วรวุฒิ โกศลกิจวงศ์
ฟูจิตสึเชื่อกำลังซื้อกลับมาหลังสถานการณ์น้ำท่วมทำกำลังซื้อหด 20% พร้อมเปิดแผนทำตลาดครึ่งปีหลัง โฟกัสตลาดองค์กรเน้นการขายแบบโปรเจ็ก ปูพรมเพิ่มยอดขายตลาดต่างจังหวัดมากขึ้น แทนคอนซูเมอร์โน้ตบุ๊กที่จะเกิดสงครามราคารุนแรง มั่นใจโต 30-40% รักษาส่วนแบ่งตลาด 2%
นายวรวุฒิ โกศลกิจวงศ์ ผู้จัดการประจำประเทศไทย บริษัท ฟูจิตสึ พีซี เอเชีย แปซิฟิก จำกัด กล่าวว่า ช่วงครึ่งปีแรก ผลการดำเนินธุรกิจที่เริ่มตั้งแต่เดือนเมษายน 2554 ที่ผ่านมาของฟูจิตสึ โน้ตบุ๊กในตลาดเมืองไทยนั้นมีการเติบโตขึ้นถึง 40% เมื่อเปรียบเทียบกับผลการดำเนินธุรกิจช่วงเดียวกันของปีที่ผ่านมา โดยทางฟูจิตสึมีส่วนแบ่งทางการตลาดประมาณ 1-2%
สำหรับแผนการรุกตลาดในช่วงครึ่งปีหลัง ทางฟูจิตสึจะเน้นไปเจาะตลาดองค์กรในลักษณะของโปรเจ็กมากขึ้น รวมทั้งเน้นการขายผลิตภัณฑ์ไปยังตลาดต่างจังหวัดเพิ่มมากขึ้นด้วย
นายวรวุฒิ ยังกล่าวถึงกลยุทธ์และกิจกรรมทางการตลาดที่จะใช้เจาะตลาดในช่วงครึ่งปีหลังว่า ในส่วนของรีเทล จะเน้นทำยอดขายโน้ตบุ๊กรุ่นหน้าจอ 14 นิ้วเป็นหลัก และจะมีการขยายช่องทางใหม่ๆ มากขึ้น ส่วนตลาดองค์กรจะยังคงเน้นการนำทำตลาดสำหรับโน้ตบุ๊กคอมพิวเตอร์ที่เป็นโมเดล Made in Japan ทั้งหมด รวมไปถึงการทำตลาดแท็บเล็ต ซึ่งเป็นตลาดที่มีอัตราการเติบโตสูง พร้อมทั้งวางแผนการจัดกิจกรรมทางการตลาดเพิ่มขึ้น และเน้นในส่วนของโรดโชว์ตามตึกไอที โดยเฉพาะในตลาดต่างจังหวัด
ในด้านของผลิตภัณฑ์ใหม่ที่จะเข้ามาทำตลาดในประเทศไทยในช่วงครึ่งปีหลัง จะมีผลิตภัณฑ์วางจำหน่ายหลากหลายรุ่น โดยเร็วๆ นี้ จะมีฟูจิตสึ ไลฟ์บุ๊ก SH771 โน้ตบุ๊กขนาดหน้าจอ 13.3 นิ้ว ที่ได้รับการออกแบบใหม่ทั้งหมด เป็นโน้ตบุ๊กที่บางเบากว่าเดิมด้วยน้ำหนักเพียง 1.22 กิโลกรัม แบตเตอรี่ที่สามารถใช้ได้นานถึง 18 ชั่วโมง ที่สำคัญฟูจิตสึยังคงยึดมั่นในเรื่องของรักษาสิ่งแวดล้อม เพราะวัตถุดิบที่นำมาทำแบตเตอร์รี่เป็นรีไซเคิล รวมทั้งระบบรักษาความปลอดภัยที่ยังคงประสิทธิภาพอย่างสูงสุด ซึ่งเป็นรุ่นไฮไลต์ที่จะนำเข้ามาทำตลาดในเมืองไทย
“เราตั้งเป้าหมายในช่วงครึ่งปีหลังจะต้องรักษาอัตราการเติบโตจากปีที่ผ่านมาประมาณ 30-40% และมีส่วนแบ่งทางการตลาดที่ 2%”
