- เทรนด์ตลาดโน้ตบุ๊กถึงจุดเปลี่ยน
- ลูกเล่น "บางและเบา" ไม่สะใจคนเจน "ดี"
- เอชพีขอสร้างนิยามใหม่ พรีเมียมดีไซน์ บาง+เบา ต้องมีดีไซน์ไม่เหมือนใคร
หลังจากที่ผู้บริโภคให้การตอบรับโน้ตบุ๊กคอมพิวเตอร์เซกเมนต์ใหม่ "เน็ตบุ๊ก" ที่มีจุดเด่นในเรื่องกินไฟน้อย ราคาไม่แพง น้ำหนักเบา อย่างแรงมาแล้วครั้งหนึ่ง มาวันนี้ "อินเทล" ได้ส่งเทคโนโลยีใหม่ "ยูแอลวี" หรือ Ultra Low Voltage ที่มีประสิทธิภาพเป็นพิเศษเรื่องประหยัดพลังงาน มาใส่ในซีพียูตระกูล ดูโอคอร์ บนโน้ตบุ๊กคอมพิวเตอร์
ด้วยจุดเด่นในการประหยัดพลังงานของยูแอลวี ทำให้ซีพียูมีขนาดที่เล็กลง ทำให้ผู้ผลิตโน้ตบุ๊กคอมพิวเตอร์ต่างสามารถออกแบบให้โน้ตบุ๊กคอมพิวเตอร์มีขนาดเล็กลง เบาขึ้น ในราคาที่ผู้บริโภคสามารถเอื้อมถึง 20,000 กว่าบาทก็สามารถเป็นเจ้าของได้ ไม่แพงเท่ากับโน้ตบุ๊กคอมพิวเตอร์รุ่นบางเบาก่อนหน้านี้ที่ราคาซื้อขายต้องมีถึง 60,000 บาทขึ้นไป
ซึ่งจะเห็นการทยอยเปิดตัวโน้ตบุ๊กคอมพิวเตอร์ที่ใช้เทคโนโลยี "ยูแอลวี" ในประเทศไทยจากเอเซอร์ อัสซุสเทค เอ็มเอสไอ เลอโนโว ออกมาอย่างต่อเนื่องในช่วง 2-3 เดือนที่ผ่านมานี้ ขณะที่ "ฮิวเลตต์-แพคการ์ด" หรือเอชพี ผู้ผลิตโน้ตบุ๊กคอมพิวเตอร์อันดับ 1 ของโลก กลับไม่มีความเคลื่อนไหวแต่ประการใด
หลังจากที่เอชพีปล่อยให้คู่แข่งทยอยเปิดตัวโน้ตบุ๊กคอมพิวเตอร์บางและเบามาได้พักใหญ่ ในที่สุด เอชพีก็พร้อมที่จะเปิดไลน์โน้ตบุ๊กคอมพิวเตอร์ประเภทบางและเบาเสียที
ชัว วี คูณ รองประธานกรรมการ หน่วยธุรกิจโมบาย บิสซิเนส กลุ่มธุรกิจเพอร์ซันนัล ซิสเต็มส์ เอชพี เอเชียแปซิฟิก และประเทศญี่ปุ่น กล่าวว่า เอชพีเริ่มบุกเบิกตลาดโน้ตบุ๊กสำหรับคอนซูเมอร์ประเภทบาง และมีน้ำหนักเบา ด้วยการเปิดตัวผลิตภัณฑ์โน้ตบุ๊กคอมพิวเตอร์ "เอชพี เอ็นวี133 ในเดือนมิถุนายนปีที่แล้ว ตามด้วยโน้ตบุ๊กที่บางและมีน้ำหนักเบาในราคาสามารถหาซื้อได้อย่าง "เอชพี พาวิเลียน ดีวี2 ที่นำเข้าตลาดช่วงต้นปีนี้มาแล้ว
"การเพิ่มไลน์ผลิตภัณฑ์โน้ตบุ๊กประเภทบางและเบาในครั้งนี้ เป็นการพิสูจน์ให้เห็นถึงตำแหน่งผู้นำทางธุรกิจของเอชพี ทั้งในด้านการออกแบบผลิตภัณฑ์ รวมไปถึงการสร้างมาตรฐานใหม่สำหรับโน้ตบุ๊กบาง เบา"
การเปิดโน้ตบุ๊กคอมพิวเตอร์บางและเบาของเอชพีในครั้งนี้ เป็นการเปิดกลุ่มไลน์ผลิตภัณฑ์ครบทั้งตลาดคอนซูเมอร์และตลาดคอมเมอร์เชียล ตอบสนองทุกเซกเมนต์ โดยทางเอชพีหวังใช้เป็นหัวหอกในการขยายตลาดพรีเมียม โดยเฉพาะเรื่องดีไซน์ที่เอชพีให้ความสำคัญเป็นพิเศษ
