"อากู๋" เทหน้าตักทุ่ม 3 พันล้าน รุกทีวีดาวเทียม หลังฝันอยากทำมานานกว่า 15 ปี คาดงบอาจทะลุถึง 5 พันล้าน เผยดีใจเหมือนได้บ้านหลังใหม่ไว้ผลิตรายการดีๆ ออกสู่สายตาสังคม โวปีแรกคืนทุน เจ้าตัวหวังรายได้จะโตเป็นอันดับสองรองจากธุรกิจเพลง
นับเป็นการขยายธุรกิจครั้งใหญ่เลยทีเดียว สำหรับ "อากู๋ ไพบูลย์ ดำรงชัยธรรม" ประธานกรรมการ บริษัท จีเอ็มเอ็ม แกรมมี่ จำกัด(มหาชน) ที่ล่าสุดเทหน้าตักทุ่มเงิน 3 พันล้านบาท รุกทีวีดาวเทียม เพื่อก้าวสู่ธุรกิจ “แพลตฟอร์ม โอเปอเรเตอร์” ด้วยการเปิดตัวกล่องรับสัญญาณดาวเทียม (Set top box) “วันสกาย” (1sky) รวมทั้งการลงทุนในธุรกิจบรอดแคสติ้งในกลุ่มทีวีดาวเทียม ทั้งการซื้อลิขสิทธิ์คอนเทนท์ จากต่างประเทศและการผลิตช่องรายการเอง โดยเมื่อวันก่อนเจ้าตัวได้เปิดแถลงข่าวอย่างเป็นทางการขึ้นที่ ห้องบางกอกคอนเวนชั่น ฮอลล์(ชั้น22) โรงแรมเซ็นทารา แกรนด์ แอท เซ็นทรัลเวิลด์ พร้อมกับให้สัมภาษณ์ว่า….
"อย่างที่เคยเรียนให้ทราบว่า เป็นความฝันของเราที่รอคอยมา 14-15 ปี ซึ่งเป็นวันที่เราคิดว่าภาครัฐได้ปลดปล่อยให้เรามีอิสระที่จะผลิตรายการ โดยผ่านระบบดาวเทียม เมื่อกฎหมาย พรบ.วิทยุโทรทัศน์ เอื้อให้เราผลิตรายการ ก็เหมือนอย่างที่เรารู้สึกว่าเราได้บ้านหลังใหม่ ที่จะมาผลิตรายการที่ดีผ่านระบบดาวเทียม สิ่งหนึ่งที่จะทำให้ธุรกิจนี้ถาวรก็คือ ควรจะมีเวทีกลางที่จะให้ทุกฝ่าย ที่ดูแลเรื่องเทคโนโลยี เรื่องอะไรต่างๆ ให้มันสามารถดำเนินการไปด้วยดี"
"เป็นการร่วมมือของผู้ผลิตคอนเทนท์ จะเป็นตัวเราเองหรือเป็นใครต่อใคร ก็อยากให้ทุกคนมาร่วมอยู่กับเรา อย่างเสมอภาค อย่างเสรีและเป็นธรรม โดยที่เราจะจัดแพลตฟอร์มนี้อย่างเป็นระบบ จัดแต่ละช่องแต่ละช่วงเป็นหมวดหมู่ โดยไม่เก็บค่าช่อง เป็นเจตนารมณ์ที่ว่า อยากจะให้คอนเทนท์หรือเจ้าของรายการแข่งขันด้วยคุณภาพของเขาเอง"
"เปรียบเทียบเช่นว่าเรามีช่องข่าว 10 ช่อง ก็จะอยู่ด้วยกันหมด ช่องละคร 10 ช่อง ก็อยู่ด้วยกันหมด เพราะฉะนั้นเวลาเลือกดูมันเลือกง่าย แล้วก็เป็นธรรมต่อการแข่งขัน การที่ใครได้อยู่หน้าอยู่หลังแล้วเสียเปรียบ ผมว่ามันไม่น่าจะเป็นสิ่งที่ดี ก็เลยอยากจะส่งเสริมเรื่องนี้"
"เสร็จแล้วเราอยากจะทำ KTV รายการจากต่างประเทศ รายการที่เราอยากดู กีฬา หรือหนัง สารคดี รายการสำหรับเด็ก หรืออะไรต่ออะไร ซึ่งเป็นรายการที่มีคุณภาพในระดับสากล เราก็อยากจะทำเป็น KTV ในราคาถูก หมายความว่าทุกคนดูได้ ทุกคนมีสิทธิ์รับชม เพียงแค่ค่ารายเดือนสำหรับกล่อง KTV ซึ่งไม่ได้หมายความว่าต้องจ่ายรายเดือนหมดนะ ใครอยากดูฟรีทีวีก็ดู ใครจะรับชมคอนเทนท์ที่มากขึ้น ก็เป็น KTV"
"ขายตั้งแต่ 100-500 บาทแบบนี้ แล้วแต่จะเลือก สิ่งสำคัญอีกจุดหนึ่งก็คือว่า เราอยากจะให้บริการกับคนที่ซื้อกล่องของเรา เรามี 3 ช่องให้ดูฟรี เป็น 3 ช่องของหนังคุณภาพที่ต้องจ่ายตังค์ แต่ให้ดูฟรี เราพยายามที่จะทำเพื่อตอบสนองความต้องการของทุกคนในราคายุติธรรม กล่องก็ไม่แพง 500 บาทก็ดูฟรีทีวี 1500 บาทก็ดู KTV ได้ มี 3 ช่องให้ดูฟรี ต่อไปต้นปีก็จะเป็นกล่องที่มีคุณภาพในระบบ HD และมีช่องรายการที่ดีๆ เพียบไปหมด"
ยันไม่ได้ทำออกมาแข่งกับ "ทรู" แจงเนื้อหาต่างกัน
"คงไม่ได้เป็นเรื่องโจมตีกัน แต่ว่าคอนเทนท์ของเราเป็นคอนเทนท์ที่ไม่ผูกติด เราสามารถแบ่งปันไปให้ทุกฝ่ายได้ ใครที่ต้องการคอนเทนท์ด้าน KTV แล้วเรามาแบ่งปันกัน ผมว่าน่าจะเป็นการแข่งขันที่เราไม่เสียเปรียบคนที่ขายคอนเทนท์ให้เรา"
เม็ดเงินลงทุนจำนวนมหาศาลกว่า 3 พันล้านบาท และอาจพุ่งไปถึง 5 พันล้านบาท เชื่อปีแรกผลประกอบการดี
"การซื้อคอนเทนท์ การทำอะไรหลายๆ อย่างด้วย อาจจะมากกว่านั้นด้วยซ้ำไป อาจไปถึง 5 พันล้านบาท เราทยอยลง เป็นงบประมาณที่เราเตรียมไว้ จากที่เราคำนวณ มีการวางแผนค่อนข้างรอบคอบ เราคิดว่าลงไปก็มีเงินกลับคืนมาแน่นอน ตัวมันเองคือวงเงินในการใช้ และผมคิดว่าปีแรกเราไม่ขาดทุน"
"ปัจจุบันรายได้หลักของแกรมมี่ยังมาจากธุรกิจเพลง และอันดับสองมาจากธุรกิจมีเดีย ซึ่งยังมีอัตราการเติบโต 15% ในปีนี้ หลังจากเปิดตัวแพลตฟอร์มวันสกายแล้ว ภายในปี 2557 ธุรกิจนี้จะมีสัดส่วนรายได้ประมาณ 28% เป็นอันดับสองรองจากธุรกิจเพลงของแกรมมี่"
ที่มา: manager.co.th