Author Topic: “ชมพู่” ไม่เชื่อหมอดูทักถ้าไม่แต่งปีนี้จะท้องก่อนแต่ง บอกถึงท้องจริงก็ถือเป็นเรื่องดี  (Read 784 times)

0 Members and 2 Guests are viewing this topic.

Offline Nick

  • Administrator
  • Platinum Member
  • *
  • Posts: 46028
  • Karma: +1000/-0
  • Gender: Male
  • NickCS
    • http://www.facebook.com/nickcomputerservices
    • http://www.twitter.com/nickcomputer
    • Computer Chiangmai




“ชมพู่” สาบานไม่มีฤกษ์แต่ง “น็อต” ปลายปีนี้แน่นอน ส่วนที่หมอดูทายว่าถ้าไม่แต่งปีนี้อาจมีเกณฑ์ท้องนั้น เจ้าตัวลั่นไม่เชื่อว่าจะมีเรื่องแบบนั้น พร้อมบอกถึงจะท้องจริงๆ ก็ถือเป็นเรื่องดีเป็นเรื่องมงคล ยอมรับมองหาลู่ทางทำมาหากินไว้แล้วหากอนาคตต้องวางมือวงการบันเทิง
       
                 ในเมืองไทยก็โกยทรัพย์ไม่หวาดไม่ไหว ล่าสุดสาวฮอต “ชมพู่ อารยา เอ ฮาร์เก็ต” ยังเนื้อหอมไกลถึงประเทศเกาหลี ถูกทาบให้ถ่ายแบบให้กับนิตยสารชื่อดังของแดนกิมจิขึ้นแท่นโกอินเตอร์อีกคน มีโอกาสเจอตัวสาวชมพู่ในงาน “GIT Gem and Jewelry Design Award 2011” เจ้าตัวก็เผยว่า งานนี้ถือเป็นผลงานชิ้นแรกที่ได้มีโอกาสรับงานนอก
               
                 “จริงๆ เป็นหนังสือหัวนอกค่ะ L’officielประเทศไทยก็มี แต่อันนี้เป็นฉบับเกาหลี มันก็เป็นเรื่องของวาไรตี้มีเรื่องของแฟชั่น ที่ไม่ใช่แฟชั่นเกาหลี ก็เป็นแฟชั่นจ๋าเลย ทีมงานที่ใช้ก็ของที่โน่นคนเกาหลีเลย ภาพออกมาก็สวยดีนะ จริงๆ เราก็ไม่ได้คาดหวังอะไรเยอะมาก เพราะว่าเป็นทีมงานที่เราไม่รู้จักเลย ไม่รู้ว่าจะป็นยังไง อย่างช่างแต่งหน้าทำผมก็ไม่ได้เป็นช่างที่รู้ใจเรา ช่างภาพก็ไม่เคยร่วมงาน แต่ปรากฏว่าภาพออกมาก็ดีกว่าที่คิด ก็คือดีเลยค่ะ”
       
       “แต่อย่าเรียกว่าโกอินเตอร์เลย เรียกว่ามีโอกาสไปทำงาน ก็ขำๆ มากกว่า เพราะจริงๆ แล้วก็คือรู้จักกันกับทีมงาน เพราะพอดีเพื่อนสนิทชมที่ไปด้วยกัน พรรคพวกเขาเยอะ แล้วก็รู้จักคนในวงการแฟชั่นค่อนข้างเยอะ คุยกันไปคุยกันมา ก็บอกว่าถ้ามาเที่ยวก็แวะมาถ่ายกัน”
               
                 ส่วนกับประเด็นที่หมอดูชื่อดังออกมาทำนายดวงให้ว่า จะได้แต่งงานในช่วงปลายปีนี้เพราะเกณฑ์ชะตามาถึงแล้ว แต่หากเลยจากนี้ไปจะมีปัญหาให้ต้องรีบแต่งงานอย่างกะทันหัน หรือไม่ก็ต้องมีเรื่องของมือที่3 เข้าทาแทรก หรือไม่ก็ท้อง งานนี้สาวชมเผยว่า...
               
                 “ได้อ่านๆ อยู่เกาหลีก็มีคนส่งมาให้ ตั้งแต่ยังไม่สิ้นปีด้วย มีของหลายยี่ห้อเลยมาให้อ่าน ถามว่าที่เขาทักมีรู้สึกยังไงบ้าง ชมว่ายังไงเราก็ดำเนินชีวิตตามสิ่งที่เราวางแผนที่เราจะทำ เพราะท้ายที่สุดคือมันไม่มีใครรู้ดี เท่าตัวเรา ชมว่าไม่มีใครรู้ดีเท่าเรา บางทีข่าวออกมาแล้ว แต่เรายังไม่รู้เรื่องเลย ก็ ณ เวลานี้ สาบานได้เลยว่ายังไม่มีฤกษ์ใดๆ ทั้งสิ้น แต่ถ้าถามว่ามีคุยกันมั้ยมันก็มีบ้างว่าเราทำอะไรกันอยู่ แล้วเราเห็นอนาคตมั้ย มันก็ต้องมีบ้าง แต่ ณ เวลานี้ยัง มันไม่ใช่ปีนี้แน่ๆ ตอนจีบกันใหม่ๆ นะ ก็มีแบบว่าเดี๋ยวเราจะแต่งเลย แต่พอนานๆ ไป ต่างคนก็ต่างรู้ว่ามันยังมีอะไรที่เรายังทำไม่เสร็จ ต่างคนก็ต่างรู้”
               
