“โตโน่” ดีใจมีชื่อติดโผเข้าชิงรางวัลนักแสดงสมทบชาย "เอเชี่ยนเทเลวิชั่น อวอร์ด 2011" ที่สิงคโปร์ ทั้งที่เพิ่งเล่นละครเป็นเรื่องแรก บอกไม่คาดหวังว่าจะได้เพราะแค่นี้ก็ภูมิใจในอาชีพแล้ว ที่สำคัญจะไม่เอามากดดันตัวเอง เพราะคิดเสมอว่าตนไม่มีอะไรจะเสีย จะได้ไม่ลืมว่าตัวเองมาจากไหน
เพิ่งชิมลางงานแสดงไม่กี่เรื่อง แต่ฝีมือก็เข้าตาคณะกรรมการอย่างจัง สำหรับหนุ่ม “โตโน่ ภาคิน คำวิลัยศักดิ์” หรือ “โตโน่ เดอะสตาร์” หลังมีรายชื่อเข้าชิงนักแสดงสมทบชายยอดเยี่ยมของเอเชีย ในงานประกาศผลรางวัล "เอเชี่ยนเทเลวิชั่น อวอร์ด 2011" ที่ประเทศสิงคโปร์ จากละครเรื่อง "ข้ามเวลาหารัก" ซึ่งเป็นละครเรื่องแรกของเจ้าตัว โดยงานดังกล่าวจะจัดขึ้นในวันที่ 8 ธันวาคม นี้ งานนี้ก็เลยทำให้หนุ่มโตโน่ภูมิใจอยู่ไม่น้อย แต่ก็ไม่ได้คาดหวังว่าจะต้องได้รางวัล และคงไม่เอามากดดันตัวเอง เพราะคิดเสมอว่าตนไม่มีอะไรจะเสีย จะได้ไม่ลืมว่าตัวเองมาจากไหน
“ผมมีรายชื่อเข้าชิงรางวัลนักแสดงสมทบชายยอดเยี่ยมของเอเชีย ในละครเรื่องข้ามเวลาหารัก ก็รู้สึกดีใจมากที่เราได้เป็นส่วนหนึ่งในการสร้างชื่อเสียงให้กับบ้านเรา ซึ่งผมเองก็ยังใหม่มาก แต่ว่าได้รับโอกาสที่ดี และได้มีโอกาสรับเลือกก็ดีใจครับ ซึ่งรางวัลแรกผมเคยได้รางวัลดาวรุ่งชายยอดเยี่ยมที่งานประกาศผลรางวัลหนึ่งแล้ว แต่มันเป็นละครเรื่องแรกและก็ครั้งแรกที่ได้เข้าชิงรางวัลระดับเอเชีย ผมก็ตื่นเต้นด้วยเพราะว่ารายชื่อที่ได้เข้าชิงก็มีอาหนิง นิรุตติ์ ผู้หญิงก็มีอาดวงดาว จารุจินดา ซึ่งผมรู้สึกว่าภูมิใจในอาชีพของผมที่ได้มีส่วนร่วมในครั้งนี้”
“ผมก็ไม่ได้ลุ้นอะไรเท่าไหร่ ตอนแรกยังไม่รู้ว่าจะมีรายชื่อเข้าชิง แต่จะได้ไม่ได้ผมไม่ได้สนใจเลย ผมภูมิใจแล้วที่ผมตั้งใจทำงานแล้วมีคนมองเห็น ซึ่งผมจะไปวันที่ 8 ธันวาคม นี้ ไปเช้าเย็นกลับ ก็จะมีพี่บอยและผู้กำกับละครเรื่องนี้ไปด้วยและมันก็เป็นกำลังใจให้ผมต่อไปเรื่อยๆ เรารู้ว่าเรายังไม่เก่งไม่ดีที่สุด เพื่อคนดูจะได้มีความสุข ผมไม่คิดเลยว่าจะได้อะไรหรือไม่ได้อะไร รู้แค่ว่าผมมีความสุขในสิ่งที่ผมทำอะไรจะเกิดก็ต้องเกิด ผมโตมาก็ไม่มีอะไรจะเสียอยู่แล้ว”
“การได้รับคัดเลือกรางวัลนี้มันก็กระตุ้นให้ผมพัฒนาฝีมือ คือก่อนหน้านี้ผมโดนว่าจากเจ้านายผม ว่าห้ามขี้เกียจ ต้องเรียนเพิ่มทำนั่นทำนี่ ไม่ว่าจะร้องเพลงเล่นกีต้าร์ การแสดงด้วย เราก็พยายามพัฒนามันก็เหนื่อยแหละ แต่สิ่งที่ได้มามันก็คุ้มครับกับชีวิตผม ถามว่าจะกดดันไหม คือผมไม่มีอะไรจะเสีย ผมถือข้อนี้ไว้ ผมจะได้ไม่ลืมว่าผมมาจากไหน”
ที่มา: manager.co.th