Prince Alwaleed แห่งซาอุฯ ทุ่มเงิน 300 ล้านดอลล่าร์ซื้อหุ้นทวิตเตอร์

[Nick]

เจ้าชายแห่งประเทศซาอุดิอาระเบีย Alwaleed Bin Talal Bin Abdulaziz Alsaud ได้ร่วมกับบริษัท Kingdom Holding จำกัดของตนเอง ทุ่มเงิน 300 ล้านเหรียญสหรัฐฯ สำหรับการเข้าซื้อหุ้นทวิตเตอร์

โดยเจ้าชาย Alwaleed ทรงเป็นนักลงทุนที่รวยที่สุดในโลกคนหนึ่ง ตามการประเมินทรัพย์สินจากนิตยสาร Forbes ที่ระบุว่าพระองค์มีทรัพย์สินราว 19.6 พันล้านเหรียญสหรัฐฯ นอกจากนี้ พระองค์ยังทรงเป็นหลานชายของกษัตริย์ Saudi Arabia King Abdullah bin Abdulaziz Alsaud และเมื่อไม่กี่ปีที่ผ่านมาเจ้าชาย Alwaleed ยังได้ทำการลงทุนในพื้นที่ของตลาด ซึ่งรวมถึงธนาคาร อสังหาริมทรัพย์ และโรงแรม ขณะที่ในด้านของเทคโนโลยีนั้น เจ้าชายทรงได้รับเงินปันผลหรือซื้อหุ้นจากบริษัทฮิวเล็ต-แพ็คการ์ด, แอปเปิ้ล, โมโตโรล่า และอื่นๆ อีกมากมาย และในระหว่างที่ธุรกิจ dot-com กำลังได้รับความสนใจ พระองค์ก็ได้ทุ่มทุนมหาศาลในการซื้อบริษัทเว็บไซต์ด้วย แต่อย่างไรก็ดี การที่เจ้าชายทรงเลือกที่จะลงทุนในทวิตเตอร์ ก็อาจจะได้รับการวิพากษ์วิจารณ์ เนื่องจากโซเชียลเน็ตเวิร์กได้รับการมองว่าเป็นเครื่องมือในการสนับสนุนช่วยเหลือของกลุ่มที่เรียกตัวเองว่า Arab Spring ที่ซึ่งก่อให้เกิดเหตุการณ์ปฏิวัติทั่วตะวันออกกลางเมื่อปีที่ผ่านมา ซึ่งปัญหาที่เผชิญหน้าระหว่างผู้นำในอียิปต์และลีเบียเกือบลุกลามไปยังซาอุดิอาระเบีย ก่อนที่รัฐบาลจะนำเสนอวิถึทางในการแก้ปัญหาความไม่สงบ แต่ทั้งนี้เจ้าชาย Alwaleed ก็ทรงยอมรับว่าทวิตเตอร์เป็นกิจการที่มีความสำคัญต่อโลก และก็ทำให้มีผลกระทบไปทั่วโลกด้วย ขณะที่ด้านบริษัททวิตเตอร์ไม่ได้ออกมาแสดงความคิดเห็นต่อการลงทุนของเจ้าชายจากซาอุฯ แต่มันก็ทำให้บริษัทมีทรัพย์สินเพิ่มมากขึ้นเป็น 1.2 ล้านเหรียญสหรัฐฯ นับตั้งแต่ก่อตั้งมาเมื่อปี 2006

Source : CNET

ที่มา: pantip.com

[Nick]

เจ้าชายซาอุหอบ 300 ล้านดอลล์ลงทุนทวิตเตอร์

เจ้าชายวาลิต บิน ทาลาล (Prince Walid bin Talal)

เจ้าชายหนุ่มนักธุรกิจแห่งซาอุดิอาระเบียเทเงิน 300 ล้านเหรียญสหรัฐฯ หรือประมาณ 9 พันล้านบาทเพื่อซื้อหุ้นในบริษัทเครือข่ายสังคมน้องใหม่อย่างทวิตเตอร์ (Twitter) งานนี้ทวิตเตอร์ถูกจับตามองว่าเป็นพัฒนาการสำคัญในการเติบโตสู่ตลาดทุนโลก เพราะการลงทุนของเจ้าชายซาอุฯแสดงว่าทวิตเตอร์มีแนวโน้มอนาคตที่สดใสไม่แพ้ยักษ์ใหญ่อย่างแอปเปิล ซิตี้กรุ๊ป หรือวอลท์ดิสนีย์ที่นักลงทุนต่างชาติมีความเชื่อถืออยู่เสมอ
       
       เจ้าชายวาลิต บิน ทาลาล (Prince Walid bin Talal) ออกแถลงการณ์เกี่ยวกับการลงทุนครั้งนี้อย่างเป็นทางการเมื่อวันจันทร์ (19) ที่ผ่านมา โดยระบุว่าการเทเงินทุนในทวิตเตอร์เป็นเพียงส่วนหนึ่งของการลงทุนในธุรกิจที่มีแนวโน้มเติบโตเร็วและมีอิทธิพลต่อโลก จุดนี้ถือว่าน่าสนใจ เพราะที่ผ่านมาเจ้าชายซาอุมักจะเทเงินลงทุนในธุรกิจที่มั่งคั่งและมีชื่อเสียงยาวนาน แต่ทวิตเตอร์นั้นเป็นเว็บไซต์รับส่งบล็อกสั้นหรือ microblogging site ที่มีอายุการให้บริการเพียง 5 ปี
       