                 “แล้วตอนนี้ข่าวมันเยอะ บางทีลูกค้าชมตกใจ โทรมาเช็คกันใหญ่เลย น้องจะแต่งงานแล้วเหรอค่ะ ชมว่าก็คงมีผลกระทบแหละ เรื่องวางแผนการตลาด มันก็มีเหมือนกัน เพราะสินค้าบางตัว มันก็ไม่ได้เหมาะ เพราะเขาก็คิดว่าเราแต่งแล้วเราจะมีลูกเลยหรือเปล่า เพราะในสัญญาโฆษณาทุกฉบับมันจะมีบอกเลยค่ะ ว่าถ้าท้องต้องบอกเขา ลูกค้าก็ตกใจเยอะเหมือนกัน”
               
                 “คือถ้าจะแต่ง ยังไงเราก็ต้องทำใจว่าตรงนี้เราพอแล้ว เราก็ต้องไปใช้ชีวิตอีกแบบหนึ่ง ส่วนที่ทายกันว่าถ้าช้ากว่าปีนี้ จะท้องก่อนแต่ง ตัวชมว่าคงไม่มีอะไรอย่างนั้นหรอกค่ะ เราก็โตแล้วเนอะ แม่ชมเองก็บอกเสมอว่าถ้ายูท้องให้ยูบอกเลยนะ คือถ้าอะไรมันจะเกิดก็ต้องให้มันเกิด จริงๆ การเกิดมันเป็นเรื่องดีอยู่แล้ว มันเป็นเรื่องมงคลนะ ชมมองแบบนี้”
       
       “อย่างที่เขาทายมาว่าถ้าไม่แต่งปีนี้จะท้อง ไม่ก็มีเรื่องของมือที่สามมันก็เป็นอะไรที่ว่ากันไป มันก็คงมีดวงดาวอะไรบางอย่างโผล่มา หรือเขาเปิดไผ่เจอ ว่าไผ่ตัวนี้มันแสดง แต่ว่ามันมีปัจจัยอะไรอีกหลายอย่าง ที่จะบอกว่ามันจะเกิดหรือไม่เกิด แต่ตัวชมไม่ได้เอามาเป็นกังวลอะไร ชมเชื่อว่าเรื่องของดวงมันก็เป็นศาสตร์หนึ่ง แต่ว่าเราดำเนินชีวิตเรา ทุกอย่างที่เราเลือก เราตัดสินใจ ไม่มีใครรู้ดีไปกว่าเรา”
       
                 เผยมีโอกาสได้เช็คดวงตัวเองเหมือนกัน แต่ไม่ตรงกับคำทำนายของหมอดูชื่อดังที่ออกมาทำนายกันเลย เชื่อจะแต่งไม่แต่งตนกับฝ่ายชายเท่านั้นที่จะเป็นคนตัดสินใจ อีกทั้งถึงตนจะทำงานในวงการมานาน แต่ก็เพิ่งเริ่มมีชื่อเสียงจึงอยากใช้ช่วงระยะเวลาตรงนี้ให้เต็มที่ก่อน
               
                 “เมื่อก่อนชมไม่ดูเลย แต่ยอมรับว่าตั้งแต่มาคบคุณน็อต คุณแม่ก็อยากให้ไปพบท่านหนึ่งที่เขาก็นับถือกัน ที่ครอบครัวเขาใช้ ก็แค่นั้น ผู้ใหญ่อยากให้ดู แต่ชมไม่สะเปะสะปะดู เท่าที่ดูของท่านคนนี้ก็ไม่ได้ใกล้เคียงอะไรกับที่หมอดูทั้งหลายออกมาทายเลย ไม่มีใกล้เคียงเลย เขาไม่ได้บอกว่าเธอจะได้แต่งงาน ไม่มี เพราะการที่จะได้แต่งหรือไม่ได้แต่งมันอยู่ที่เรา เขาก็บอกว่าชมจะเป็นคนได้ดีจากการแต่งงาน คือแต่งแล้วจะดี เขาก็มีพูดเหมือนกันว่าทุกวันนี้เหนื่อยมั้ย ชมก็บอกว่าเหนื่อย เขาก็ถามว่าจะหยุดดิ้นรนได้หรือยัง ชมก็บอกยัง เขาไม่ได้บอกว่าคุณจะมีเกณฑ์จะแต่งงาน เพราะเกณฑ์จะแต่งงานมันอยู่ที่เรา”
       
