“วุ้นเส้น” ไม่ฟันธงแต่ง “ชาคริต” เม.ย.ปีหน้า เชื่อไม่เร็วไปเพราะเจอกันในเวลาที่เหมาะ หวังเป็นคนสุดท้าย
“วุ้นเส้น” ไม่ฟันธงแต่ง “ชาคริต” เม.ย. ปีหน้า บอกหากมีข่าวดีจริงตนก็ไม่อยากออกมาพูดฝ่ายเดียว เชื่อไม่เร็วไปเพราะเจอกันในช่วงเวลาที่เหมาะ เจ้าตัวไม่สนอาถรรพ์อดีตของฝ่ายชายจะแต่งงานทีไรเป็นต้องแห้วทุกที พร้อมเปรยหวังชาคริตเป็นคนสุดท้าย
เพิ่งจะคบหากันได้ไม่นานเท่าไหร่ฝ่ายชายหนุ่ม “ชาคริต แย้มนาม” ก็ประกาศอยากแต่งงานกับแฟนสาว “วุ้นเส้น วิริฒิพา ภักดีประสงค์” ถึงขั้นวางแผนทำแปลนบ้านซื้อที่ดินเตรียมปลูกเป็นเรือนหอเรียบร้อยแล้ว ล่าสุดมีข่าวลือออกมาว่าทั้งคู่ได้แอบเตรียมการเรื่องนี้กันอย่างเงียบๆ ไปหาฤกษ์วิวาห์กันมาแล้วซึ่งเป็นเดือนเมษายนปีหน้า แถมยังสั่งทำแหวนเพชร 3 กะรัตสำหรับวิวาห์ไว้เรียบร้อยแล้ว แต่พอถามสาววุ้นเส้นเจ้าตัวบอกยังไม่สามารถตอบอะไรได้ เพราะหากมีข่าวดีจริงๆ ตนก็ไม่อยากที่จะออกมาพูดคนเดียว
“จริงๆ เราคุยกันมาเรื่อยๆ อยู่แล้ว แต่ถามว่าจะเป็นยังไงวุ้นว่ารอดูต่อไปดีกว่า เพราะว่าตอนนี้วุ้นก็ยังให้คำตอบไม่ได้ ถ้าเกิดมันจะมีจริงๆ วุ้นก็คงไม่ออกมาพูดคนเดียว ก็คงต้องคุยกันและออกมาพูดพร้อมๆ กันค่ะ ส่วนที่บ้านเขาไม่ค่อยแปลกใจอะไร เพราะเราคุยมาเรื่อยๆ อยู่แล้วว่าเราคบกันยังไงก็ต้องมีวันหนึ่ง แต่จะเมื่อไหร่อะไรยังไงวุ้นขอให้ออกมาพูดพร้อมกันทั้งสองคนดีกว่า ส่วนที่บอกเตรียมซื้อแหวนเพชร 3 กะรัตอันนี้ข่าวมันก็เป็นแค่ข่าวมากกว่า มันก็คงต้องมีแหวนเป็นปกติอยู่แล้ว แต่ขึ้นอยู่กับแค่ว่าจะมีวันนั้นวันไหน”
“ก็เป็นอีกข่าวหนึ่งที่ไม่ได้แปลกใจอะไร เพราะตั้งแต่คบกันแรกๆ ก็มีข่าวว่าจะแต่งงานออกมาอยู่แล้ว ก็คุยกับพี่คริตเขาก็พูดเหมือนวุ้นแหละว่าถ้ามีขึ้นมาจริงๆ คงไม่ให้นักข่าวไปเขียนก่อน คงจะแถลงข่าวเป็นเรื่องเป็นราว ความเป็นไปได้ในปีหน้าคือวุ้นก็รู้สึกว่าเรามั่นใจในกันและกันทั้งคู่ และถ้ามันจะเป็นอย่างนั้นก็ต้องรอดูต่อไปค่ะ เมื่อถึงเวลาที่เราพร้อมทุกอย่างร้อยเปอร์เซ็นต์ก็คงจะบอกอีกที ถ้ามันยังไม่ลงตัววุ้นก็ไม่อยากพูด”
“ถามว่าเร็วไปมั้ยสำหรับการแต่งงาน วุ้นก็ไม่รู้ว่าเวลามันสำคัญขนาดไหน เพราะเรื่องของเรื่องคือบางทีคนเรามันรู้จักกันร้อยเปอร์เซ็นต์ตั้งแต่แรกๆ แล้ว เราเป็นตัวของตัวเองทั้งคู่ ไม่มีใครสร้างภาพอะไรมาก เราก็เลยรู้จักกันเร็ว ที่บ้านเราเองก็โอเคเพราะอายุเราก็อยู่ในระดับที่สมควรจะแต่งได้แล้ว ตอนนี้ก็มั่นใจเขาค่ะ เรารู้จักกันมาหน้านี้ก็ 8 ปีแล้ว คุยๆ กันมาร่วมปี วุ้นก็คิดว่าวุ้นรู้จักเขา แต่เราก็ต้องเรียนรู้กันไปอีก ถ้าเกิดครั้งนี้มันออกมาจากปากเขา และเรามีวันแน่นอนแล้วก็คงจะได้รู้กันทุกคน แต่ตอนนี้ยังไม่มีอะไร ก็ขอเป็นข่าวในอนาคตดีกว่า ถ้ามีแล้วเราก็ต้องบอกแน่นอนเพราะมันก็เป็นเรื่องสำคัญที่ทุกคนต้องรู้”
