“พลอย” ไม่สน “หมอลักษณ์” ฟันธงภายใน 2 ปี ”ต้าร์” ไม่มีดวงแต่งงาน เหน็บเจ็บรอให้หมอลักษณ์ลอยได้ก่อนแล้วจะเชื่อ ปัดแขวะ “กัสจัง” กรณีพูดว่า “โดม” ไม่ใช่สเปค ยันแค่สคริปต์ ส่วนรูปถ่ายคู่ “เพ้นท์” เพราะโดมแนะนำให้รู้จักกัน ยันสามารถร่วมเฟรมกับแฟนใหม่และแฟนเก่าโดมได้หมดทุกคน
เป็นไม้เบื่อไม้เมากันมาหลายปีแล้ว สำหรับสาว “พลอย เฌอมาลย์ บุญยศักดิ์” ที่ปีนี้ก็ยังถูก “หมอลักษณ์” ฟังธงเหมือนเช่นเคย แม้จะไม่ได้เอ่ยชื่อตามที่เคยขอร้องกันไว้ก็ตาม แต่ปีนี้หมอลักษณ์เลือกที่จะฟันธงแฟนหนุ่ม “ต้าร์ นาวิน เยาวพลกุล” ว่าดวงชะตาแต่งงานยากถ้าแม่ไม่เห็นด้วย พร้อมฟันธงใน 2 ปีนี้ยังไงหนุ่มต้าร์ก็ไม่มีดวงแต่งงาน แต่หากแต่งเพราะฝืนคำทำนายของหมอดูเห็นทีจะไปไม่รอด แถมยังทิ้งท้ายด้วยประโยคเด็ดอีกว่า “หมายถึงใครก็ได้ที่นาวิน ต้าร์ คบอยู่ ฟันธง!” งานนี้สาวพลอยเลยสวนกลับด้วยคำพูดแซบๆ ว่าถ้าหมอลักษณ์ลอยได้เมื่อไหร่ถึงจะเชื่อ
"จริงๆ แล้วพลอยก็เป็นพุทธกึ่งๆ คริสต์นะ ตอนเด็กๆ แต่ตอนโตมาเปลี่ยนเป็นพุทธเต็มตัว พลอยก็จะเก็บแต่ด้านดีๆ ของพุทธไว้ พลอยไม่เชื่อในเรื่องดวงเหมือนเดิม พระพุทธเจ้ามีองค์เดียวค่ะ ดังนั้นเราเชื่อในพระพุทธเจ้าดีที่สุด ส่วนเราเกิดมาเป็นมนุษย์ ดังนั้นมนุษย์เองไม่มีสิทธิ์มาสั่งใครๆ ว่าจะเกิดอะไรขึ้น พลอยเชื่อที่การทำความดี เชื่อในปัจจุบันมากกว่า”
“เราต้องเชื่อตัวเองสิค่ะ เราจะทำดี ทำชั่วมันก็ขึ้นอยู่กับตัวเรา ผลบุญทุกอย่างมันก็ขึ้นอยู่กับตัวเรา พลอยเองไม่ได้เลือกไม่ดูดวง แต่พลอยไม่เชื่อ พลอยเชื่อตัวเองมากกว่า พระพุทธเจ้ามีพระองค์เดียว เอาเป็นว่าถ้าเขาลอยได้เมื่อไหร่พลอยถึงจะเชื่อค่ะ(หัวเราะ) แต่นี่เขาลอยไม่ได้ก็ไม่เชื่อค่ะ"
ส่วนที่พูดในรายการดาวกระจายว่าสิ่งที่ช็อคที่สุดของปีที่แล้วคือ “กัสจัง จิรันธนิน พิทักษ์พรตระกูล” บอกว่า “โดม ปกรณ์ ลัม” ไม่ใช่สเปค ตนโดนบังคับให้พูดไม่ได้เหน็บเอง
"ที่พูดว่าข่าวเศร้าที่สุดของปีที่แล้วคือพี่โดมเลิกน้องเพ้นท์ แต่ที่พูดถึงกัสจัง พลอยไม่ได้เหน็บคือพี่นักข่าวเขาให้พูด บังคับ แกล้งๆ ให้พูด แซวๆ ขำๆ ถือเป็นด้านบวกๆ มากกว่า ฮาๆ สนุกๆ ไม่ได้กัดอะไรจริงจัง ทุกอย่างที่ทำไปก็คิดว่าทุกคนอยากฟังและอยากดู เราอยากให้ทุกคนเฮฮาไม่อยากให้มาเศร้าอะไรกัน ส่วนเรื่องกัดมั้ยไม่ได้ถึงขั้นกัดค่ะ เหมือนเป็นการพูดคุยขำๆ มากกว่า คือนักข่าวเขาถามว่าข่าวร้ายแห่งปีของพลอยคืออะไร พลอยก็ไม่อยากพูดเรื่องอะไรซีเรียส พลอยก็เลยพูดเรื่องอะไรขำๆ ที่มันอยู่ในกระแส ทุกคนกำลังอินก็เลยพูดออกไปขำๆ เท่านั้นเองไม่มีอะไร"