                 “จริงๆ ชมเองก็เริ่มรู้นะว่าเราทำมาเยอะแล้ว ถามว่าอยากไปใช้ชีวิตอีกอย่างหนึ่งมั้ย ก็อยาก แต่อาชีพชม ชมเดินทางมาไกลมาก ปีนี้ขี้นปีที่ 14 แล้ว ถ้าเดินทางในทะเลทรายก็เหมือนเราเพิ่งได้กินน้ำ เพิ่งจะได้เจอโอเอซิส ก็ขอนิดหนึ่งแล้วกัน แต่ถ้าวันหนึ่งที่ต้องไป ก็ต้องไปแบบที่ต้องไม่เสียดายอะไรแล้ว เพราะเราก็คิดว่าเรามาไกลมากแล้ว เราโชคดีแล้ว คิดว่าแต่งงานไปแล้วก็คงยังไม่ทิ้งวงการหรอกค่ะ แต่เราก็ต้องมีอีกบทบาทหนึ่ง เพราะครอบครัวมันต้องมาก่อนอยู่แล้ว ถ้าแต่งไปแล้วเรายังเต็มที่กับตรงนี้ ผู้ชายที่ไหนเขาจะเอาเราถูกมั้ย ทุกๆ คนก็ต้องเสียสละ”
               
                 รับ หากต้องแต่งงานไปเริ่มมองหาลู่ทางทำอย่างอื่นบ้างแล้ว แต่ยันยังไงก็ไม่คิดทิ้งวงการบันเทิงแน่นอน แต่อาจไปทำบทบาทอื่นมากขึ้น
               
                 “จริงๆ ทุกวันนี้ก็เริ่มหาลู่ทาง เริ่มศึกษาแล้ว ว่าเราจะทำอะไร จริงๆ โปรเจกต์ในหัวเราเยอะมาก แต่พอเราเป็นแบบนี้ เราก็เอาตัวเราไปลงไม่ได้สักที มันก็เป็นอุปสรรค แต่เราก็อยากจะเริ่มก่อน ที่เราจะไปมีชีวิตครอบครัว เพราะแน่นอนวันหนึ่งที่เราไปแล้ว คุณค่าบางอย่างในวงการ เราก็ไม่เท่าเดิม เราก็คงไม่ได้เต็มที่ด้วย แล้วก็ไม่รู้ว่าคนไทยคิดยังไง กับผู้หญิงที่มีครอบครัวมั้ย เราก็ไม่รู้ คือชมทำงานตั้งแต่อายุยังน้อยไง ถ้าวันหนึ่งชมไม่มีงานทำ ชมต้องหายใจทิ้งหรอ ก็คงต้องหาอะไรทำ”
       
                 “แต่คือชมว่านะในวงการเรา มันก็มีหลายๆอย่างที่เป็นสัญญาณที่ดีขึ้น อย่างน้อยเราก็ยังเห็นว่ามีพระเอกที่แต่งงานแล้ว แล้วก็ยังอยู่แถวหน้า คือกลับมาเราก็ยังกรี๊ดเขาอยู่ ส่วนผู้หญิงชมว่าเราต้องเสียสละมากกว่าผู้ชายไง เพราะฉะนั้นความถี่ถ้าเราออกมาน้อย คนก็อาจจะลืมบ้าง แต่บางคนก็อาจจะเป็นความตั้งใจด้วย ว่าเราอยากไปเทให้ครอบครัวมากกว่า เพราะฉะนั้นมันก็เป็นสิ่งที่เราต้องเลือก”
       
                 “คุณน็อตเองเขาก็ไม่ได้ห้ามอะไรเขาปล่อยชมเต็มที่ ชมเองก็ไม่ได้กะว่าเราต้องเลิกตรงนี้ไป แต่เราก็รู้ตัวว่าจะตื่นหกโมงเช้า กลับบ้าน 4-5 ทุ่ม แบบนี้ทุกวันมันก็ไม่ใช่แ้ล้ว ถ้ามันมีคำว่าครอบครัวแล้ว ถึงเวลาก็อาจะทำงานน้อยลง แต่ตอนนี้เรายังรู้สึกสนุก แต่ถามว่าเริ่มเหนื่อยมั้ยก็เริ่มเหนื่อย มันก็เป็นจุดที่เริ่มมองถึงความเปลี่ยนแปลงแล้ว”


ที่มา: manager.co.th


 
Share this topic...
In a forum
(BBCode)
In a site/blog
(HTML)