แนวโน้มการแข่งขันครึ่งปีหลัง ในตลาดคอนซูเมอร์โน้ตบุ๊กที่มีหน้าจอขนาด 14 นิ้ว จะมีการแข่งขันกันอย่างรุนแรง โดยเฉพาะอย่างยิ่งเรื่องของราคาที่จะลดลงต่ำมาก ทางฟูจิตสึจึงมีการเพิ่มน้ำหนักให้กับตลาดองค์กรมากขึ้นในช่วงครึ่งปีหลังนี้
ส่วนผลกระทบที่เกิดจากภาวะน้ำท่วมใหญ่นั้น นายวรวุฒิ กล่าวว่าอาจจะมีผลกระทบกับยอดขายโดยรวมของฟูจิตสึบ้าง เนื่องจากตลาดหลักอยู่ในพื้นที่กรุงเทพฯ ทำให้กำลังซื้อของลูกค้าลดลงประมาณ 20% อย่างไรก็ตามเชื่อว่ากำลังซื้อจะกลับมาดีขึ้นในไตรมาสถัดไปอย่างแน่นอน นอกจากนี้ผลกระทบจากน้ำท่วมที่เกิดขึ้นกับอุตสาหกรรมฮาร์ดดิสก์ไดร์ฟ จะมีผลให้ค่ายคอมพิวเตอร์มีการปรับขึ้นราคาผลิตภัณฑ์ในอนาคตอันใกล้นี้ แม้ว่าปัจจุบันยังคงราคาจำหน่ายเดิมอยู่ก็ตาม แต่เนื่องจากฮาร์ดดิสก์ไดร์ฟขาดตลาด ทำให้การผลิตโน้ตบุ๊กได้ไม่เพียงพอกับความต้องการตลาด
จากเหตุการณ์น้ำท่วมใหญ่ในประเทศครั้งนี้ ทางฟูจิตสึได้มีการช่วยเหลือกลุ่มลูกค้าที่ได้รับผลกระทบจากน้ำท่วม โดยสามารถนำเครื่องโน้ตบุ๊กเข้ามารับบริการได้ที่ศูนย์บริการฟูจิตสึ อาคารคิวเฮ้าส์ เพลินจิต ซึ่งจะไม่คิดค่าบริการซ่อมสำหรับลูกค้าที่ได้รับผลกระทบจากน้ำท่วม
นอกจากนี้ นายวรววุฒิ กล่าวว่า ทางฟูจิตสึยังได้เปิดตัวแคมเปญใหม่ล่าสุด “แคมเปญ 123” ซึ่งสามารถแสดงให้เห็นถึงความเป็นผู้นำตลาดโน้ตบุ๊กของโลกในโอกาสที่ฟูจิตสึได้ครองอันดับ 1 ในญี่ปุ่น โดยฟูจิตสึได้รับรางวัลให้เป็นผู้จัดจำหน่ายเครื่องคอมพิวเตอร์ส่วนบุคคลอันดับ 1 ในประเทศญี่ปุ่น จากสถาบัน International Data Corporation หรือไอดีซี และฟูจิตสึยังมีประวัติศาสตร์ด้านการผลิตแท็บเล็ต ตั้งแต่สมัยแรกที่คอมพิวเตอร์แบบพกพาเพิ่งเป็นที่นิยม โดยในปี 1991 ฟูจิตสึได้ออกผลิตภัณฑ์พ็อกเก็ตพีซีเป็นเครื่องแรก และในปี 2011 นี้ฟูจิตสึได้เปิดตัว พีซีพกพาหน้าจอสัมผัส STYLISTIC Q550 เครื่องคอมพิวเตอร์แบบ slate ยิ่งไปกว่านั้นในปี 2011 ถือเป็นปีครบรอบที่ฟูจิตสึได้ผลิตและพัฒนาเครื่องคอมพิวเตอร์ส่วนบุคคลมาครบ 30 ปี ตั้งแต่ปี 1981 ฟูจิตสึได้เติบโตเคียงข้างกับลูกค้าและได้ส่งมอบผลิตภัณฑ์ที่ตอบสนองทุกความต้องการ ด้วยเครื่องคอมพิวเตอร์ที่มีหลากหลายรุ่น แต่ละรุ่นมาพร้อมกับเทคโนโลยีระดับแนวหน้าและที่สำคัญเป็นมิตรกับสิ่งแวดล้อม
Company Related Link :
Fujitsu
ที่มา: manager.co.th