“ส่วนภาพถ่ายกับเพ้นท์(ในงานแต่ง หนิง ปณิตา)พี่โดมเขาเป็นคนถ่ายให้ค่ะ วันนั้นพลอยไปในงานก็เจอพี่โดมก็เลยเข้าไปทัก แล้วพอดีน้องเขาอยู่ข้างหลัง พอดีเพื่อนพลอยก็มาบอกว่า เฮ้ย..เพ้นท์อยู่ข้างหลัง เราก็งงว่าอะไร เพื่อนก็บอกว่าน้องเพ้นท์เราก็อ๋อ เราก็เลยแซวพี่โดมว่ามากับน้องเพ้นท์เหรอ พี่โดมก็บอกเปล่าๆ พี่ไม่ได้มากับเขา พี่โดมก็เลยบอกมาๆ เดี๋ยวแนะนำให้รู้จักเพราะเพ้นท์เขาเป็นแฟนคลับพลอยเลยนะ เขาชอบพลอยมากอันนี้พี่โดมบอกนะ พลอยก็เลยบอกได้ เขาก็เลยแนะนำให้รู้จักกัน พลอยก็เลยเข้าไปสวัสดีถ่ายรูปกันเท่านั้น”
“คือเราไม่ได้เกี่ยวข้องอะไรกัน เพราะพลอยก็ไม่ได้แตกหักกับพี่โดมเพราะน้องเขานี่ เรื่องของเรามันจบไปนานมาก ประมาณ 3 ปีแล้วนะกว่าพี่โดมไปคบกับน้องเพ้นท์ ซึ่งไม่เกี่ยวข้องอะไรกันอยู่แล้ว ต่อให้เจอกัสจังพลอยก็สามารถถ่ายรูปกับเขาได้ จะถ่ายรูปหมู่ก็ยังได้ เจอใครก็ถ่ายได้หมดแหละ ยินดีค่ะ ยินดี เพราะเราไม่ได้มีอะไรต่อกัน กับพี่โดมตอนนี้เรารักกันแบบเพื่อน รู้สึกดีต่อกัน ถ้าเขาได้ดีมีความสุขเราก็ดีใจค่ะ"
เผยที่ร้องไห้ในงานแต่งงานของสาว “โบ สุรัตนาวี สุวิพร” หรือ “โบ ไทรอัมพ์ส คิงดอม” ที่เชียงใหม่ เพราะซาบซึ้งในบทเพลงที่ “ปุ๊ อัญชลี จงคดีกิจ” กับ “แอน นันทนา บุญหลง” ร่วมร้องเพลงให้ในงาน
"งานแต่งพี่โบ ไม่มีใครตายในงานแต่งนะคะ คือพลอยไม่ได้ตื้นตันที่พี่โบแต่งงานนะ คือพลอยร้องไห้ทนไม่ไหวกับตอนที่พี่ปุ๊ อัญชลี และพี่แอน นันทนา ออกมาร้องเพลงเกี่ยวกับการสรรเสริญพระคริสต์ สรรเสริญพระเจ้า คือเนื้อเพลงมันจะเกี่ยวข้องกับความรัก ปรัชญาการใช้ชีวิต ซึ่งพี่ปุ๊กับพี่แอนเขาเป็นคนที่ร้องเพลงเพราะมาก แล้วเป็นเพลงที่มอบให้กับคู่บ่าวสาว มันเลยทำให้เรารู้สึกซาบซึ้งจนถึงขั้นร้องไห้ ขนาดพี่โบกับเจ้าบ่าวสวมแหวนเรายังเฮอยู่เลย แต่พอเพลงขึ้นเราร้องเลยซึ้งมากค่ะ"
“พี่ต้าร์เค้าก็ไม่ได้ตกใจ เขาเองก็ยังน้ำตาคลอๆ เพราะเขาเองก็รู้สึกดีกับเพลงนี้อยู่เหมือนกัน เพราะมันเป็นเพลงที่ดีมาก ซึ้งค่ะ พี่โบเขาเป็นคริสต์ไง งานแต่งก็เลยมีการเทศน์การสอนการใช้ชีวิตให้คุ้มค่าที่สุด มันซึ้งในเรื่องของพิธีการต่างๆ มากเลยค่ะ ส่วนพลอยกับพี่ต้าร์เองนอกจากไปงานพี่โบแล้ว ปีใหม่เราก็ไม่ได้ไปไหนกัน อยู่บ้านค่ะ ไปบ้านพี่นิด (อรพรรณ วัชรพล) แล้วก็กลับบ้านค่ะ ตอนแรกอยากไปอยู่กับคุณยาย แต่คุณย้ายเบี้ยวไม่ไปกินข้าวก็เลยอยู่บ้าน”
“เคาท์ดาวน์ก็อยู่บ้านในสภาพชุดนอนแล้วก็ขึ้นไปบนดาดฟ้าที่บ้าน ดูพลุไฟด้านบน ไม่มีแอลกอฮอล์ใดๆทั้งสิ้น สวมชุดนอนใส่กางเกงวอร์มมานั่งดูพลุ ก็รู้สึกว่ามันสวยดี แล้วก็ก่อนเข้านอนก็เปิดหนังดีๆ สักเรื่องดูแล้วก็เข้านอน สบายๆ ชิลล์ๆ ตื่นมาไม่แฮงค์ด้วย สบายไม่ต้องเร่งตัวเองไปอยู่ในที่คนเยอะๆ ไม่ต้องเหนื่อยด้วย อยู่ในที่ที่เราสบายรีแลกซ์ในชุดนอน เรียกว่าไม่เคยเคาท์ดาวน์แบบนี้มาก่อน แต่เคยมีเคาท์ดาวน์ในรถตุ๊กตุ๊กนะ รถติดในกรุงเทพถือเป็นการที่เราเคาท์ดาวน์แบบแปลกๆ ดี แล้วพลอยกับพี่ต้าร์เองเราก็ไม่มีอะไรเซอร์ไพร์สกันด้วย”
ที่มา: manager.co.th