“ชมพู่” ชวน “น็อต” นำถุงยังชีพไปบริจาคที่บางบัวทอง เผยโชคดีที่โรงงานของแฟนหนุ่มที่จ.อยุธยายังไม่ท่วม แต่ก็ยังต้องเฝ้าระวังตลอด บอกกองละครได้รับผลกระทบบ้าง ทำให้ต้องแก้ไขด้วยการเปลี่ยนโลเคชั่นเอา เพราะเลื่อนกองไม่ได้ เนื่องจากละครใกล้ออนแอร์แล้ว
เป็นอีกหนึ่งคนบันเทิงที่ลงพื้นที่ช่วยผู้ประสบภัยน้ำท่วมอย่างต่อเนื่อง สำหรับนางเอกสาว “ชมพู่ อารยา เอ ฮาร์เก็ต” ล่าสุดเจ้าตัวก็ออกมาเผยว่าบ้านของพ่อกับแม่ก็อยู่ในพื้นที่เสี่ยงน้ำท่วมเหมือนกัน แต่ได้เตรียมการรับมือไว้เรียบร้อยแล้ว
“ที่พักชมแห้งค่ะ แต่ก็ไม่รู้เนอะอะไรก็คาดเดาไม่ได้ แต่ถือว่าไม่ใช่จุดที่ทางการเตือน แต่ถ้าให้ชมวิเคราะห์เองนะ ชมว่าน่าจะต้องมีเปียกบ้าง บ้านคุณแม่ชมตอนนี้น่าจะใกล้พื้นที่เสี่ยงค่ะ เพราะอยู่เขตบางเขนปลายๆ อยู่แถวๆ แฟชั่นไอส์แลนด์ค่ะ แต่ตอนนี้ยังแห้งอยู่ แต่ก็คุยกับคุณแม่เป็นสัปดาห์แล้วว่าเอายังไงย้ายมั้ย ชมก็อยากให้เขาออกมา แต่ฟังเหตุผลเขาหลายอย่างก็อยู่ก็อยู่”
“แต่เราก็ป้องกันบ้านอยู่เพราะเราก็เตรียมยาหรืออุปกรณ์ของพ่อคนดูแล สุนัข ทุกอย่างซึ่งเขาออกมาก็ไม่สามารถการันตีว่าเขาจะเดินทางไปไหนมาไหนได้สะดวก นี่คือเหตุผลของแม่นะ ซึ่งมาอยู่ใกล้ชมก็น่าจะสัญจรลำบากจากการคาดเดาเฉยๆ เพราะชมอยู่เส้นสุขุมวิท แต่เขาก็มีเสบียงอาหาร แล้วถ้าคุณพ่อออกไปตามนัดหมอปลายเดือนไม่ได้ก็มียาตุนไว้”
“อีกเหตุผลคือคุณแม่ถ้าย้ายออกมาข้างนอก คุณแม่มีพี่เลี้ยงเด็กอีก2คน ถ้าท่วมชั้น1 ที่เราวางแผนก็จะให้เด็กเฝ้าข้างบนอยู่กับน้องหมา แต่ว่าถ้าแม่ออกมากับพ่อ2คนก็ลำบาก เพราะพ่อชมตัวใหญ่ แล้วช่วยเหลือตัวเองได้ค่อนข้างน้อย เขาก็อยากมีทีมช่วย บ้านเราของก็มีครบแล้ว ถ้าออกมาก็แค่แห้งไง”
“แต่เอาเป็นว่าชมไม่ยอมให้ในบ้านเปียกแน่ๆ และถ้าเปียกชมก็ไม่ยอมให้ใครอยู่ถึงขั้นท่วมสัญจรลำบากก็ไม่ให้อยู่แล้ว เพราะพ่อก็อายุมาก ไม่สบายด้วย ถ้าเกิดมีอะไรฉุกเฉินก็ไม่อยากให้อยู่แบบนั้น จริงๆ ชมก็มีบ้านอีกที่หนึ่งที่เราซื้อเก็บไว้ มีน้ำมีไฟแต่ความพร้อมเรื่องเฟอร์นิเจอร์อาจยังไม่สะดวกเท่าไหร่"
เผยควงแฟนหนุ่ม “น็อต วิศรุต รังสีสิงห์พิพัฒน์” ลงพื้นที่บริจาคสิ่งของช่วยเหลือผู้ประสบภัยที่บางบัวทอง
