รมว.ไอซีที ประกาศเตรียมสางปมสัมปทานมือถือ พร้อมเรียกบอร์ดหน่วยงานใต้สังกัดทีโอที กับ กสท ประชุม 24 พ.ย.นี้เพื่อมอบนโยบาย คาดที่ประชุมจะหยิบยกประเด็นหลังทีโอที และกสท หมดรายได้จากสัญญาสัมปทานในปี 2557 ซึ่งจะเข้าสู่ภาวะขาดทุนทันทีปีละ 55,000 ล้านบาทรวม 2 องค์กร
น.อ.อนุดิษฐ์ นาครทรรพ รมว.เทคโนโลยีสารสนเทศและการสื่อสาร (ไอซีที) เปิดเผยว่า แม้ช่วงที่ผ่านมากระทรวงไอซีทีจะต้องมีหน้าที่ใหม่ในการช่วยเหลือศปภ. แต่กระทรวงก็ยังต้องการเห็นความคืบหน้าอย่างเป็นรูปธรรมเกี่ยวกับปัญหาสัมปทานมือถือที่สะสมมานาน
ล่าสุดจึงได้มีเรียกประชุมคณะกรรมการ (บอร์ด) บริษัท ทีโอที จำกัด (มหาชน) และบริษัท กสท โทรคมนาคม จำกัด (มหาชน) ในวันที่ 24 พ.ย.นี้เพื่อรับมอบนโยบายการดำเนินการงานของทีโอที และกสท รวมถึงจะนำข้อเสนอแนะของคณะกรรมการตรวจสอบสัญญาสัมปทานโทรศัพท์มือถือ ชุดที่มีพ.อ.ต.สุชาติ วงศ์อนันตชัย อธิบดีกรมราชทัณฑ์ เป็นประธาน ซึ่งได้สรุปแนวความเห็นเสร็จสิ้นแล้ว โดยจะนำแนวความเห็นดังกล่าว เสนอให้ทั้ง 2 บอร์ดนำไปพิจารณาแล้วหาแนวทางแก้ไขปัญหาต่อไป
“การเรียกประชุมของทั้ง 2 บอร์ดคือทีโอที และ กสท ในครั้งนี้ กระทรวงต้องการจะเห็นความคืบหน้า และผลอย่างเป็นรูปธรรมเกี่ยวกับปัญหาสัญญาสัมปทานโทรศัพท์มือถือที่สะสมมานาน รวมไปถึงการมอบแนวนโยบายการดำเนินงานของทั้งสององค์กร”
และเชื่อว่าในการประชุมครั้งนี้ น.อ.อนุดิษฐ์ จะหยิบยกประเด็นที่กระทรวงการคลัง ในฐานะผู้ถือหุ้น 100% ที่เคยได้ให้ข้อเสนอแนะว่าในปี 2557 หากทีโอที และ กสท จะไม่มีรายได้มาชดเชยรายได้จากสัญญาสัมปทาน ส่งผลให้ทีโอที และกสท ขาดทุนทันที เนื่องจาก พ.ร.บ.องค์กรจัดสรรคลื่นความถี่และกำกับการประกอบกิจการกระจายเสียง กิจการโทรทัศน์ และกิจการโทรคมนาคม พ.ศ.2553 (พ.ร.บ.กสทช.) มาตรา 84 กำหนดให้ภายใน 3 ปี นับตั้งแต่พ.ร.บ.กสทช. มีผลบังคับใช้ ทางทีโอที และกสท จะต้องนำรายได้จากสัญญาสัมปทานทั้งหมดจัดส่งให้เป็นรายได้ของแผ่นดิน
อย่างไรก็ดี ก่อนหน้านี้กระทรวงการคลังเคยทำหนังสือแจ้งเตือนให้บอร์ดทีโอที และ กสท ทุกชุดที่ผ่านมา รวมถึงได้แจ้งให้รมว.ไอซีทีที่กำกับดูแลมาโดยตลอด แต่ไม่ได้ให้ความสำคัญกับเรื่องดังกล่าว และยังมีความเชื่อมั่นว่าทีโอที และ กสท ยังคงมีกำไรมาตลอด ซึ่งในความเป็นจริง หากทีโอที และกสทไม่นำรายได้สัมปทานมารวมกับรายได้จาการให้บริการแล้ว ทั้ง 2 องค์กรจะประสบปัญหาขาดทุนมานานหลายปีแล้ว เนื่องจากกำไรที่มีอยู่นั้นเป็นกำไรมาจากสัมปทานทั้งหมด
ดังนั้นหากทีโอที และกสทยังนิ่งเฉย หรือไม่เตรียมพร้อมปรับตนเองเพื่อรับมือกับวิกฤตการดังกล่าวที่กำลังจะมาถึงนั้น โดยเฉพาะการสร้างรายได้จากธุรกิจอื่น ๆ ก็จะประสบปัญหาขาดทุน
ทั้งนี้ ในแต่ละปีทีโอที มีรายได้จากสัญญาสัปมทานประมาณปีละ 20,000 ล้านบาท ขณะที่ กสท มีรายได้จากสัญญาสัมปทานปีละ 35,000 ล้านบาท ซึ่งหากนำรายได้ดังกล่าวไปรวมกับรายได้ในส่วนอื่นของทั้ง 2 องค์กรก็จะทำให้บริษัทมีกำไรในทันที แต่หากตัดรายได้สัมปทานออกก็จะทำให้ขาดทุนในทันทีเช่นเดียวกัน
Company RelateLink :
ICT
ที่มา: manager.co.th