เวอริซอนบอกปัด ไม่คิดปิดกั้นบริการ Google Wallet

[Nick]

เวอริซอน ไวเลส ผู้ให้บริการเครือข่ายรายใหญ่ของสหรัฐฯ ได้ออกโรงมาปฏิเสธกรณีที่เป็นข่าวว่า จะมีการปิดกั้นบริการชำระเงินบนมือถือ 'Google Wallet' บนโทรฯมือถือ Galaxy Nexus ที่กำลังจะออกวางจำหน่ายในเร็ววันนี้

โดยตัวแทนจากเวอริซอนได้ออกมากล่าวในแถลงการณ์เมื่อวานนี้ว่า "ตามรายงานล่าสุดที่มีข่าวออกมาว่า เวอริซอน จะมีการปิดกั้นบริการ Google Wallet บนอุปกรณ์ของเรานั้น ไม่เป็นความจริงแต่อย่างใด ทางเวอริซอนเราไม่เคยคิดที่จะปิดกั้นการใช้งานดังกล่าวเลย" โดยบริการ Google Wallet ค่อนข้างแตกต่างจากโปรแกรมอื่นๆ ซึ่งต้องการการรวมเข้าไปยังส่วนที่มีความปลอดภัยของโทรศัพท์ที่มีกรรมสิทธิ์โดยเวอริซอน ตัวแทนจากเครือข่ายกล่าว ในขณะที่ เวอริซอนและกูเกิล ยังคงอยู่ในส่วนของการเจรจาปัญหา โดยปัญหานี้เป็นกรณีที่หาได้ยากเมื่อเวอริซอนและกูเกิลยังไม่ได้รับการจัดตำแหน่งที่เหมาะสม ซึ่งการตอบสนองจากเวอริซอนออกมาท่ามกลางรายงานของสมาร์ทโฟนที่กำลังจะเกิดขึ้น Galaxy Nexus ที่จะแสดงให้เห็นถึงระบบปฏิบัติการล่าสุดของแอนดรอยด์ Ice Cream Sandwich ซึ่งจะออกมาโดยปราศจาก Google Wallet โดยบริการดังกล่าวถูกเปิดตัวเป็นครั้งแรกบนโทรฯมือถือ Nexus S และมีความคาดหวังค่อนข้างมากที่จะได้เห็นความสามารถนี้บน Galaxy Nexus ตั้งแต่บริการดังกล่าวได้รับการให้ลำดับความสำคัญอยู่ในส่วนหลักๆสำหรับกูเกิล แต่ทั้งนี้ กูเกิลได้บอกกล่าวกับทาง CNET ไว้ว่า เวอริซอนได้มีการร้องขอที่จะปลดบริการ Google Wallet ออกจากโทรศัพท์ ซึ่งได้รับการยืนยันโดย Computerworld โดยหลายๆคนคิด การที่เวอริซอนปิดกั้นบริการนี้ อาจเป็นเพราะการแข่งขันกับบริการที่ตนเองเป็นเจ้าของ ซึ่งกำลังอยู่ในช่วงของการพัฒนา ที่เป็นส่วนหนึ่งของการร่วมทุนกันระหว่าง AT&T และ T-Mobile สหรัฐฯ หรือที่มีชื่อว่า Isis อย่างไรก็ตาม หากมองในแง่ของปัญหาทางฮาร์ดแวร์ โทรฯมือถือของเวอริซอนจะมีสิ่งที่เป็นที่รู้จักกันว่าเป็นองค์ประกอบที่มีความปลอดภัย ที่ที่ข้อมูลทางการเงินที่สำคัญจะถูกเก็บไว้ โดย Google Wallet จะต้องการการรวมเข้าไปยังส่วนนั้น เพื่อให้โทรฯสามารถใช้งานเป็นกระเป๋าสตางค์แบบดิจิตอลได้ (หรือการที่ลูกค้าสามารถนำเอาโทรฯของตนแตะที่ด้านหน้าของเครื่องอ่านเพื่อชำระเงินค่าสินค้าหรือบริการต่างๆนั่นเอง) โดย Google Wallet ไม่ได้ทำงานเหมือนกับบริการ m-commerce อื่นๆ เวอริซอนได้กล่าวทิ้งท้าย

Source : CNET

ที่มา: pantip.com