มอนตี้ หว่อง ผู้จัดการทั่วไป ฮิวเลตต์-แพคการ์ด (ประเทศไทย)
เอชพี ยืนยันเดินหน้าทำธุรกิจคอมพ์-โน้ตบุ๊กต่อเนื่อง หลังรอประกาศความชัดเจนในช่วงสิ้นปี คาดแยกธุรกิจคอมพิวเตอร์ส่วนบุคคลเป็นอีกบริษัท หรือทางเลือกอื่นๆ พร้อมเมินทำตลาดกลุ่มผลิตภัณฑ์แท็บเล็ตมองว่าเป็นแค่ทางเลือกผู้บริโภค
มอนตี้ หว่อง ผู้จัดการทั่วไป กลุ่มธุรกิจเพอร์ซันแนล ซิสเต็มส์ หรือ พีเอสจี บริษัท ฮิวเลตต์-แพคการ์ด (ประเทศไทย) กล่าวยืนยันว่าถึงแม้จะต้องรอการประกาศจากผู้ถือหุ้นของเอชพีอย่างเป็นทางการในช่วงสิ้นปีนี้ แต่การทำตลาดในประเทศไทย และทั่วโลกยังเดินหน้าต่อไป
"การดำเนินงานหลักในช่วงนี้คือการสื่อสารไปยังกลุ่มลูกค้า พาร์ตเนอร์ และกลุ่มองค์กร ให้เข้าใจถึงแนวทางธุรกิจที่เกิดการเปลี่ยนแปลง เพื่อสร้างความมั่นใจให้ตอบโจทย์ความเป็นอันดับ 1 ในกลุ่มธุรกิจพีเอสจี ของเอชพีต่อไป"
โดยแนวทางหลักที่เอชพีคาดว่าจะเป็นไปได้และเหมาะสมกับทุกฝ่ายคือ การแยกหน่วยธุรกิจพีเอสจี ออกมาเป็นอีกบริษัท เนื่องจากจะช่วยให้กลุ่มธุรกิจสามารถให้ความสำคัญในการพัฒนาผลิตภัณฑ์ รวมไปถึงการคิดค้นนวัตกรรม เพื่อให้สามารถแข่งขันในตลาดได้ต่อไป
ปัจจุบันกลุ่มธุรกิจพีเอสจี มีส่วนแบ่งตลาดเป็นอันดับ 1 ในตลาดเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ และตลาดโลก ขณะที่ในประเทศไทยเป็นอันดับที่ 2 ในตลาดรวมคอมพิวเตอร์ ซึ่งทางเอชพีให้เหตุผลหลักถึงสิ่งที่ทำให้มองว่ากลุ่มผลิตภัณฑ์โน้ตบุ๊กในช่วงที่ผ่านมามีส่วนแบ่งน้อยลงเกิดจากการข้ามไลน์สินค้าระหว่างคอนซูเมอร์ และคอมเมอร์เชียล
"จากเดิมเอชพี มีความแข่งแกร่งในส่วนของตลาดคอมเมอร์เชียล ส่วนสาเหตุที่ทำให้ดูเหมือนส่วนแบ่งตลาดลดลง เกิดขึ้นจาก เอชพีไม่สามารถชิงส่วนแบ่งตลาดในส่วนของคอนซูเมอร์ที่เติบโตเพิ่มขึ้นได้ ซึ่งถ้ามองแยกกันแล้วส่วนแบ่งของเอชพียังรักษาส่วนแบ่งอยู่ในระดับเดิม"
ในส่วนแนวทางการทำตลาดในส่วนของคอนซูเมอร์ต่อจากนี้คือการรุกเข้าไปยังตลาดต่างจังหวัด ที่ยังมีอัตราการเติบโตสูง รวมถึงการแบ่งเซกเมนต์ของผู้บริโภคเป็นตลาดการศึกษา บันเทิง ไลฟ์สไตล์ เพื่อให้ง่ายต่อการทำตลาด ขณะที่กลุ่มคอมเมอร์เชียล ก็ยังเดินหน้าเข้าร่วมโปรเจกต์ภาครัฐ ซึ่งเมื่อเกิดรัฐบาลใหม่ก็จะมีโปรเจกต์ใหม่ๆ ตามมา โดยสัดส่วนระหว่างกลุ่มผลิตภัณฑ์คอนซูเมอร์ และคอมเมอร์เชียลของเอชพีในปัจจุบันอยู่ที่ 70% และ 30%
นายพงศ์ธวัช พิเชฐเลอมานวงศ์ ผู้จัดการกลุ่มผลิตภัณฑ์และการตลาด กลุ่มธุรกิจเพอร์ซันแนล ซิสเต็มส์ กล่าวเสริมว่า ดูเหมือนเอชพีค่อนข้างเงียบในตลาดคอมพิวเตอร์ เนื่องจากยังไม่มีผลิตภัณฑ์ใหม่เข้ามาในตลาด แต่หลังจากนี้เอชพียังมีการเปิดตัวผลิตภัณฑ์โน้ตบุ๊กในแพลตฟอร์ม Thin & Light รวมถึงถึง UltraBook ออกมาในช่วงปลายปีนี้
มอนตี้ หว่อง กล่าวต่อว่า ความชัดเจนในแง่ของการหยุดพัฒนาแท็บเล็ตที่ใช้ระบบปฏิบัติการเว็บโอเอส (Web OS) เป็นการหยุดพัฒนาในส่วนของฮาร์ดแวร์เท่านั้น แต่ในแง่ของระบบปฏิบัติการยังมีการพัฒนาอยู่ ซึ่งในอนาคตเอชพีก็พร้อมที่จะกลับมาทำตลาด เมื่อเห็นว่าความต้องการในส่วนนี้มีความชัดเจนมากขึ้น
"เอชพีมองกลุ่มผลิตภัณฑ์แท็บเล็ตว่าเป็นแค่ทางเลือกหนึ่งในตลาด ซึ่งเชื่อว่าความต้องการของผู้บริโภคยังต้องการใช้งานคีย์บอร์ดที่มีความสำคัญมากกว่า และให้ความสำคัญในการเดินหน้ารักษาสมดุลระหว่างส่วนแบ่งตลาดและรายได้ ตั้งแต่ผลิตภัณฑ์ในกลุ่มเมนสตรีมไปจนถึงไฮเอนด์"
Company Related Link :
HP
ที่มา: manager.co.th