Author Topic: หวั่นปีนี้ยอดใช้จ่ายไอทีโตน้อย  (Read 777 times)

0 Members and 1 Guest are viewing this topic.

Offline Nick

  • Administrator
  • Platinum Member
  • *
  • Posts: 46028
  • Karma: +1000/-0
  • Gender: Male
  • NickCS
    • http://www.facebook.com/nickcomputerservices
    • http://www.twitter.com/nickcomputer
    • Computer Chiangmai


อุปกรณ์ไอทีทั่วโลกชะงักจากเหตุน้ำท่วม

การ์ทเนอร์ (Gartner) บริษัทวิจัยระดับโลกปรับลดตัวเลขคาดการณ์ยอดซื้อสินค้าและบริการไอทีทั่วโลกประจำปี 2012 หวั่นผลกระทบจากปัญหาค่าเงินยูโรและวิกฤตวงจรการผลิตชิ้นส่วนคอมพิวเตอร์ติดขัดเพราะพิษน้ำท่วมไทยทำให้ตลาดไอทีโลกปีนี้เติบโตน้อยลงกว่าที่การ์ทเนอร์เคยคาดการณ์ไว้ในปีก่อน
       
       ริชาร์ด กอร์ดอน (Richard Gordon) รองประธานฝ่ายวิจัยของการ์ทเนอร์ ให้ข้อมูลว่ามูลค่าตลาดสินค้าและงานบริการไอทีตลอดปี 2012 นี้จะอยู่ที่ระดับ 3.8 ล้านล้านเหรียญสหรัฐ คิดเป็นสัดส่วนเพิ่มขึ้น 3.7% จากปี 2011 ซึ่งเป็นช่วงที่ยอดเม็ดเงินในอุตสาหกรรมไอทีสะพัดไปรวม 3.7 ล้านล้านเหรียญ และมีอัตราการเติบโตไม่ต่ำกว่า 6.9% จากปี 2010
       
       "เพราะภาวะการเติบโตของเศรษฐกิจโลกที่ชะลอตัว วิกฤตเศรษฐกิจในกลุ่มประเทศยุโรป พร้อมกับผลกระทบจากภาวะน้ำท่วมประเทศไทยต่อสายการผลิตฮาร์ดดิสก์ไดร์ฟ (HDD) ทั้งหมดมีผลให้การใช้จ่ายเพื่อซื้อสินค้าและบริการไอทีทั่วโลกลดลง"
       
       ตัวเลขพยากรณ์ 3.7% นี้เป็นการปรับลดลงจาก 4.6% ซึ่งการ์ทเนอร์เคยทำนายไว้ สาเหตุการปรับลดมาจากปัจจัยด้านลบทั้งปัญหาเศรษฐกิจในระดับภูมิภาคและปัญหาภัยธรรมชาติที่ทำให้วงจรการผลิตอุปกรณ์ไอทีหยุดชะงัก เบื้องต้น การ์ทเนอร์เชื่อว่าธุรกิจโทรคมนาคมจะเป็นส่วนตลาดที่มีการเติบโตมากที่สุดในปีนี้
       
       การ์ทเนอร์เชื่อว่า เม็ดเงินสะพัดเฉพาะตลาดโทรคมนาคมจะมีอัตราเติบโต 6.9% คิดเป็นตลาดที่มีการเติบโตที่สูงที่สุดในกลุ่มอุตสาหกรรมไอซีที รองลงมาคือกลุ่มธุรกิจซอฟต์แวร์สำหรับองค์กรธุรกิจ อัตราการเติบโต 6.4% อันดับ 3 คือกลุ่มธุรกิจฮาร์ดแวร์คอมพิวเตอร์ซึ่งมีอัตราการเติบโต 5.1%
       
       สำหรับตลาดบริการงานไอที การ์ทเนอร์ประเมินว่าตลาดจะเติบโตราว 3.1% ในปีนี้ แต่ตลาดงานบริการในธุรกิจโทรคมนาคมนั้นคาดว่าจะมีอัตราเติบโตเพียง 2.3% เท่านั้น
       
       การ์ทเนอร์ยังตั้งข้อสังเกตว่า ภาวะน้ำท่วมซึ่งทำให้ประเทศไทยเกือบ 1 ใน 3 จมบาดาลนั้นจะส่งผลต่อตลาดไอทีโลกอย่างมาก โดยสายการผลิตฮาร์ดไดร์ฟที่ไม่ลื่นไหลอย่างเคยล้วนมีผลเสียต่อทั้งอุตสาหกรรมผลิตชิ้นส่วนและสินค้าคอมพิวเตอร์สำเร็จอย่างเท่าเทียมจุดนี้นักวิเคราะห์ของการ์ทเนอร์เชื่อว่า สายการผลิตฮาร์ดไดร์ฟจะลดลงมากกว่า 25% ในช่วง 6 - 9 เดือนข้างหน้า
       
       ระยะเวลาที่การ์ทเนอร์ประเมินว่าโลกจะต้องอยู่ในภาวะขาดแคลนฮาร์ดไดร์ฟนั้นยาวนานกว่าบริษัทวิจัยรายอื่น ซึ่งคาดไว้ว่าจะมีผลในช่วงไตรมาส 2 ปีนี้เท่านั้น จุดนี้การ์ทเนอร์ให้ข้อมูลว่าเพราะกระบวนการฟื้นฟูสายการผลิตทั้งการก่อสร้างโรงงานแห่งใหม่ และการสรรหาเครื่องจักรใหม่ล้วนต้องใช้เวลาในการดำเนินการ ซึ่งมีแนวโน้มด้วยว่าสถานการณ์ตลาดฮาร์ดไดร์ฟจะไม่ปกติจนถึงปลายปี 2012 และอาจส่งผลถึงปี 2013 ด้วย
       
       อย่างไรก็ตาม แม้ผู้ผลิตพีซีรายใหญ่จะสามารถสร้างโอกาสจากวิกฤตฮาร์ดไดร์ฟขาดแคลน ด้วยการจำหน่ายคอมพิวเตอร์ที่ใช้หน่วยความจำชนิดอื่นแทนได้ แต่การ์ทเนอร์ยังเชื่อว่าปริมาณการจัดส่งคอมพิวเตอร์พีซีในปีนี้จะลดลงแน่นอน ซึ่งมีแนวโน้มสูงที่ผู้เล่นระดับกลางจะได้รับผลกระทบมากกว่าใคร
       
       สำหรับวิกฤตเงินยูโร การ์ทเนอร์มองว่าจะกระทบกับทั้งภาพธุรกิจและผู้บริโภคในท้องถิ่น จุดนี้ทำให้การ์ทเนอร์เชื่อว่าการใช้จ่ายเพื่อซื้อสินค้าไอทีในพื้นที่ยุโรปตะวันตกจะลดลงมากกว่า 1% ซึ่งจะเป็นจริงหรือไม่นั้นรู้กันได้ในปีนี้
       
       Company Related Link :
       Gartner

ที่มา: manager.co.th


 
Share this topic...
In a forum
(BBCode)
In a site/blog
(HTML)