Author Topic: “หนุ่มวิศวกร” แจ้งจับ “กะเทยแชมป์” หลอกเงินเข้าวงการ เผยที่เชื่อเพราะ “หมออ้อย” อยู่ด้วย  (Read 1325 times)

0 Members and 1 Guest are viewing this topic.

Offline Nick

  • Administrator
  • Platinum Member
  • *
  • Posts: 46027
  • Karma: +1000/-0
  • Gender: Male
  • NickCS
    • http://www.facebook.com/nickcomputerservices
    • http://www.twitter.com/nickcomputer
    • Computer Chiangmai


“หนุ่มวิศวกร” แจ้งความจับ “กะเทยแชมป์” อ้างเป็นเจ้าแม่แอร์เมส หลอกตุ๋นเงินเข้าวงการ เผยเหตุที่หลงเชื่อเพราะ “หมออ้อย” อยู่ด้วย ก็เลยมั่นใจและจ่ายเงิน นอกจากนั้นแล้วก็ยังมีเหยื่ออายุ 17 ที่ถูกหลอกเช่นกัน ลั่นที่เข้ามาแจ้งความเพราะไม่อยากให้ไปทำแบบนี้กับใครอีก
      
       ตกเป็นข่าวฉ้อโกงอีกแล้วสำหรับ “แชมป์ รัฐ ริมธีรกุล” ที่อ้างตัวว่าเป็นเจ้าแม่แอร์เมส โดยก่อนหน้านี้ก็ถูก “หนิง ปณิตา พัฒนาหิรัญ” กับ “หมออ้อย จุฑารัตน์ เทียมสุวรรณ” แจ้งความฉ้อโกงและถูกเอาชื่อไปแอบอ้างเพื่อตุ๋นเงินคนอื่นเข้าวงการบันเทิง และคดีอื่นๆ
      
       โดยล่าสุด “ดุลย เหมปฐวี” วิศวกรบริษัทเอกชนแห่งหนึ่งก็ได้เข้าไปแจ้งความที่สน.สุทธิสารในข้อหาฉ้อโกงทรัพย์ โดยการเข้ามาชักจูงให้เข้าวงการบันเทิง และหลอกให้จ่ายเงินซื้อครอสเรียนเพื่อเตรียมตัวเข้าวงการบันเทิง โดยผู้เสียหายได้เปิดเผยถึงเรื่องราวดังกล่าวอย่างละเอียดว่า....
      
       “ผมไปเจอเขาวันเสาร์ที่ 27 สิงหาคม ที่ห้างพารากอนชั้น 2 ตอนนั้นผมกำลังจะไปเรียนภาษาอังกฤษชั้น 3 เขาเข้ามาถามว่า สนใจที่จะทำงานวงการบันเทิงไหม ผมอยากเป็นพิธีกร เพราะปกติเวลามีงานที่บริษัทก็จะทำหน้าที่เป็นพิธีกรพอฟังเขาก็อยากที่จะลองดู”
      
       “เขาเริ่มชักชวนด้วยการถามก่อนว่ารู้จักเขาไหมเคยดูรายการเซ็กซี่ไนท์หรือเปล่า แล้วก็รายการบางกอกกอสซิป ผมก็บอกว่าไม่เคยดูแล้วเขาก็บอกว่า ตัวเขาเองชื่ออั้มนะมีชื่อในวงการว่าเจ้าแม่แอร์เมส จากนั้นก็ถามอีกว่ารู้จักหมออ้อยไหมที่เป็นข่าวตามหน้าหนังสือพิมพ์บันเทิงอยู่บ่อยๆ พอดีว่าผมจะรีบไปเรียนเลยบอกเขาว่าเดี๋ยวขอเบอร์พี่ไว้ได้ไหม เดี๋ยวหลังเลิกเรียนแล้วจะติดต่อกลับไปและผมก็ขึ้นไปเรียนตามปกติ”
      
       “พอเลิกเรียนเสร็จก็โทรหาเขา เขาบอกว่าให้ไปเจอเขาที่เซ็นทรัลเวิร์ล เพราะเขาจะไปดูกาละแมร์(พัชรศรี เบญจมาศ)เดินแบบ เขาบอกว่ารู้จักกับกาละแมร์ พอผมไปถึงก็เจออีกคนหนึ่งชื่อกอล์ฟ ที่เป็นเหยื่ออีกคนหนึ่งนั่งดูโชว์ จริงๆ มันก็เป็นงานเปิดเหมือนใครเข้ามานั่งก็ได้ พอกาละแมร์เขาก็พยายามโบกมือให้"
      
       "แต่กาละแมร์ก็ไม่ได้อะไรกับเขา(หัวเราะ) เรานั่งดูโชว์เสร็จประมาณสองทุ่มเขาก็พาขึ้นไปชั้น 7 เป็นร้านอาหารแต่ผมจำชื่อร้านไม่ได้ ซึ่งเขาบอกว่าร้านนี้เป็นร้านประจำที่พาดารามานั่งบ่อยๆ บนโต๊ะจะมีอัลบั้มรูปที่เขาอ้างว่านี่คือเด็กในสังกัดเขามี ต้น เดอะสตาร์,”
      