       อย่างไรก็ตาม ทวิตเตอร์นั้นฉายแววร้อนแรงแม้จะมีอายุน้อย เพราะขณะนี้ทวิตเตอร์สามารถทำสถิติยอดผู้ใช้งานได้เกิน 100 ล้านราย สาเหตุที่ทำให้ทวิตเตอร์ได้รับความนิยมสูงคือการเป็นเครื่องมือในการสื่อสารที่คล่องตัวและทำได้ทุกหนแห่ง เหมาะทั้งบุคคลหรือบริษัทองค์กรที่ต้องการกระจายข่าวสารข้อมูลแบบเรียลไทม์ ซึ่งหลายครั้งที่ทวิตเตอร์กลายเป็นเครื่องมือสำคัญในการเรียกรวมตัวผู้ประท้วงรัฐบาลบางประเทศ
       
       สื่อต่างประเทศตั้งข้อสังเกตว่า เจ้าชายวาลิตนั้นไม่ได้เป็นสมาชิกทวิตเตอร์ แต่พระชายาหรือเจ้าหญิงอามีราห์ อัล-ทาวีล (Princess Ameerah Al-Taweel) นั้นเป็นสมาชิกรายสำคัญที่มีจำนวนผู้ติดตามหรือ follower มากกว่า 84,000 คน โดยเมื่อวันจันทร์ที่ผ่านมา พระชายาได้ส่งข้อความบนทวิตเตอร์โดยเรียกการลงทุนในธุรกิจเครือข่ายสังคมของเจ้าชายว่าเป็น “ความเคลื่อนไหวที่วางแผนได้ดีเยี่ยม”
       
       ทวิตเตอร์นั้นเป็นส่วนหนึ่งของธุรกิจเครือข่ายสังคมออนไลน์ที่สามารถครองใจผู้ใช้ทั่วโลกได้มากขึ้นทุกที ขณะเดียวกันก็ยังมีแนวโน้มสร้างรายได้จากรูปแบบธุรกิจที่หลากหลาย ทั้งหมดนี้ส่งให้มูลค่าตลาดของทวิตเตอร์เพิ่มสูงขึ้นอีกหลายพันล้านเหรียญสหรัฐ จุดนี้รายงานชี้ว่า เจ้าชายวาลิตเจรจาซื้อหุ้นทวิตเตอร์ต่อจากผู้ถือหุ้นเดิมด้วยมูลค่าตลาด 8.4 พันล้านเหรียญสหรัฐ ถือเป็นมูลค่าสูงมากเมื่อเทียบกับอายุการก่อตั้งเพียง 5 ปี
       
       มูลค่าตลาดของทวิตเตอร์ 8.4 พันล้านนั้นสูงกว่าบริการเกมออนไลน์ที่สามารถสร้างรายได้ด้วยตัวเองอย่าง Zynga ซึ่งเริ่มเข้าตลาดไปเมื่อสัปดาห์ที่ผ่านมา ปรากฏว่ามูลค่าหุ้นของ Zynga ลดลงถึง 10% จากราคาเสนอขายครั้งแรก (IPO) ทำให้มูลค่าตลาดของบริษัทอยู่ที่ 6.3 พันล้านเหรียญในขณะนี้
       
       เจ้าชายวาลิตนั้นลงทุนในทวิตเตอร์ในนามของบริษัท Kingdom Holding หนึ่งในความเสี่ยงของการลงทุนคือการที่ทวิตเตอร์ยังไม่สามารถทำรายได้เลี้ยงตัวเองได้มากพอ แม้จะเริ่มขายโฆษณาตั้งแต่ปี 2010 จุดนี้ทวิตเตอร์ถูกวิจารณ์ว่ายังห่างชั้นจากเฟซบุ๊กซึ่งสามารถทำตลาดโฆษณาออนไลน์ได้ดีต่อเนื่อง
       
       เบื้องต้น บริษัทวิจัย eMarketer ประเมินว่าทวิตเตอร์จะสามารถทำรายได้จากการโฆษณาออนไลน์ราว 139.5 ล้านเหรียญในปีนี้ และอาจจะเพิ่มขึ้นเท่าตัวในปี 2012
       
       นอกจากนี้ การใช้งานทวิตเตอร์ยังเริ่มขยายตัวในโลกอาหรับ โดยเฉพาะเมื่อทวิตเตอร์ปรับให้บริการรองรับภาษาอาหรับได้เต็มตัว จุดนี้ข้อมูลจากบริษัทวิจัย Semiocast พบว่าข้อความภาษาอาหรับที่ถูกส่งไปมาบนทวิตเตอร์นั้นมีอัตราเติบโตถึง 2,146% ในช่วงเดือนต.ค.ปีที่แล้วถึงต.ค.ปีนี้
       
       อีกความเสี่ยงของทวิตเตอร์คือการถูกรัฐบาลหลายประเทศปิดกั้นไม่ให้ประชาชนใช้งาน เนื่องจากรัฐบาลมองว่าทวิตเตอร์เป็นบริการที่ผู้ใช้สามารถส่งข้อความปลุกระดมแก่ฝูงชนได้แบบเรียลไทม์ ถือเป็นอันตรายต่อความมั่นคงของประเทศ เมื่อเดือนม.ค.ที่ผ่านมา ทวิตเตอร์ถูกสั่งแบนโดยรัฐบาลอียิปต์ หลังจากถูกแบนในจีนมาระยะหนึ่ง
       
       Company Related Link :
       Twitter

ที่มา: manager.co.th