"ตอนนี้โรงงานคุณน้อตยังแห้งอยู่ค่ะ แต่ก็เฝ้าระวังอย่างใกล้ชิดตลอดเวลา คุณผู้ชายที่บ้านพี่น้องก็จะสลับเวรกันนอนเฝ้า ช่วงสัปดาห์ที่ผ่านมาก็เครียดๆ นะคะ แต่ไม่ปรึกษาอะไรเราเพราะเราคงรู้ไม่เท่าเขา แต่รู้เขาเครียดค่ะ เราดูคนอื่นก็รู้สึกเขาแย่กว่าเรามาก วันก่อนก็ไปลงพื้นที่กับน็อตมา เขาตั้งใจว่าถ้าโรงงานเขายังแห้งอยู่ก็อยากออกไปช่วยคน คุยกันว่าชมว่างแล้วชมก็จะลงไปพื้นที่กับช่องพอดี ที่โรงงานก็เลยทำถุงยังชีพไปเอารถสิบล้อไปขนกับพนักงาน แต่เราไปเจอกันในจุดที่จะบริจาคเลย”
“ชมอยู่ในเมืองแต่คุณน็อตอยู่อยุธยาที่ที่เราลงไปคือที่บางบัวทองและท่าอิฐ ก็ต่างคนก็ออกเดินทาง9โมงเช้า ชมออกจากตึกมาลีนนท์ 9 โมงเช้าถึงบางบัวทองบ่าย2โมง น้ำมันลึกมากเข้าไปยากมาก ส่วนคุณน็อตออก 9 โมงจากอยุธยาแต่ถึง4โมงเย็นแล้วรถพังไปคันนึง สู้น้ำไม่ไหว ดับไปต่อไปได้ จนชมออกจากตรงนั้นแล้วชมก็ตัดสินใจว่าจะออกมาแล้วเพราะคณะเขาก็รอเราก็เครียดมาก แต่ก็เจอตรงทางออกให้ทหารประสานให้"
"ชมทำถุงยังชีพเด็กไปเพราะลงไปครั้งก่อนเรามีโอกาสคุย รู้ว่านมผงขาด ไม่มีน้ำซักผ้าอ้อม ก็เอาแพมเพิร์สให้ทำตามกำลังน่าจะมีประมาณนี้ทำไปประมาณ10ชุด ปรากฏว่าชาวบ้านมาเป็นพันคน ก็เอาอาหารที่พร้อมรับประทานได้ไป ครั้งแรกเคยซื้อขนมปังไป ก็ดีมาก ครั้งนี้ก็เอาไปอีกเขาก็ทานได้เลย อาหารสุนัขด้วยก็จะเห็นระหว่างทางเขาติดเกาะผอมหมดแล้ว ช่วงแรกๆ ที่ไปยอมรับว่ากล้าๆ กลัวๆ เพราะชมห่วงบ้านแม่ แต่ก็คิดว่าถ้ามาจริงๆ เราคงไม่ลำบากเท่าอยุธยา ลพบุรี โซนปริมณฑลแน่นอน ท้ายที่สุดเราน่าจะจัดการครอบครัวของเราได้ แต่บางคนพูดก็พูดจนก็จนอยู่แล้ว ยังมาเจอแบบนี้ อีกแทบจะไม่มีที่พึ่งและจัดการอะไรได้เลย"
บอกยังทำงานถ่ายละครปกติ แต่ใช้แก้ไขสถานการณ์เอาเพราะเลื่อนกองไม่ได้ เนื่องจากละครใกล้ออนแอร์แล้ว
"เราใช้วิถีเลี่ยงโลเคชั่นมากกว่า ซีนกลางคืนก็มาถ่ายกลางวันหมดแล้ว ก็รีบปล่อยทุกคนกลับบ้าน แต่ต่อไปคงยากแล้วเพราะน้ำก็มาจะทุกที่แล้ว ตอนนี้ถ่ายก็ได้ 50 เปอร์เซ็นต์แล้ว ก็ต้องเร่งเพราะละครจะออนแอร์แล้ว ความเป็นไปได้ที่จะยกกองน้อยมากยังไงก็ต้องถ่ายให้ได้ ฉากคอนเสิร์ตก็จะถ่ายในสตูดิโอก็จะควบคุมง่าย นักแสดงเองก็ไม่มีผลกระทบอะไร นอกจากเรื่องของการเดินทาง”
ที่มา: manager.co.th