       “เขานั่งเปิดอัลบั้มรูปให้ดูถ่ายคู่กับดาราหลายๆ คน แต่ที่ถ่ายด้วยกันมากที่สุดจะเป็นหมออ้อยที่ถ่ายคู่กันเยอะกว่าคนอื่น เขาก็บอกว่าเด็กในสังกัดมีเป็นพันคน พอหลังจากที่ดูรูปเสร็จเขาก็บอกว่าเดี๋ยวไปถ่ายรูปที่สตูดิโอก็พากันนั่งแท็กซี่ไปร้านมาสเตอร์สตูดิโอตรงหน้าเซ็นทรัลลาดพร้าว"
      
       "ซึ่งเป็นร้านถ่ายรูปไม่ใช่สตูดิโอ ก็ไปถ่ายรูปกันตอนนั้นมีผมกับกอฟล์เหยื่อที่ไปด้วยกันและมีเหยื่ออีกคนที่นัดไว้ที่ร้าน ระหว่างที่จะถ่ายรูปเหมือนคนที่นัดไว้ที่ร้านเขาจะรู้ตัวว่าโดนหลอกเขาบอกว่าไม่ทำแล้วและออกจากร้านไปคุณแชมป์ก็บอกว่าเห็นไหมทิ้งโอกาสไปแล้ว ถ้ามาง้อก็ไม่มีโอกาสที่จะรับเข้ามาวงการอีกแล้ว”
      
       “ตอนที่เข้าไปถ่ายรูปในร้านมาสเตอร์ก็ดูเขาสนิทกับเด็กในร้านมากทักทายเหมือนพาคนมาถ่ายบ่อยแล้ว พอถ่ายเสร็จเขาก็มีใบสมัครมาให้กรอก ลักษณะเป็นกระดาษ A4 ประมาณสองแผ่น เขาเขียนว่าแชมป์สตูดิโอ ในใบสมัครใบแรกจะให้กรอกชื่อที่อยู่ เรียนที่ไหนความสามมารถอะไร และในใบที่สองจะมีรายละเอียดเกี่ยวกับราคาเรียน 2 - 3 คอร์ส มีราคา5,000 กับ 9,000 และก็หมื่นกว่าบาท”
      
       “ระหว่างที่กรอกข้อมูลคนข้างๆ เขาจ่ายเงินให้คุณแชมป์เรียบร้อยแล้ว แต่ผมยังไม่ได้จ่ายเพราะไม่มีเงินสดเขาก็บอกว่าไม่เป็นไรเดี๋ยวพาไปกดเงิน ระหว่างนั้นเขามีการโทรศัพท์พูดคุยกับหมออ้อยและเอาเมสเสจมาโชว์ว่าหมออ้อยกับเขานัดจะไปกินข้าวกันประมาณสามทุ่ม จากนั้นพอถ่ายรูปเสร็จก็นั่งแท็กซี่ไปหาหมออ้อยที่คอนโดลุมพีนีแถวลาดพร้าว เขาบอกว่าเป็นคอนโดของหมออ้อย”
      
       “พอไปถึงคนชื่อกอล์ฟก็ขอแยกตัวออกไป สักพักหมออ้อยก็ลงมาแล้วก็นั่งแท็กซี่คันเดิมไปที่เมเจอร์รัชโยธินหมออ้อยไปซื้อเสื้อที่ตลาดนัดหน้าห้าง และก็พากันไปกินส้มตำแถวๆ ห้าง ระหว่างที่กินก็คุยกันหมออ้อยจะเรียกเขาว่าแชมป์ตลอดไม่ได้เรียกว่าอั้ม"
      
       "และหมออ้อยก็บอกว่าผมคุยเก่งนะ แชมป์วันศุกร์ลองพาน้องคนนี้มาที่สตูดิโอดู ซึ่งรายการเป็นรายการเซ็กซี่ไนส์มาตอนที่สี่ทุ่ม แต่เขานัดให้ผมไปตอนสามทุ่มครึ่ง พอกินเสร็จสักประมาณห้าทุ่มก็เรียกแท็กซี่ไปส่งหมออ้อยและตีรถกลับมาที่อินทามระเพื่อให้ผมไปกดเงินให้ 9,000 บาท”
      
       “กดเงินให้แล้วผมก็ถามว่าจะต้องมีใบเสร็จอะไรไหม เขาก็บอกว่าไม่ต้องสัญญากันด้วยใจ ซึ่งตอนนั้นแรกๆ ผมก็คิดว่าจะถูกหลอกไหม แต่พอได้ไปเจอหมออ้อยก็เห็นว่ามีดารามารับรู้ด้วยและหมออ้อยก็ยังชวนไปที่สตูดิโอด้วยบริบทมันเยอะก็เลยคิดว่าเขาคงไม่มาหลอกยอมจ่ายเงินไป”
      
