Author Topic: “อรัญญา” อาการดีวันดีคืนเริ่มยกแขนได้แล้ว อีก 2 อาทิตย์ออกรพ.  (Read 742 times)

0 Members and 1 Guest are viewing this topic.

Offline Nick

  • Administrator
  • Platinum Member
  • *
  • Posts: 46027
  • Karma: +1000/-0
  • Gender: Male
  • NickCS
    • http://www.facebook.com/nickcomputerservices
    • http://www.twitter.com/nickcomputer
    • Computer Chiangmai


“อรัญญา” เผยอาการดีขึ้นมาก เริ่มยกแขนได้แล้ว ตอนนี้กำลังเร่งทำกายภาพบำบัด โล่งแพทย์การันตีมีโอกาสหายเป็นปกติ 100 เปอร์เซ็นต์ ปลื้มคนให้กำลังใจล้นหลาม คาดอีก 2 สัปดาห์กลับบ้านได้ ยันไม่กระทบละคร ส่วนโปรเจ็กต์รร.อนุบาลคงต้องพักไว้ก่อน
       
       หลังจากเกิดเหตุการณ์ช็อกวงการบันเทิงไปเมื่อหลายวันก่อน เมื่ออดีตนางเอก “เปี๊ยก อรัญญา นามวงศ์” ถูกหามส่งโรงพยาบาลกะทันหัน หลังมีอาการมีเลือดออกในสมองซีกขวา ขนาดเส้นผ่าศูนย์กลาง 2 เซนติเมตร ทำให้มือและขาข้างซ้ายมีอาการอ่อนแรงฉับพลัน ปากเบี้ยวผิดรูป ล่าสุดวานนี้(15 ก.ย.) เจ้าตัวได้เปิดโอกาสให้ สื่อมวลชนเข้าเยี่ยมเพื่อสอบถามอาการที่ โรงพยาบาลจุฬาลงกรณ์ โดยมีสามี “ต้อย เศรษฐา ศิระฉายา” และลูกสาว “อีฟ พุทธิดา” คอยดูแลอย่างใกล้ชิด ซึ่งในวันนี้อรัญญามีสีหน้ายิ้มแย้มแจ่มใส แถมยังชู 2 นิ้วสู้ๆ ให้สื่อมวลชนถ่ายภาพ ก่อนที่จะอัพเดทอาการว่าตอนนี้อาการดีขึ้นมากแล้ว
       
       “อาการดีขึ้นกว่าวันแรกมากเลยค่ะ คุณหมอรับรองให้ว่าหาย 100 เปอร์เซ็นต์ ทุกคนก็ใจชื้นกันค่ะ ตอนนี้ก็เริ่มทำกายภาพบำบัดแล้ว ก็ต้องพยายามทำตามให้ได้ทุกท่า ก็ค่อยๆ ทำไปแล้วทุกอย่างจะค่อยๆ กลับมา ที่สำคัญเลยคุณหมอบอกว่าต้องขยัน ต้องอดทน พยายามช่วยเหลือตัวเองให้มากที่สุดเท่าที่จะมากได้ เพราะมันขึ้นอยู่กับประสาทสัมผัสทุกอย่างของเรา อย่างวันนี้ก็ถือลูกบอลเล็กๆ ได้แล้ว คุณหมอลองให้หัดจับ เพราะคุณหมอเริ่มจะเห็นพัฒนาการของเราตรงนิ้วมือพอสมควร ก็เลยให้ลองดู ก็จับได้แล้วค่ะ แต่ว่าไม่แน่น”
       
       “ตอนนี้เรียกว่าพัฒนาการดีขึ้นเยอะเลย ตอนแรกขนาดนิ้วยังกระดิกไม่ได้เลยค่ะ แต่ตอนนี้เริ่มกระดิกได้บ้างแล้ว คุณหมอบอกว่าพัฒนาการจะดีขึ้น ต้องขึ้นอยู่ที่เราขยันทำกายภาพ อย่างวันนี้ก็ลงไปทำกายภาพเกือบ 2 ชั่วโมง เหนื่อยมาก แต่ก็สนุกเพราะคุณหมอท่านน่ารัก ส่วนก้อนเลือดที่ค้างยังไม่ทราบค่ะ คุณหมอยังไม่ได้มาบอกเรื่องนี้ อาจจะต้องสแกนสมอง แต่คิดว่าคงยุบลงแล้วเพราะไม่งั้นคงไม่อาการดีขึ้นอย่างนี้ ถ้าไม่ยุบก้อนเลือดนั้นมันก็จะไปกดเส้นประสาททางซีกซ้าย ทำให้ขยับไม่ได้”
       
