Author Topic: โรคร้ายแรง  (Read 1834 times)

0 Members and 1 Guest are viewing this topic.

โรคร้ายแรง
« on: August 28, 2009, 05:06:51 PM »

Offline IT

  • V.I.P.
  • Gold Member
  • *
  • Posts: 1175
  • Karma: +6/-0
  • Gender: Male
  • Assist. I.T. Manager
    • mv

โรคทรัพย์จาง  (Moneyphilia)     


โรค MONEYPHILIAโรคทรัพย์จาง มีศัพท์ทางวิชาการว่า MONEYPHILIA เป็นคำสมาส ระหว่างคำว่า MONEY และ  PHILIA มีลักษณะคล้ายกับโรค HEMOPHILIA ซึ่งโรค HEMOPHILIA ผู้ป่วยจะมีอาการเลือดไหลไม่หยุด  และโรคชนิดนี้มิได้ติดต่อทางพันธุกรรม แต่ MONEYPHILIA เป็นโรคที่เงินไหลออกจากกระเป๋าไม่หยุด  จนเกิดทรัพย์จางได้

การติดต่อ
โรคนี้มิได้ติดต่อทางพันธุกรรมเช่นกัน  แต่ติดต่อกันเฉพาะกลุ่มบุคคลที่มี รายได้น้อย ถึงปานกลาง  ซึ่งไม่สามารถจัดสรรรายได้ให้ได้ สัดส่วน กับรายจ่าย ว่ากันง่าย ๆ  ก็คือรายจ่ายมากกว่ารายได้นั่นเอง  ในทุกวันนี้โรคดังกล่าวได้เริ่มระบาด ในหมู่คนไทยที่มีรายได้น้อย  ถึงรายได้ปานกลางมาสองสามปีแล้ว  ทำให้ส่งผล กระทบต่อขวัญและกำลังใจในการดำเนินชีวิต  ตลอดจนบั่นทอนความเจริญก้าวหน้า ในหน้าที่การงาน บั่นทอนสุขภาพ  บั่นทอนชีวิตครอบครัวและสังคมโดยร่วม ดังนั้น  เราจึงควรศึกษารายละเอียดของโรคนี้ เพื่อหาวิธีหลีกเลี่ยงหรือป้องกันแต่เนิน  ๆ

ระยะฟักตัวของโรค
เชื้อจะเริ่มฟักตัวประมาณวันที่ 15 ของเดือน  แต่ก็ไม่แน่ทุกคนไป เพราะบางคนเชื้ออาจจะเริ่มฟักตัวได้ตั้งแต่วันที่  5 ของเดือนก็มี  และบางรายอาการรุนแรงจะเริ่มตั้งแต่วันที่ 1 ของเดือนทีเดียว อาการจะปรากฏเร็วหรือช้า รุนแรงหรือไม่รุนแรง  ขึ้นอยู่กับชนิดของเชื้อ และชนิดรายได้ของแต่ละบุคคล  ซึ่งแบ่งตามพฤติกรรมในการจับจ่ายใช้สอยของผู้ ป่วย  อีกทั้งขึ้นอยู่กับลักษณะของโรคแทรกซ้อนที่มือด้วย ว่าเป็นโรคมือเติบหรือไม่  หากเป็นโรคมือเติบด้วย จะยิ่งทำให้การรักษา หรือป้องกันเป็นไปได้ยาก  และระยะฟักตัวของโรคก็จะรวดเร็ว อีกทั้งอาการก็จะยิ่งรุนแรงมากขึ้น   

