Nokia Lumia 800 วินโดวส์โฟนที่จะเข้ามาทำตลาดในปีหน้า ซึ่งตอนนี้ติดปัญหาแค่การพัฒนาภาษาไทย โนเกียเผย ยังมั่นใจในระบบนิเวศน์ของโนเกีย ช่วยผลักดันผู้บริโภคให้สามารถใช้งานอินเทอร์เน็ตผ่านมือถือ มั่นใจสินค้าในตระกูล s40 จะกลายเป็นไฮเอนด์ฟีเจอร์โฟน ตอบสนองความต้องการของผู้บริโภคที่มีข้อจำกัดทางการใช้งาน
นายจิรพัฒน์ จันทร์เจิดศักดิ์ หัวหน้าฝ่ายสนับสนุนนักพัฒนาและระบบนิเวศน์การสื่อสารไร้สาย ประเทศไทยและตลาดเอเชียเกิดใหม่ บริษัท โนเกีย (ประเทศไทย) จำกัด กล่าวว่า ในช่วงทีผ่่านมาโนเกียมีการพัฒนาอย่างต่อเนื่องในแง่ของระบบนิเวศน์ที่ครอบคลุมตั้งแต่พาร์ทเนอร์ นักพัฒนา ผู้ให้บริการเครือข่าย ค่ายมือถือ และผู้บริโภค
"จุดเด่นสำคัญคือโนเกียทำให้ลูกค้าฟีเจอร์โฟนสามารถเข้าถึงการใช้งานอินเทอร์เน็ต ดาวน์โหลดแอปพลิเคชันไปใช้งานได้ทุกกลุ่ม โดยไม่จำเป็นต้องใช้สมาร์ทโฟน ซึ่งสิ่งเหล่านี้สอดคล้องกับพันธกิจของโนเกียที่ตั้งไว้ในช่วงนี้ว่าต้องการผลักดันให้ประชากรทั่วโลกเข้าถึงอินเทอร์เน็ตเพิ่มขึ้นอีก 1 พันล้านคน"
โดยปัจจุบันถ้ามองถึงจำนวนประชากรบนโลกคาดว่าจะอยู่ที่ราวเกือบ 7 พันล้านคน ซึ่งแบ่งออกเป็นผู้ที่เชื่อมต่อกับอินเทอร์เน็ตตลอดเวลาราว 1 พันล้านคน 1.5 พันล้านคนใช้งานแบบเป็นครั้งคราว และ 1.2 พันล้านคนที่มีโทรศัพท์มือถือแต่ไม่เชื่อมต่ออินเทอร์เน็ต และสุดท้ายคือ 3.2 พันล้านคนที่ไม่มีโทรศัพท์
"โนเกียโฟกัสไปที่ประชากรราว 1 พันล้านคนที่มีโทรศัพท์ แต่ยังไม่มีการเชื่อมต่ออินเทอร์เน็ต ที่ไม่รู้ว่าใช้อย่างไร หรือ กังวลเรื่องค่าใช้จ่าย ทำให้โนเกียคิดค้นเว็บเบราว์เซอร์ที่เป็นคลาวด์เบส ช่วยลดปริมาณข้อมูลในการเชื่อมต่อเว็บไซต์ได้ถึง 90% รวบรวมบริการโซเชียลเน็ตเวิร์กเข้าด้วยกัน และทำให้เครื่องในทุกระดับสามารถดาวน์โหลดแอปฯได้"
ถ้ามองเฉพาะการดาวน์โหลดแอปฯในประเทศไทย Nokia Store ยังมีอัตราการเติบโตอย่างต่อเนื่อง มีคนไทยดาวน์โหลดแอปฯ 1.5 ล้านครั้งต่อสัปดาห์ ซึ่งถือเป็นประเทศในอันดับต้นๆของโนเกีย โดยมีอัตราการเติบโตจากปีที่ผ่านมา 300% และกว่าครึ่งของการดาวน์โหลดมาจากฟีเจอร์โฟน
"จุดที่ทำให้โนเกีย โดดเด่นกว่าแบรนด์อื่นคือระบบการคิดเงินค่าแอปพลิเคชัน ผ่านโอเปอเรเตอร์บิลลิ่ง ช่วยอำนวยความสะดวกให้แก่ผู้ใช้งาน และในอนาคตก็จะยังคงยึดแนวทางดังกล่าวต่อไปสำหรับวินโดวส์โฟนที่จะนำเข้ามาทำตลาดในช่วงปีหน้า"
ความคืบหน้าล่าสุดของการวางจำหน่าย โนเกีย Lumia 800 และ 710 ซึ่งเปิดตัวที่ประเทศอังกฤษไปแล้วนั้น นายจิรพัฒน์ให้ข้อมูลว่า ขณะนี้กำลังอยู่ในช่วงการพัฒนาภาษาไทย ร่วมกับทางไมโครซอฟท์ ทำให้ยังไม่สามารถนำผลิตภัณฑ์ดังกล่าวมาวางจำหน่ายได้ แต่ยืนยันว่าจะต้องแล้วเสร็จภายในปี 2012 อย่างแน่นอน เพื่อรองรับกับดีไวส์ใหม่ๆที่จะทำงานบนระบบปฏิบัติการวินโดวส์ โฟนต่อไป
ขณะที่การทำตลาดในกลุ่มเครื่องที่ใช้ s40 ก็จะยังคงเดินหน้าต่อไปเพราะยังมีผู้บริโภคอีกเป็นจำนวนมากที่ต้องการโทรศัพท์ราคาไม่แพง และพร้อมไปด้วยบริการ ส่วนอนาคตของซิมเบียน ก็ยังคงอยู่ต่อไปจนถึงปี 2016 โดยจะเน้นการออกสินค้าให้ครอบคลุมทุกช่วงราคามากขึ้น
Company Relate Link :
Nokia
ที่มา: manager.co.th