Author Topic: “จิรายุทธ” เปิดใจออก ไม่เกี่ยวการเมือง  (Read 846 times)

0 Members and 1 Guest are viewing this topic.

Offline Nick

  • Administrator
  • Platinum Member
  • *
  • Posts: 46027
  • Karma: +1000/-0
  • Gender: Male
  • NickCS
    • http://www.facebook.com/nickcomputerservices
    • http://www.twitter.com/nickcomputer
    • Computer Chiangmai


      จิรายุทธ เผยที่ประชุมบอร์ดวันนี้อนุมัติใบลาออกของตนแล้ว มีผล 15 ธ.ค.นี้ พร้อมเผยวาระที่ประชุมมีเรื่องเงินปันผล กับวาระแต่งตั้งคณะชุดย่อยเท่านั้น ชี้เรื่องกังวลที่สุดก่อนออกคืออีก 2 ปีหลังหมดรายได้จากสัมปทานลง
       
       นายจิรายุทธ รุ่งศรีทอง กรรมการผู้จัดการใหญ่ บริษัท กสท โทรคมนาคม กล่าวภายหลังกประชุมคณะกรรมการ(บอร์ด) ครั้งที่ 2/2554 วันนี้ (21 พ.ย.) ว่าที่ประชุมมีวาระ 8 เรื่องโดยแบ่งเป็น วาระการแต่งตั้งคณะกรรมการชุดย่อยซึ่งมีมากกว่า 10 คณะโดยคาดว่าจะแต่งตั้งแล้วเสร็จทั้งหมดในการประชุมบอร์ดครั้งหน้า และนายดุษฎี สินเจิมสิริ ประธานบอร์ดได้มีการหารืออนุมัติวาระเรื่องการจ่ายเงินปันผลให้กับกระทรวงการคลังในฐานะผู้ถือหุ้นใหญ่ใน กสท โดยแบ่งเป็นการจ่ายปันผลรอบปกติ 6 เดือนแรกของปี (ม.ค. - มิ.ย.54) จำนวน 828 ล้านบาท และอนุมัติจ่ายเงินปันผลพิเศษรายไตรมาส ซึ่งในไตรมาสที่ 3 กสท จ่ายไปจำนวนเงิน 1,400 ล้านบาท และวาระที่เหลือจะเป็นในเรื่องเกณฑ์ชี้วัดของทริส และสคร.ตามปกติ
       
       นอกจากนี้ที่ประชุมบอร์ดยังมีวาระลับ ภายหลังจากเมื่อวันที่ 14 พ.ย.54 ที่ผ่านมาที่ นายจิรายุทธได้ยื่นใบลาออกจากตำแหน่ง กรรมการผู้จัดการใหญ่ บมจ.กสท.โทรคมนาคม โดยล่าสุดวันนี้บอร์ดอนุมัติใบลาออกดังกล่าวแล้ว ซึ่งตามระเบียบสัญญาจ้าง การลาออกจากตำแหน่งจะต้องทำหนังสือแจ้งล่วงหน้าก่อน 30 วัน ดังนั้น การลาออกจะมีผลในวันที่ 15 ธ.ค. 54 นี้
       
       “สาเหตุที่ผมลาออก ไม่ได้เกี่ยวกับการบีบให้ออกของบอร์ดชุดใหม่แต่อย่างใด และไม่ใช่เป็นเพราะใบสั่งการเมืองด้วย แต่เนื่องจากต้องการเปิดโอกาสให้บอร์ดชุดใหม่พิจารณาหาคนใหม่ที่มีความเหมาะสมในตำแหน่งซีอีโอมากกว่า ซึ่งเป็นเวลาที่พอเหมาะพอดีด้วย”
       
       สำหรับการทำงานในอนาคตนั้น ขณะนี้ยังไม่ได้ตัดสินใจว่าจะเป็นอย่างไร แต่คงไม่กลับมาทำงานหรือรับตำแหน่งในอุตสาหกรรมที่เกี่ยวข้องกับโทรคมนาคมอย่างแน่นอน เพราะตามมารยาทแล้วเมื่อออกจากองค์กรใด ก็ไม่ควรไปทำงานในบริษัทอื่นที่เป็นคู่แข่ง ซึ่งมีความเป็นไปได้ที่จะกลับไปดำเนินงานในธุรกิจการเงิน หรือ ไฟแนนซ์ และคงไม่กลับไปทำงานในองค์กรหรือหน่วยงานที่เป็นรัฐวิสาหกิจแล้ว เพราะทำงานหรือบริหารงานยาก มีระเบียบขั้นตอน ราชการมาก ทำให้การกำกับดูแลไม่คล่องตัว
       
