสั่งการในรูปแบบเดียวกันนี้มากขึ้นในปี นี้อย่างแน่นอน

เรื่องที่ 8 “การใช้งานแบบ 2 จอพร้อมกัน” เทรนด์นี้หมายถึงแอปพลิเคชั่นบางตัว (โดยเฉพาะบนไอแพด) จะฟังเสียงที่ถ่ายทอดมาจากโทรทัศน์ จากนั้นจะนำเสนอเนื้อหาที่มีความเกี่ยวข้องกับรายการโชว์หรือภาพยนตร์ที่ กำลังรับชม เนื่องจากปัจจุบันคนทั่วไปมักใช้แท็บเลตหรือโทรศัพท์ไปพร้อม ๆ กับการ ดูโทรทัศน์อยู่แล้ว ดังนั้นจึงเป็นโอกาสที่จะทำให้ประสบการณ์การรับชมของ ผู้บริโภคเป็นแบบโต้ตอบกันได้มากขึ้น โดยค่ายดิสนีย์ได้ออกแอปพลิเคชั่นรูปแบบนี้ในภาพยนตร์เรื่อง “เดอะ ไลอ้อน คิง และแบมบี” มาแล้ว

ถัดมา เรื่องที่ 9 “หน้าจอยืดหยุ่นได้” เป็นหน้าจอแสดงผลรุ่นใหม่ยืดหยุ่นได้ ทำให้ผู้ใช้ซูมเข้า-ซูมออก และเปลี่ยนหน้าหนังสือเพียงแค่บิดโทรศัพท์หรือแท็บเลต โดย “โนเกียและซัมซุง” ต่างบอกใบ้ว่า พวกเขาจะออกโทรศัพท์ที่มีหน้าจอแสดงผลในลักษณะนี้ภายใน ปี 2555 แต่สำหรับอุปกรณ์ไอทีที่เบาบางเท่ากระดาษและสามารถม้วนเก็บได้ในกระเป๋าคง ยังต้องรอไปอีกหลายปี

สุดท้ายคือ “HTML 5″ ที่จะทำให้นักพัฒนาแอปพลิเคชั่นสามารถสร้างโปรแกรมที่สวยงามกว่าเดิม และตอบโต้กับผู้ใช้ได้มากกว่าที่เคยเป็น ทั้งเป็นทางออกให้นักพัฒนาแอปพลิเคชั่นทั้งหลายที่เบื่อกับการทำให้แอปของตน เองใช้งานได้บนระบบปฏิบัติการทุกแบบ เพราะ HTML 5 ทำให้แอปตัวเดียวใช้ได้กับทุกระบบปฏิบัติการ

นอกจากนี้ การที่ “อะโดบี” (Adobe) ออกมายกเลิกการสนับสนุนโปรแกรม “แฟลช” บนอุปกรณ์โมบายยังเป็นสัญญาณที่บ่งชี้ให้เห็นถึงการเติบโตของ HTML 5

การยกเลิก “แฟลช” หมายถึงหนึ่งในช่องทางหลักสำหรับการดูวิดีโอหรือใช้แอปพลิเคชั่นบนโทรศัพท์กำลังจะหายไป
ด้าน เว็บไซต์ “All thing digital” รายงานบทวิเคราะห์แนวโน้มเทคโนโลยี โดย “ไบรอัน มาร์แชล” นักวิเคราะห์ ระบุว่า บริษัทไอทีรายใหญ่ที่มีแนวโน้มว่าจะเติบโตไปในทางบวกและหุ้นถีบตัวสูงขึ้น 20% มี 3 ราย คือ แอปเปิล,ไอบีเอ็ม และเดลล์ ขณะที่ในทางกลับกันบริษัทไอที 3 รายที่มีแนวโน้มตกต่ำมากที่สุด คือ ฮิวเลตต์-แพคการ์ด,จูนิเปอร์ และเน็ตแอป

“ไบรอัน” ให้ข้อมูลเพิ่มเติมว่า ปีที่ผ่านมา ทั้งเอชพี, เน็ตแอป และจูนิเปอร์ ต่างตั้งเป้าผลประกอบการสูงเกินไป ผลก็คือ ทั้งหมดทำยอดได้ต่ำกว่าเป้าหมาย 15% สร้างความไม่พอใจให้นักลงทุนอย่างมาก ต่างจากแอปเปิล, ไอบีเอ็ม และเดลล์ ที่ตั้งเป้าหมายไว้ค่อนข้างต่ำ ผลคือ พวกเขาเติบโตทะลุเป้ากว่า 17% ดังนั้นการตั้งเป้าหมายขององค์กรอย่างระมัดระวังจะยังเป็นเรื่องสำคัญในปี 2555

เขายังกล่าวเสริมถึงเรื่องตลาดหุ้นของกลุ่มบริษัทไอทีในปี 2555 ว่า ปัจจัยที่ส่งผลกระทบในปีนี้จะยังคงเหมือนกับในปี 2554 คือมาจากเรื่องปัญหาหนี้ในสหภาพยุโรป บวกกับเรื่องที่รัฐบาลทั่วโลกมีมาตรการใช้เงินที่ค่อนข้างประหยัดมากขึ้น เพื่อช่วยให้งบประมาณในประเทศไม่ขาดดุล 2 อย่างนี้จะทำให้บริษัทที่มีลูกค้าเป็นกลุ่มภาครัฐลดการใช้จ่ายเงินทางด้านไอ ทีให้น้อยลง

ที่มา prachachat


 
Share this topic...
In a forum
(BBCode)
In a site/blog
(HTML)