       “จะออกจากโรงพยาบาลได้เมื่อไหร่ ก็คงขึ้นอยู่กับการฟื้นตัวของเรา แต่เห็นคุณหมอบอกว่าอย่างน้อยๆ ก็คงสัก 2 อาทิตย์ ซึ่งน้อยมากแล้ว อย่างคนอื่นเขาอยู่กันเป็นเดือนๆ ก็อยู่ที่ว่าเราต้องการที่จะให้ดีที่สุดในระดับไหน กำลังใจบอกได้เลยว่าเกินร้อย คุณต้อยกับน้องอีฟก็มาอยู่ด้วยทุกวัน ทำงานเสร็จก็รีบมา บางทีก็บอกเขาไม่ต้องแวะมาหรอก แต่เขาก็มาดูรอให้เราหลับไป ส่วนน้องอีฟก็จะมานอนเฝ้าทุกคืน เพื่อนก็มาให้กำลังใจกันเยอะมากันหมดค่ะ เพื่อนก็มา สมาคมก็มา ครูบาอาจารย์ก็มา อยู่ใกล้อยู่ไกลก็มากันเยอะมาก ตั้งแต่เข้ามาวันแรกเลย ที่ปลื้มใจที่สุดคือได้รับพระมหากรุณาธิคุณฯด้วย เป็นอะไรที่ดีใจมากๆ”
       
       ยันไม่มีปัญหาเรื่องงานแสดง ส่วนโปรเจ็กต์โรงเรียนอนุบาลคงต้องพักไว้ก่อน บอกจะพยายามหายให้เร็วที่สุด
       
       “ตอนนี้ก็กำลังสร้างโรงเรียนอนุบาลอยู่ค่ะ ก็คงต้องพักไปก่อน ส่วนงานแสดงไม่มีค้างค่ะ ถ้าจะค้างก็คือยังไม่ได้เริ่มถ่าย จะมีละครเรื่องฟ้าจรดทราย แต่ก็ยังไม่ได้เรียกคิวไปเพราะทีมงานเขาก็เลื่อนมาเรื่อยๆ คงไม่มีปัญหาเพราะอะไรเพราะเราไม่ได้ไปถ่ายที่ต่างประเทศด้วย ถ่ายแต่ที่นี่ ก็คงไม่ได้ไปทำปัญหาอะไรให้เขา ยังไงก็ขอบคุณทุกกำลังใจนะคะ จะพยายามหายให้เร็วที่สุด เพราะเราก็ยังมีภาระอีกที่ต้องทำ”
       
       ด้าน “ต้อย เศรษฐา” และ “อีฟ” ถึงกับหายห่วง หลังแพทย์คอนเฟิร์มไม่น่าหนักใจ หมั่นคอยดูแลไม่ห่าง
       
       เศรษฐา : “ก็โล่งใจแล้วครับ จริงๆ ผมก็ไม่ค่อยตกใจอะไร เพราะคุณหมอบอกตั้งแต่แรกแล้วว่าไม่น่าจะซีเรียสมากนัก ถึงจะเป็นแต่ก็มีโอกาสกลับมา แต่จะช้าหรือเร็วก็ขึ้นอยู่กับตัวเขาเอง”
       
       อีฟ : “ตอนนี้ก็สบายใจแล้วค่ะ แม่เขาใจร้อนด้วยแหละค่ะ พอเริ่มหายก็จะเริ่มอยากจะทำอะไรแบบปกติเร็วๆ ยิ่งคุณหมอบอกว่าทำได้ ลองทำดูก็จะยิ่งรีบทำ ส่วนใหญ่คนไข้มักจะหมดกำลังใจ ไม่ค่อยพยายาม แต่คุณแม่นี่ไม่เลยค่ะ ตรงกันข้าม ทำทุกอย่างแล้วก็ทำมากไป บางทีก็ทำเร็วเกิน คนดูแลก็ต้องคอยระวังแทนให้”
       
       “นี่ก็ห้ามคุณแม่เยอะค่ะ ไม่ให้ทานอะไรหลายอย่าง แต่ก็ไม่ค่อยได้ผล แล้วคุณแม่พอเริ่มคุยได้หน่อยก็จะคุยเยอะ คุณตลอดเวลา ทานข้าวก็ยังคุย กลัวคนอื่นเขาจะหนีกลับ ก็จะต้องคอยเตือนเขา นี่ก็จะเริ่มพยายามเข้าห้องน้ำเอง เราก็ยังเป็นห่วงเขา ก็จะดูอยู่ห่างๆ คอยเตือนถ้ามันมากเกินไป”

ที่มา: manager.co.th


 
Share this topic...
In a forum
(BBCode)
In a site/blog
(HTML)