แฟ้มภาพปีเตอร์ โชว ซีอีโอเอชทีซีที่ประกาศเริ่มกระบวนการลบเทคโนโลยีที่ละเมิดแอปเปิลแล้ว
Nexus One หนึ่งในสมาร์ทโฟนที่ถูกระบุชื่อในคำฟ้อง
เมื่อเอชทีซีถูกตัดสินให้แพ้คดีละเมิดสิทธิบัตรเทคโนโลยีของแอปเปิล คำถามมากมายเกิดขึ้นในความคิดของสาวกเอชทีซี หลายคนงงว่าการแพ้คดีครั้งนี้จะมีผลอย่างไร และจะเปลี่ยนแปลงวิถีการใช้งานสมาร์ทโฟนเอชทีซีอย่างไรในอนาคต
คำถามเหล่านี้ มีคำตอบแล้วในบทความนี้
- เนื้อหาคำตัดสินคืออะไร?
คณะกรรมการการค้าต่างประเทศแห่งสหรัฐฯหรือ U.S. International Trade Commission (ITC) ตัดสินให้ HTC มีความผิดฐานละเมิดสิทธิบัตรเทคโนโลยีหมายเลข 5,946,647 ซึ่งเกี่ยวข้องกับกระบวนการตรวจจับข้อมูลที่ทำให้สมาร์ทโฟนสามารถจำแนกได้แบบอัตโนมัติว่าข้อความใดเป็นอีเมลแอดเดรส, โทรศัพท์มือถือ หรือเป็นที่อยู่ธรรมดา เมื่อจำแนกได้ระบบจะย้ายข้อความเหล่านั้นไปยังปฏิทินงาน, หน้าโทรออก หรือแอปพลิเคชันแผนที่แบบอัตโนมัติเช่นกัน
คำตัดสินนี้จะมีผลกับอุปกรณ์เอชทีซีทุกรุ่นที่มีคุณสมบัติดังกล่าว และจะถูกสั่งห้ามจำหน่ายในสหรัฐฯในช่วงเดือนเมษายนปีหน้า จุดนี้เอชทีซีอ้างว่าเป็นส่วนติดต่อผู้ใช้หรือ UI ที่ไม่สลักสำคัญมาก และจะดำเนินการลบคุณสมบัตินี้จากสมาร์ทโฟนเอชทีซีได้ครบในเร็ววัน
- เมื่อเอชทีซีแพ้ สมาร์ทโฟนเอชทีซีจะยังมีจำหน่ายในสหรัฐฯต่อไปหรือไม่?
สินค้าของเอชทีซีจะไม่หายไปจากตลาดแน่นอน เพราะ ITC ให้เวลาเอชทีซีหาทางออกถึงวันที่ 19 เมษายนก่อนที่คำสั่งห้ามจำหน่ายในสหรัฐฯจะมีผล ถือว่าเหลือเฟือสำหรับเอชทีซีที่จะหาข้อสรุปที่ยืดหยุ่นได้
แต่หากเอชทีซียังไม่ลบความสามารถที่ถูกตัดสินว่าละเมิดออกไป เอชทีซีจะไม่สามารถนำเข้าโทรศัพท์เข้ามาจำหน่ายในสหรัฐฯได้ตามคำสั่ง ITC ซึ่งซีอีโอเอชทีซีได้ออกมาย้ำว่าได้เริ่มดำเนินการลบและพัฒนาความสามารถใหม่ขึ้นมาแทนที่แล้ว เท่ากับกรณีดังกล่าวมีโอกาสน้อยมากที่จะเกิดขึ้น
- คำตัดสินนี้กระทบสมาร์ทโฟนกี่เครื่อง?
มีเพียง Droid Eris และ Nexus One เท่านั้นที่ถูกระบุชื่อในคำร้องดั้งเดิม ซึ่งขณะนี้ยังไม่ชัดเจนว่าคำตัดสินดังกล่าวครอบคลุมสมาร์ทโฟนกี่เครื่องในสหรัฐฯ
ชาวเอชทีซีในสหรัฐฯจะต้องอัปเดทซอฟต์แวร์อีกครั้งในอนาคต เพื่อให้สมาร์ทโฟนรุ่นนั้นไม่เข้าข่ายละเมิดสิทธิบัตรแอปเปิล
- อย่างนั้นสมาร์ทโฟนเอชทีซีจะเปลี่ยนไปอย่างไร?
ความเปลี่ยนแปลงคือสมาร์ทโฟนเอชทีซีจะไม่สามารถทำงานบางอย่างได้
สิทธิบัตรที่เอชทีซีถูกตัดสินว่าไปละเมิดแอปเปิลนั้นมีบทบาทค่อนข้างสูงในการใช้งาน หากเอชทีซีลบคุณสมบัติที่ละเมิดนั้นออกไปโดยไม่สร้างความสามารถใหม่ขึ้นมาทดแทน ผู้ใช้จะไม่สามารถแตะที่ข้อความอีเมลแอดเดรสเพื่อโทรออกหาเจ้าของแอดเดรสได้อัตโนมัติอย่างเคย แต่ผู้ใช้จะต้องกดเลขหมายโทรศัพท์ของเจ้าของอีเมลด้วยมือตัวเอง รวมถึงการแตะที่ข้อความที่อยู่ แล้วไปแสดงตำแหน่งในแอปพลิเคชันแผนที่หรือระบบนำทางแบบอัตโนมัติ ก็จะไม่สามารถทำได้เช่นกัน
สิ่งนี้ทำให้ผู้ที่ต้องการซื้อสมาร์ทโฟนเอชทีซีในอนาคตต้องดูให้ดี ว่าความสามารถเรื่องการแตะที่ข้อความบนหน้าจอเหล่านี้จะถูกเอชทีซีจัดการอย่างไร ซึ่งขึ้นอยู่กับผู้ใช้แต่ละรายว่าจะยอมรับกับคุณสมบัติใหม่ที่เอชทีซีพัฒนาขึ้นมาทดแทนได้ขนาดไหน
- นี่คือจุดจบเอชทีซีหรือเปล่า?