ไม่สนอาถรรพ์ของหนุ่มชาคริตที่อดีตจะแต่งงานทีไรเป็นอันต้องแห้วเลิกรากันไปทุกที แต่กลับรู้สึกเห็นใจ จึงเลือกที่จะมองในสิ่งที่มีความสุขของกันและกันมากกว่า
“จริงๆ วุ้นต้องบอกว่ามันก็เป็นสิ่งที่เราเห็นใจเขาเหมือนกัน แต่ส่วนตัววุ้นเองวุ้นไม่คิดอะไรมากกับเรื่องนี้เลย วุ้นไม่คิดอะไรค่ะ วุ้นเชื่อว่าทุกครั้งที่เขาจะแต่งงานคือเขาก็อยากจะแต่ง เราอย่าไปมองว่าเขาเคยรักคนอื่นมาก่อนแล้วจะมาอะไรอย่างนี้ มันไม่ใช่ คนเรามันก็ต้องมีประสบการณ์อยู่แล้วเพราะฉะนั้นวุ้นจะไม่มอง เพียงแต่เขาเป็นดาราไง พอมีข่าวคนก็อยากรู้ มันก็เป็นเรื่องยาก”
“ตอนนี้วุ้นมองแค่ว่าวันนั้นมันเป็นวันที่เป็นของเรา ก็คงจะออกมาบอกกัน วุ้นเองเป็นคนที่ชินกับข่าวมาก วุ้นเชื่อในความเป็นเขามากกว่าจะเชื่อในข่าวลือ วุ้นก็ยอมรับทุกคนมันก็ต้องมีอดีตอยู่แล้ว แต่ปัจจุบันและอนาคตเป็นสิ่งที่เราต้องทำให้ดีที่สุด อะไรที่ผ่านมาแล้ววุ้นไม่ค่อยอยากจะไปพูดถึงเท่าไหร่ เราเลือกที่จะพูดในสิ่งที่ทำให้ต่างคนต่างแฮปปี้มากกว่า”
“ความรักในทุกๆ ครั้งที่ผ่านมาวุ้นคบใครก็ไม่เคยเป็นอย่างนี้ เราคบระดับตามอายุตอนนั้นไม่ได้คิดถึงอนาคตอะไรมาก แต่ตอนนี้เราเป็นผู้ใหญ่แล้วก็เลยคบกันแบบผู้ใหญ่ ไม่ได้จะคบเล่นๆ ก็ต้องอยู่ที่อนาคตว่าจะยังไงแล้ว พี่คริตเองเขาเป็นคนหวาน แล้ววุ้นเองก็แฮปปี้กับที่เขาให้ แต่มันก็มีบางมุมที่ฮาร์ดคอร์คู่เราไม่ใช่ว่าจะแฮปปี้อะไรกันตลอด เราก็มีทะเลาะกันบ้าง แต่มันก็ไม่ได้เป็นเรื่องที่เราจะสามารถหันหลังให้กันได้ วุ้นว่าเราก็คงต้องเรียนรู้กันไปตลอดชีวิต วันนึงความรักมันอาจจะจืดจางลง เอาเป็นว่าวันนี้วุ้นค่อนข้างรู้สึกแฮปปี้กับความรักครั้งนี้ วุ้นก็เลยคิดในเรื่องยาวๆ ไว้ก่อน ซึ่งวุ้นเองไม่เคยคิดอย่างนี้กับใครเลย”
เผยเป็นที่ต่างคนต่างเจอกันในช่วงเวลาที่เหมาะ เปรยความรักครั้งนี้เปลี่ยนแปลงตนเยอะทำให้ไม่อยากใช้ชีวิตแบบที่ผ่านมาและหวังให้แฟนหนุ่มเป็นคนสุดท้ายสำหรับตน
“พี่คริตเองเขาก็พูดว่าเรามาคบกันในเวลาที่เหมาะ เขาบอกว่าถ้าแต่ก่อนเจอเราก็คงไม่ได้คิดถึงขั้นนี้ เขาบอกว่าถ้าเจอก่อนหน้านี้ก็อาจจะไม่รอดเหมือนกัน พอเขาได้ผ่านอะไรมาเยอะมันก็ทำให้เขาเรียนรู้อะไรถูกต้อง อย่างตัววุ้นเองก็คิดว่าเป็นช่วงที่ลงตัวของวุ้นเหมือนกัน วุ้นเองก็คิดเรื่องนี้มาเรื่อยๆ นะ ยิ่งพอมาเจอเขาวุ้นยิ่งรู้สึกแฮปปี้ อยากให้เขาเป็นคนสุดท้าย แต่ก็คงต้องไปเป็นจุดนึงที่พอรู้สึกว่าอยู่กับเขาแล้วไม่อยากจะออกไปเที่ยว ไม่อยากใช้ชีวิตแบบเด็กๆ แล้ว วุ้นเองเปลี่ยนไปเยอะค่ะ โตขึ้น พ่อแม่เองก็แฮปปี้ ทุกอย่างมันลงตัวในเวลาที่เหมาะ”
ที่มา: manager.co.th