       ทั้งนี้นายจิรายุทธ ได้เข้ามาดำรงตำแหน่งกรรมการผู้จัดการใหญ่ เป็นเวลา 2 ปี 2 เดือนหรือเมื่อวันที่ 16 ก.ย. 2552 ในสมัยรัฐบาลนายอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ เป็นนายกรัฐมนตรี และมีร.ต.หญิงระนองรักษ์ สุวรรณฉวี เป็นรมว.เทคโนโลยีสารสนเทศและการสื่อสาร (ไอซีที)
       
       ขณะที่เรื่องที่เป็นกังวล และเป็นห่วงมากที่สุดภายหลังออกไปแล้วคือ อีก 2 ปีข้างหน้าหรือในปี 2556 บริษัทจะต้องส่งรายได้ทั้งหมดคืนให้รัฐ และยังหมดสัญญาสัปทานลง ซึ่งถือเป็นความเสี่ยงของบริษัท ภายหลังจากหมดรายได้จากสัมปทานจะทำให้รายได้กสท.ติดลบปีละประมาณ 1,000-2,000 ล้านบาท เนื่องจากปัจจุบัน กสท มีรายได้ในส่วนดังกล่าวต่อปีถึง 65% ของรายได้รวม หรือประมาณ 30,000 ล้านบาท
       
       “ผมต้องการผลักดันให้พนักงานเตรียมตัวรับมือกับการเปลี่ยแปลงที่กำลังจะเกิดขึ้น แต่ก็ยังเชื่อว่าธุรกิจที่จะเข้ามาช่วยทดแทนรายได้ดังกล่าวที่กำลังจะหมดลงจากธุรกิจ 3G HSPA และ โครงการอินเทอร์เน็ตผ่านสายไฟเบอร์ (FTTx) เป็นต้นจะช่วยให้บริษัทผ่านพ้นวิกฤครั้งนี้ไปได้อย่างแน่นอน”
       
       สำหรับกระบวนการสรรหาซีอีโอคนใหม่ภายหลังวันที่ 15 ธ.ค. นี้ โดยคาดว่ากระบวนการจะแล้วเสร็จประมาณ 1-2 เดือนซึ่งในตอนนี้ก็เริ่มดำเนินการไปบ้างแล้ว ซึ่งระหว่างนั้นจะมีนาย วิโรจน์ เป็นรักษาการแทนตำแหน่งที่ว่างอยู่ไปก่อน
       
       นอกจากนี้ในส่วนของสัญญาการโครงการโทรศัพท์มือถือรูปแบบใหม่ (HSPA) ที่กสททำร่วมกับ บริษัท ทรู คอร์ปอเรชั่น นั้น ในส่วนตัวยืนยันว่า เป็นการทำทุกอย่าง เพื่อให้ กสท อยู่รอดในธุรกิจใหม่ที่มีความยั่งยืน และสร้างรายได้ทดแทน รายได้จากสัญญาสัมปทานที่จะต้องส่งคืนรัฐตาม พ.ร.บ.องค์กรจัดสรรคลื่นความถี่กำกับกิจการวิทยุกระจายเสียง วิทยุโทรทัศน์ และกิจการโทรคมนาคม พ.ศ.2553 (พ.ร.บ. กสทช.)
       
       โดยหากเป็นไปตามแผนงานเดิมที่ ได้วางเอาไว้ เชื่อว่าในปี 2555 กสท จะมีโครงข่ายสถานีฐาน 3G HSPA และขายส่งความจุโครงข่าย (คาปาซิตี้) ให้แก่กลุ่มทรูจำนวน 15,000-18,000 แห่ง มีลูกค้าใช้บริการ 10 ล้านราย ซึ่งจะรวมลูกค้าทั้งจากการทำตลาดของ กสท เองในแบรนด์ "มาย" และการทำตลาด 3G ทรูมูฟ เอช ทำให้ผลดำเนินงานของ กสท มีกำไรไม่ต่ำกว่า 8,000 ล้านบาทใกล้เคียงกับปีนี้ และเป็นรายได้ให้อีกในระยะยาวตามสัญญา 14 ปี
       
       สุดท้าย ในที่ประชุมยังมีการนำเสนอการช่วยเหลือพนักงานที่ประสบอุทกภัยในครั้งนี้เป็นจำนวนเงิน 25,000-50,000 บาทต่อรายภายหลังน้ำลด
       
       Company Relate Link :
       CAT

ที่มา: manager.co.th


 
Share this topic...
In a forum
(BBCode)
In a site/blog
(HTML)