เริ่มจาก เอชพี โปรบุ๊ก 5310เอ็ม เป็นโน้ตบุ๊กคอมพิวเตอร์สำหรับตลาดคอมเมอร์เชียลที่ต้องการใช้งานนอกสถานที่ มีน้ำหนักประมาณ 1.7 กิโลกรัม หนา 0.93 นิ้ว มาพร้อมกับจอภาพ แอลอีดีแบบไฮเดฟฟินิชั่นขนาด 13.3 นิ้ว ซีพียูที่ใช้มีทั้งอินเทล คอร์ทูดูโอ เอสพี9300 ที่ให้พลังในการประมวลผลเหมือนคอมพิวเตอร์ตั้งโต๊ะ หรือจะเป็นอินเทล เซเลรอน อินเทล ดูโอคอร์ แบบยูแอลวี ขณะที่ใช้แบตเตอรี่ลิเธียม-โพลิเมอร์ ทำให้สามารถใช้งานได้นานต่อเนื่อง 8 ชั่วโมง
เอชพี พาวิเลียน ดีเอ็ม1 และเอชพี พาวิเลียน ดีเอ็ม3 เป็นโน้ตบุ๊กรุ่นเบาและบางที่ออกแบบมาสำหรับตลาดคอนซูเมอร์โดยเฉพาะ โดย ดีเอ็ม1 เหมาะกับผู้ใช้งานที่ต้องการความสะดวกในการพกพาแบบมินิโน้ตบุ๊กและประสิทธิภาพ รวมไปถึงฟังก์ชั่นการใช้งานแบบโน้ตบุ๊กฟูลฟีเจอร์ทั่วไป จอภาพที่ให้มีขนาด 11.6 นิ้ว น้ำหนักเริ่มต้นที่ 1.36 กิโลกรัม มีซีพียูให้เลือกทั้งที่เป็นอินเทล เซเลรอน อินเทล ดูโอคอร์ หรืออินเทล เพนเทียม
ส่วนดีเอ็ม3 มีความบางไม่ถึง 1 นิ้ว น้ำหนักเริ่มต้น 1.91 กิโลกรัม โดดเด่นที่ตัวเครื่องเป็นแบบอะลูมิเนียมปัดลาย ดูทันสมัย สามารถเลือกออปชั่นซีพียูเป็นแบบมัลติเพิล จะเป็นอินเทล คอร์ทูดูโอ หรือเอเอ็มดี นีโอ ดูโอคอร์ ส่วนกราฟิกก็มีให้เลือกระหว่าง อินเทล ยูนิฟายด์ เอทีไอ และเอ็นวิเดีย
ซี ชิน เต็ก รองประธานกรรมการอาวุโส กลุ่มธุรกิจเพอร์ซันนัล ซิสเต็มส์ เอชพี เอเชีย-แปซิฟิก และประเทศญี่ปุ่น กล่าวว่า ช่วงต้นปี ทางเอชพีเปิดตัวสินค้าที่เน้นความคุ้มค่าด้านการใช้งานเป็นหลัก เนื่องจากสภาพเศรษฐกิจที่ยังไม่แน่ไม่นอน ปัจจุบันสภาพการณ์เริ่มเปลี่ยนแปลง เศรษฐกิจเริ่มฟื้นตัว ความมั่นใจกลับมา เอชพีจึงได้เปิดตัวสินค้าที่มีความหรูหรามากขึ้น เพื่อตอบสนองกลุ่มคนที่ต้องการประสิทธิภาพและดีไซน์
ไม่เพียงเท่านั้น เอชพียังได้เปิดตัวโน้ตบุ๊กคอมพิวเตอร์ระดับไฮเอนด์อย่างเป็นทางการเป็นครั้งแรกภายใต้แบรนด์เอชพี โดยจะใช้ซับแบรนด์ "เอ็นวี" ในการทำตลาด ซึ่งเป็นการต่อยอดมาจากผลิตภัณฑ์โน้ตบุ๊ก เอชพี วูดู เอ็นวี ที่มีอยู่เดิม เพื่อป้องกันความสับสนในเรื่องแบรนด์ในการทำตลาด ทางเอชพีจึงตัดสินใจที่จะนำเอ็นวีเข้ามาทำตลาดภายใต้แบรนด์เอชพีแทนที่จะเป็น "วูดู"
