กสทช.เผยไม่สนเอกชนขู่ฟ้องกลับกรณี 1 ปณ.พร้อมอ้างต้องต่อสัญญาจ้างให้บริหารสถานีได้ จนกว่าจะมีผู้ประกอบการรายใหม่ แนะเอกชนกลับรู้อยู่แกใจใครผิดใครถูกสัญญาเป็นอย่างไร เตรียมเดินหน้าบริหารคลื่นวิทยุทั้ง 9 สถานีหลังเรียกคืน
แหล่งข่าวจากคณะกรรมการกิจการกระจายเสียง กิจการโทรทัศน์ และกิจการโทรคมนาคมแห่งชาติ หรือ กสทช. เปิดเผยถึงกรณีการสั่งระงับไม่ต่อสัญญาสถานีวิทยุ 1 ปณ.ใน 6 พื้นที่ รวมจำนวน 9 สถานี ได้แก่ กรุงเทพฯ เอฟเอ็ม 106.5 เมกะเฮิรตซ์ (กรีนเวฟ) และ เอฟเอ็ม 98.5 เมกะเฮิรตซ์ (กู๊ด เอฟเอ็ม) หลักสี่ เอเอ็ม 1035 กิโลเฮิรตซ์ และ เอเอ็ม 1089 กิโลเฮิรตซ์ อุบลราชธานี เอฟเอ็ม 102 เมกะเฮิรตซ์ อุดรธานี เอฟเอ็ม 99 เมกะเฮิรตซ์ และ เอเอ็ม 1089 กิโลเฮิรตซ์ภูเก็ต เอฟเอ็ม 89 เมกะเฮิรตซ์ และลำปาง เอเอ็ม 765 กิโลเฮิรตซ์ รวมจ่ายค่าเช่าราว 6 ล้านบาทต่อเดือน ทั้งหมด ซึ่งเป็นสัญญาจ้างให้บริหารสถานีจะสุดลงในวันที่ 31 ธันวาคม 2554 นี้ โดยให้เป็นไปตามมติดังกล่าวตั้งแต่วันที่ 1 มกราคม 2555
อย่างไรก็ตามสัญญาดังกล่าวไม่ใช่สัญญาสัมปทานที่หลายฝ่ายเข้าใจ ก่อนหน้าที่จะเกิดกสทช. มติดังกล่าวคณะกรรมการกิจการโทรคมนาคมแห่งชาติ หรือ กทช. ได้ทำสัญญาร่วมกับผู้ให้บริการเอกชน ระบุในสัญญาและกำหนดว่าสัญญาดังกล่าวสามารถบอกเลิกจ้างได้และต้องแจ้งให้ทราบล่วงหน้าภายใน 30 วัน ซึ่ง ผู้ให้บริการเอกชน ยอมรับสัญญาและจะปฏิบัติตามที่ระบุในสัญญาดังกล่าว
"การที่ออกมาโต้แย้งว่า กสทช. ไม่มีสิทธิเรียกเก็บคืนคลื่นและทำทีท่าจะไม่ปฏิบัติตามสัญญา รวมถึงสร้างกระแสมวลชนมาต่อต้านกสทช. ความเป็นจริงแล้ว แกรมมี่ และผู้ประกอบการรายอื่นๆ รู้อยู่แก่ใจว่าสัญญาเป็นอย่างไร และเป็นการทำสัญญาว่าจ้างให้บริหารสถานีไม่ใช่สัญญาสัมปทาน แต่ แกรมมี่กลับหยิบยกประเด็นเดิมตามติ กทช. ว่าให้สามารถต่อสัญญาได้ไปจนกว่าจะหาผู้ประกอบการรายใหม่ได้ ขณะเดียวกัน กสทช.ก็จะต้องดำเนินการทำแผนแม่บทคลื่นความถี่ให้แล้วเสร็จ และเปิดประมูล จึงจะสามารถหาผู้ประกอบการรายใหม่ได้"
ทั้งนี้ในเมื่อ มีมติ กสทช.แล้ว ผู้ประกอบการทุกรายควรที่จะปฏิบัติให้ถูกต้องตามกฎหมาย ควรที่จะยกเลิกสัญญาดังกล่าว เนื่องจากจะได้นำคลื่น 1ปณ.ไปทำประโยชน์สาธารณะ แก่ประชาชนมากที่สุด ส่วนกรณีที่ นายไพบูลย์ จะยื่นฟ้องต่อศาลปกครองนั้น ก็เป็นสิทธิ หากมองว่ามติดังกล่าวไม่เป็นธรรม โดยขณะนี้ อยู่ระหว่างคณะกรรมการกิจการกระจายเสียง และโทรทัศน์ (กสท) หารือเพิ่มเติมว่าจะบริหารจัดการคลื่นวิทยุที่เรียกคืนนี้อย่างไรต่อไป
ก่อนหน้านี้นายไพบูลย์ ดำรงชัยธรรม ประธานกรรมการบริษัท จีเอ็มเอ็ม แกรมมี่ จำกัด (มหาชน) เปิดเผยถึงกรณีที่ คณะกรรมการกิจการกระจายเสียง กิจการโทรทัศน์ และกิจการโทรคมนาคมแห่งชาติ หรือ กสทช. มีมติให้ระงับไม่ต่อสัญญาสถานีวิทยุ 1 ปณ.ใน 6 พื้นที่ รวมจำนวน 9 สถานี โดยหนึ่งในนั้นมีคลื่น กรุงเทพฯ เอฟเอ็ม 106.5 เมกะเฮิรตซ์ (กรีนเวฟ) เอฟเอ็ม 98.5 เมกะเฮิรตซ์ (กู๊ด เอฟเอ็ม) โดยทั้งหมดสัญญาสัมปทานจะสิ้นสุดลงในวันที่ 31 ธันวาคม 2554 นี้ ซึ่งให้เป็นไปตามมติดังกล่าวตั้งแต่วันที่ 1 มกราคม 2555นั้น
โดยตนได้เดินทางเข้าพบ พ.อ.นที ศกุลรัตน์ รองประธานกสทช.และได้พูดคุยกันเป็นที่เรียบร้อยแล้ว ซึ่งการที่ที่น.ส.สุภิญญา กลางณรงค์ ออกมาแถลงข่าวเมื่อวันที่ 9 พ.ย.54 ที่ผ่านมานั้น เป็นการเข้าใจผิดกันในบอร์ดกสทช. เนื่องจากการทำสัญญาสัมปทานผู้รับสัมปทานทุกรายจะต้องสิ้นสุดอายุสัมปทานพร้อมกันทั้งหมด
“ผมได้เข้าไปพูดคุยกับ พ.อ.นที แล้ว ซึ่งการที่จะมาบอกยึดคลื่นคืน ควรที่จะกำหนดกรอบและจัดทำแผนแม่บทคลื่นความถี่ให้เรียบร้อยก่อนที่จะดำเนินการใดๆ แต่ขณะนี้ยังไม่มีรูปแบบที่ชัดเจน ซึ่งท้ายที่สุดหากต้องโดนยึดจริงๆ เราคงจะต้องเข้าสู่กระบวนการยื่นฟ้องต่อศาลปกครอง”
Company Relate Link :
กสทช.
ที่มา: manager.co.th