“โก้” เผยตำรวจออกหมายจับ “แม่สีดา” แล้ว หลังจากคู่กรณีผัดผ่อนมาหลายครั้ง ย้ำไม่ใช่ใจร้าย แต่ที่ทำไปเพราะเป็นสิทธิ์ของตนที่ควรได้เงินคืน อีกทั้งจะได้เป็นอุทาหรณ์ให้กับคนอื่น ลั่นถ้าไม่คืนเงินก็สู้กันในชั้นศาล
หลังจากเมื่อหลายเดือนก่อนอดีตดาราหนุ่ม “โก้ ธีรศักดิ์ พันธุจริยา” เข้าแจ้งความดำเนินคดีกับดารารุ่นเก๋า “สีดา พัวพิมล” แม่ของอดีตดาราผู้ล่วงลับอย่าง “อ๊อฟ อภิชาติ” ในข้อหาฉ้อโกงเป็นจำนวนเงิน 5.5 แสนบาท ล่าสุดเจ้าตัวก็ออกมาเผยว่า ตอนนี้ตำรวจได้ออกหมายจับ “แม่สีดา” แล้ว เนื่องจากผัดผ่อนมาหลายครั้ง บอกถ้าไม่อยากขึ้นศาลก็ให้คืนเงินทั้งหมดมา แล้วยินดีจบทุกอย่าง
“มีการติดต่อไปที่ตำรวจ เขาก็บอกว่าคุณแม่สีดาได้มีการเลื่อนไปเรื่อยๆ หลังจากที่มีการมาเซ็นยอมรับว่ารู้เรื่องต่างๆ แล้ว แต่คุณแม่สีดาก็ผัดผ่อนมาเรื่อยๆ จนตำรวจบอกว่าวันพฤหัสฯ ที่ 15ก.ย.54 ก็จะออกหมายจับแล้ว และหลังจากที่แม่สีดาสึกออกมาก็ยังไม่ได้เจอกันเลย ตอนนี้ที่เหลือกระบวนการของตำรวจก็คือการส่งตัว แต่เขาก็ผัดผ่อนกับทางตำรวจหลายรอบแล้ว พูดถึงถ้าออกหมายจับ ก็คือต้องจับเลยครับ ส่วนบทลงโทษมันก็เป็นเรื่องของการฉ้อโกง แล้วเป็นคดีอาญามันก็หนักอยู่แล้ว”
“เราไม่ได้ติดต่อกลับไปเลยครับ เพราะมันเกินจุดที่จะคุยกันแล้ว เพราะว่าวันที่จะเคลียร์ไม่มา มันก็ต้องดำเนินไปตามเรื่องราวของกฎหมาย สำหรับเรื่องคดีก็จะให้เป็นไปตามกระบวนการยุติธรรมครับ ใครทำอะไรไว้ก็ได้รับผมตอบแทนอย่างนั้น การสู้ครั้งนี้ไม่เคยท้อครับ เพราะเราทำเพื่อความถูกต้อง แล้วก็เป็นอุทาหรณ์ให้คนอื่นดีกว่า”
“ถ้าถามว่าเขาขอมาเคลียร์แล้วเราจะยอมไหม ก็ได้นะครับจ่ายเงินแล้วก็จบ แต่ถ้าไม่มันก็ไม่ได้อยู่แล้วครับ แล้วก็คงจะไม่ให้ผัดผ่อนแล้ว จริงๆ เราไว้วางใจเขามาตั้งนานแล้ว แต่ถ้าเราไว้วางใจใครมากๆ ก็จะทำให้เราเดือดร้อน ครั้งนี้ก็ถือว่าเป็นประสบการณ์ชีวิตเลยนะ เพราะเราก็ให้ด้วยความเห็นใจ คือตอนนี้ใครมายืมเงินก็บอกไปว่าคดีเก่ายังไม่เสร็จ ขอเคลียร์คดีเก่าก่อน เพราะอย่างนั้นก็ขี้เกียจหลายคดี (หัวเราะ)”
บอกเสียความรู้สึกเพราะรู้จักกันแล้วก็อยากคบกันไปนานๆ
“ครั้งนี้ไม่อยากเรียกว่าเป็นบทเรียน บอกว่าเสียความรู้สึกมากกว่า เพราะว่าคนเรารู้จักกันก็อยากจะคบกันไปนานๆ ไม่อยากให้มิตรภาพมาเสียด้วยเรื่องเงินๆ ทองๆ สำหรับมิตรภาพในครั้งนี้ มันก็ได้สูญสิ้นไปแล้ว (หัวเราะ) ความจริงก็ไม่อยากจะฝากอะไรถึงเขาแล้ว เพราะก็ฝากไปหลายรอบแล้วก็ไม่มีการตอบกลับมา”
“สุดท้ายถ้าไม่มามอบตัว ตำรวจก็ออกหมายจับเท่านั้นเอง แล้วสู้ความกันในศาลก็ได้ หรือเอาเงินมาใช้ มันก็จะได้จบ ไม่อย่างนั้นมันก็ไม่จบ ก็ขอแค่ออกมาชดใช้ เพราะเราก็เป็นเจ้าหนี้ ไปไหนมาไหนคนก็อาจจะมองเราไม่ดี ที่ไปใจร้ายทวงเงิน แต่มันก็ไม่ผิดที่เราจะเงินเราคืน หรือเราโดนหลอกแล้วเราจะเรียกร้อง อยากให้คนมองหลายๆ มุม”
“แต่สุดท้ายมันก็ขึ้นอยู่กับความถูกต้อง ถ้ายืมไปแล้วใช้คืนมันก็ไม่ผิด แต่ถ้ายืมเขาหรือไปหลอกมามันก็ผิดตั้งแต่ศีลแล้ว แล้วก็มีคนที่บอกว่าผมใจร้ายไปทวงนี้ แต่ผมว่าผมเป็นคนที่เบาที่สุดแล้วนะ เพราะอย่างนั้นไม่ปล่อยให้เรื่องจะครบปีหรอก เพราะมันจะหมดอายุความไม่กี่วันเอง ผมถึงจะแจ้งความ ก็เหมือนผมรักษาสิทธิ์ของผมเอง เพราะมันก็เป็นสิ่งที่ผมจะได้รับ แต่สุดท้ายเรื่องเงินๆ ทองๆ อย่ายืมกันเลย มีน้อยใช้น้อย เพราะฉะนั้นอย่ายืมเงินใครครับ มีแค่ไหนใช้แค่นั้น”
ที่มา: manager.co.th