ไม่เลย แม้เอชทีซีจะถูกตัดสินให้แพ้คดีแต่นักวิเคราะห์เชื่อว่าเอชทีซีจะเร่งพัฒนาเทคนิกของตัวเองขึ้นมาเพื่อให้สมาร์ทโฟนของตัวเองยังมีคุณสมบัติดั้งเดิมอยู่ หรือไม่ก็ยังมีทางออกอีกทางที่หลายบริษัทใช้กันเมื่อถูกฟ้องร้องว่าละเมิดสิทธิบัตร นั่นคือการยอมจ่ายเงินค่าสิทธิบัตรเพื่อให้มีสิทธิ์ใช้เทคโนโลยีเดิมต่อไป
ขณะเดียวกัน เอชทีซียังมีสิทธิ์อุทธรณ์ได้อีก เช่นเดียวกับคดีที่เอชทีซีและแอปเปิลยังมีค้างอยู่ในศาลหลายประเทศ
- เรื่องนี้จะกระทบผู้ใช้แอนดรอยด์อย่างไร?
การชนะคดีครั้งนี้ทำให้แอปเปิลสามารถนำไปต่อกรกับผู้ผลิตสมาร์ทโฟนแอนดรอยด์รายอื่น จุดนี้มีโอกาสเป็นไปได้สูงเพราะแอปเปิลแสดงท่าทีต่อต้านผู้ผลิตสมาร์ทโฟนแอนดรอยด์อย่างจริงจัง เห็นได้จากการตะลุยฟ้องผู้ผลิตสมาร์ทโฟนแอนดรอยด์รายใหญ่อย่างซัมซุงและโมโตโรลาในหลายประเทศ
แต่ในนาทีนี้ ทั้งซัมซุง โมโตโรลา และผู้ผลิตอุปกรณ์แอนดรอยด์รายอื่นยังปลอดภัยดี เช่นเดียวกับกูเกิลที่กำลังเร่งมือพัฒนาความสามารถใหม่ให้ทันเส้นตายวันที่ 19 เมษายน ทั้งหมดคาดว่าจะไม่มีผลกระทบต่อผู้ใช้แอนดรอยด์ทั่วโลก
---------------------
มหากาพย์ของการฟ้องร้องคดีละเมิดสิทธิบัตรของแอปเปิลและเอชทีซีนั้นเริ่มจากแอปเปิลเป็นฝ่ายเริ่มฟ้องเอชทีซีเมื่อเดือนมีนาคม ปีที่แล้ว แอปเปิลกล่าวหาว่าเอชทีซีได้ละเมิดสิทธิบัตรเทคโนโลนีมากกว่า 20 รายการ เบื้องต้น ITC ตัดสินว่าเอชทีซีมีความผิดแต่เอชทีซีหันมาแก้เกมด้วยการเข้าซื้อบริษัท S3 Graphics แล้วกลับมาดำเนินการฟ้องกลับแอปเปิลอีกครั้ง ซึ่งการฟ้องร้องครั้งนั้นแอปเปิลเป็นฝ่ายแพ้คดี ก่อนที่ ITC จะพลิกคำตัดสินให้แอปเปิลเป็นฝ่ายชนะช่วงเดือนพฤศจิกายนที่ผ่านมา
ล่าสุด ITC ประกาศผลพิจารณาคดีว่าเอชทีซีมีความผิดละเมิดสิทธิบัตรเทคโนโลยีแอปเปิลจำนวน 2 รายการ ศาลจึงสั่งห้ามเอชทีซีนำเข้าอุปกรณ์เพื่อจำหน่ายช่วงเดือนเมษายนปีหน้า จุดนี้คำกล่าวของซีอีโอเอชทีซีชี้ว่า ผู้ผลิตสัญชาติไต้หวันได้เตรียมแผนรับมือคำตัดสินเรียบร้อยแล้ว ท่ามกลางกูเกิลที่ประกาศชัดเจนว่ากำลังแก้ไขคุณสมบัติของแอนดรอยด์ครั้งใหญ่ เพื่อลดความเสี่ยงไม่ให้ผู้ผลิตฮาร์ดแวร์แอนดรอยด์ถูกฟ้องร้องไปได้มากกว่านี้
เอชทีซีชี้ว่าเทคโนโลยีทั้ง 2 รายการเป็นเพียงส่วนหนึ่งของระบบ UI ซึ่งสามารถตัดออกจากผลิตภัณฑ์เอชทีซีได้ทั้งหมดในเร็ววัน
Company Related Link :
HTC
ที่มา: manager.co.th