เอชพี เอ็นวี เป็นโน้ตบุ๊กที่มีจุดขายอยู่ที่ดีไซน์เพื่อตอบสนองการใช้งานกลุ่มผู้ใช้คอนซูเมอร์ระดับพรีเมียม ตั้งแต่ภาพรวมของผลิตภัณฑ์ไปจนถึงบรรจุภัณฑ์ การให้บริการ มีให้เลือก 2 โมเดล ประกอบไปด้วย เอ็นวี13 ความเป็นพรีเมียมของเอ็นวีเริ่มตั้งแต่นวัตกรรมเทคโนโลยี "HP Metal Etching" บนฝาหลังและบริเวณที่พักมือ ซึ่งทำจากอะลูมิเนียมและแมกนีเซียม จึงมีความทนทานในรูปแบบดีไซน์ที่โฉบเฉียว ตัวเครื่องเล็ก บางเพียง 0.8 นิ้ว มีน้ำหนักเพียง 1.69 กิโลกรัม ซีพียูที่ใช้เป็นซีพียู อินเทล คอร์ทูดูโอ จอภาพขนาด 13 นิ้ว
ขณะที่เอ็นวี15 จะทำมาจากแมกนีเซียมอัลลอย บาง 1 นิ้ว น้ำหนักเริ่มต้น 2.35 กิโลกรัม ซีพียูที่ใช้เป็นอินเทล คอร์ ไอ7 หน่วยความจำเป็นแบบดีดีอาร์3 ความเร็ว 1,066 เมกะเฮิรตซ์ ใส่ได้สูงสุด 16 กิกะไบต์ จอภาพแอลอีดีแบบไฮเดฟฟินิชั่น ขนาด 15.6 นิ้ว กราฟิกการ์ดเป็น ATI Mobility Radeon 4830 เหมาะสำหรับใช้งานแอปพลิเคชั่นที่ต้องการกราฟิกแรงๆ
เอชพียังได้ร่วมมือกับ Beats Audio ของ ดร.เดร โปรดิวเซอร์แร็ปเปอร์ชื่อดัง พัฒนาซับซิสเต็มส์ให้กับเอ็นวีโดยเฉพาะ
"เอ็นวีจะเป็นอีกหนึ่งทางเลือกของลูกค้าที่ต้องการสินค้าพรีเมียม จากสภาพเศรษฐกิจที่เป็นอยู่ ไม่ได้หมายความว่า ลูกค้าทุกคนต้องการสินค้าโลว์เอนด์ เชื่อว่าเอ็นวีจะสร้างการเติบโตที่สูงให้เอชพีได้ แถมยังเป็นการเติมเต็มพอร์ตโฟลิโอและสร้างการรับรู้แบรนด์เอชพีในกลุ่มลูกค้าไฮเอนด์ให้ดียิ่งขึ้น" ซี ชิน เต็ก กล่าวอย่างมั่นใจสำหรับโน้ตบุ๊กไฮเอนด์รุ่นนี้
นอกจากการเพิ่มไลน์โน้ตบุ๊กบางและเบาแล้ว ทางเอชพียังได้เสริมทัพในส่วน "เน็ตบุ๊ก" หรือที่เอชพีเรียกว่า มินิโน้ตบุ๊ก อีก 2 รุ่นใหม่ ประกอบไปด้วย เอชพี มินิ 311 ที่ใช้จอไวด์สกรีน แอลอีดีแบบไฮเดฟฟินิชั่นขนาด 11.6 นิ้ว ซึ่งถือเป็นมินิโน้ตรุ่นแรกในตลาดที่เป็น "เอชดี" กับเอชพี มินิ 100 มินิโน้ตรุ่นแรกที่ใช้เทคโนโลยีลายพิมพ์แบบ 3 มิติบนพื้นผิวพีซี โดยร่วมมือกับดีไซเนอร์ชาวดัตช์ "ทอร์ด บูนท์" ออกแบบลวดลาย
จากการเปิดไลน์ผลิตภัณฑ์โน้ตบุ๊กคอมพิวเตอร์บางและเบาของเอชพีในครั้งนี้ ไม่ได้เป็นเพียงแค่การเปิดตัวโน้ตบุ๊กที่โฟกัสไปที่ตลาดคอนซูเมอร์เหมือนผู้ผลิตแบรนด์อื่นๆ เพราะการเปิดตัวในครั้งนี้เป็นการตอบสนองความต้องการโน้ตบุ๊กบางและเบาในทุกๆ เซกเมนต์ ทุกๆ ความต้องการ
ที่มา: manager.co.th