อาการ
ผู้ป่วยจะเริ่มมีอาการเหม่อลอย ไม่สบตาผู้อื่นโดยเฉพาะเจ้าหนี้  เหงื่อซึมออกตลอดเวลา หงุดหงิด สูญเสียความเชื่อมั่น ไร้สมาธิในการทำงาน  เบื่ออาหาร หิวแต่ทานไม่ลง เพราะอาหารน้อย คุณภาพต่ำเนื่องจากด้อยกำลังซื้อ  รสชาติไม่ถูกปาก ผู้ป่วยบางรายมีอาการรุนแรงถึงกับทำอัตวินิบาตกรรม  บางรายมีอาการผวาเมื่อ ถูกเรียกชื่อ  พวกที่มีอาการรุนแรงบางจำพวกจะทำการประชดชีวิตโดยการเดินมาทำ งาน  แทนการโดยสารรถประจำทาง หรือแท็กซี่ หรือพยายามขึ้นรถโดยสารที่มีคนแน่นมาก ๆ  เพื่อหลีกเลี่ยงการเผชิญหน้ากับกระเป๋ารถเมล์  หรือเพื่อที่จะได้หลบ หลีกระหว่างบันไดหน้ากับบันไดหลังสลับไปมาได้รวดเร็ว และ  ทันท่วงที อีกทั้งเพื่อพยายามให้ได้รับอากาศที่ปลอดโปร่ง  จะได้กินลมเพื่อลดอาการหน้า มืด

การป้องกัน
ไม่ควรนำเด็กหรือสัตว์เลี้ยงเข้าใกล้ เมื่อผู้ป่วยมีอาการหงุดหงิด  มิฉะนั้นจะได้รับอันตรายจากผู้ป่วยได้  ไม่ ควรนำของมีค่าเข้าใกล้ในระยะสายตาและมือเอื้อมถึง   

การรักษา   
ยังไม่มียาชนิดใดที่จะบำบัดโรคนี้ได้โดยตรงในปัจจุบัน  แต่สามารถรักษาได้ตามอาการที่ปรากฏ เช่น
ผู้ป่วยมีอาการปวดศีรษะ  (เป็นกันโดยมาก)  ก็ควรใช้ยาลดไข้ 1-2 เม็ด ทุก 4 ชั่วโมง ได้แก่ยาพาราเซตามอล ไม่ควรใช้กับผู้ป่วยที่เป็นโรคกระเพาะ ถ้าผู้ป่วยมีอาการหงุดหงิด  กระสับกระส่าย นอนไม่หลับ ควรใช้ยาคลายประสาท ตามที่แพทย์แนะนำ  ห้ามใช้เกินขนาด เพราะจะเกิดอันตรายต่อผู้ป่วยได้ (ห้ามใช้สตริกนินโดยเด็ดขาด) ควรให้ผู้ป่วยได้ออกกำลังกาย  พักผ่อน ในที่ลับตาคน อย่าพาผู้ป่วยออกนอกบ้าน  เพราะอาจเผชิญหน้ากับเจ้าหนี้ได้  การกระทำเช่น นี้นอกจากจะไม่ทำให้ผู้ป่วยมีอาการดีขึ้นแล้ว  กลับจะมีอาการทรุดหนักลง เรื่อย ๆ อาการดูน่าเป็นห่วงอยู่ไม่น้อย  แต่อาการของผู้ป่วยจะกระเตื้อง ตื่นเต้นได้อีกครั้งก็ถึงตอนปลายเดือนนั้น ๆ  แต่บางรายก็ไม่ดีขึ้น กลับทรุดหนักลงไปอีก เนื่องจากการอักเสบของดอกเบี้ย   ไม่ควรนำผู้ป่วยไปรักษายังโรงพยาบาลเอกชนเพราะอาจจะทำให้เกิดอาการช็อค ได้  เมื่อเห็นใบแจ้งหนี้  ทางที่ดีควรนำไปรักษายังสถานธนานุเคราะห์,สถาน ธนานุบาล โดยให้ผู้ป่วยนำของที่มีค่าติดตัวไปด้วย  ซึ่งเป็นการรักษาอย่างปัจจุบันทัน ด่วน และตรงตามอาการของโรคมากที่สุด   

 :NG2:


 
Share this topic...
In a forum
(BBCode)
In a site/blog
(HTML)