       “ทุกอย่างก็ยังไม่มีอะไรเกิดขึ้นมาวันจันทร์ผมลองมาค้นในอินเตอร์เน็ตในครั้งแรกใช้ชื่อว่าอั้มก่อน ก็ไม่มีข้อมูลเกี่ยวกับเขา แต่พอมาใช้ชื่อแชมป์กับหมออ้อยกลับเจอข่าวหมออ้อยฟ้องแชมป์ก็เริ่มสงสัยว่าเกิดอะไรขึ้น และคลิกเข้าไปดูมันเป็นข่าวเมื่อวันที่ 2 กุมภาพันธ์ 2011ปีนี้ ลงข่าวว่าหมออ้อยกับหนิง ปนิตา และครูปิ่น เจ้าของโรงเรียนดนตรีมาแจ้งความฟ้องแชมป์ข้อหาฉ้อโกงแอบอ้าง และก็มีอีกข่าวหนึ่งมีผู้ร้องทุกข์ว่าแชมป์หลอกว่าจะให้ไปเรียนแล้วก็มีงานในวงการบันเทิงให้ทำเสียเงินไปหลายรายเหมือนกัน”
      
       “พอรู้ว่าถูกหลอกชัวร์ก็เลยเล่าเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นให้คุณพ่อฟังและลองปรึกษาคุณพ่อว่าจะทำอย่างไร คุณพ่อก็เลยบอกว่าให้ลองแกล้งโง่ไปก่อนดูว่าเขาจะมีลูกเล่นอะไรอีก ผมก็เลยไปที่สตูดิโอตามที่หมออ้อยบอก ไปถึงสตูดิโอที่เฮลท์พลัสตึกโอซีเอ็มของคุณยุวดี บุญครองทรัพย์ประมาณสามทุ่มครึ่ง"
      
       "แชมป์ยังมาไม่ถึงเจอหมออ้อยกำลังแต่งหน้าอยู่กับช่างแต่งหน้าทำผมอีกสองคน พอผมเข้าไปหมออ้อยก็ถามว่ามาทำไมเหรอ ผมก็งงเพราะอาทิตย์ที่แล้วเขายังบอกให้ผมมา ก็ตอบไปว่าก็อาทิตย์ที่แล้วที่พี่พูดว่าจะให้มาเทสต์พิธีกรก็เลยมาตามที่นัดกัน หมออ้อยก็บอกว่าคงไม่ได้เข้าถ่ายหรอก ซึ่งเขาให้เหตุผลว่าพิธีกรที่ชื่อแอนดี้ไม่ได้มา”
      
       “และก็พูดว่าอาทิตย์ที่แล้วก็ไม่ได้สัญญานะว่าจะให้มาเข้ารายการ ผมก็เลยเข้าไปนั่งในห้องนั้นและถามว่าคนชื่อแชมป์เป็นยังไง เขาก็บอกว่าถ้าจะให้แนะนำก็คือไม่ควรไปคบ ผมก็งงๆ ก็ถามเขาไปแล้วทำไม่พี่ยังคบเขาอยู่ หมออ้อยเขาก็บอกว่าคนชื่อแชมป์เคยโกงเขามาก่อน แต่ตอนนี้เหมือนเลี้ยงไว้เป็นคนรับใช้เหมือนเรียกมาใช้เมื่อไหร่ก็ต้องมามีงานก็ต้องมาช่วย ผมก็ถามว่าแล้วอย่างนี้ควรทำอย่างไรดีเขาก็บอกว่าแล้วแต่คุณ เพราะแชมป์ไม่เกี่ยวอะไรกับเขาไม่ใช่ญาติไม่ใช่ผู้จัดการจะทำอะไรก็ทำ”
      
       “ผมก็เลยบอกว่าถ้าอย่างนั้นก็คงต้องดำเนินการแจ้งความแล้ว หมออ้อยก็บอกว่าดีดำเนินการได้เลยเขาไม่เกี่ยวอะไรกับคนนี้เลย และชูนิ้วบอกผมว่าเยี่ยม มันยิ่งทำให้ผมสงสัยว่าอาทิตย์ที่แล้วเขายังคุยกันสนิทกันดีเป็นพี่เป็นน้องกับผมก็คุยดีชวนให้มาที่สตูดิโอแล้วจะแนะนำให้ ซึ่งทางหมออ้อยไม่ได้บอกให้ผมจ่ายเงินแต่ทั้งหมดที่เขาทำในวันนั้นมันทำให้ทุกอย่างดูน่าเชื่อถือคือทำให้เราเชื่อว่าแชมป์เป็นแมวมองสามารถพาทำงานวงการบันเทิงได้”
      
       “หลังจากที่คุยกับหมออ้อยเสร็จก็ลงไปเจอแชมป์ข้างล่าง ซึ่งวันนี้เขาก็พาเหยื่อมาใหม่อีกคนอายุสักประมาณ 17 ปีได้ พอขึ้นมาถึงสตูดิโอเป็นช่วงที่แชมป์เขาไปเข้าห้องน้ำผมเลยคุยกับน้องว่าแชมป์เรียกมาเหรอเสียเงินไปเท่าไหร่น้องบอกว่าเสียไป 10,500 บาท และถามว่าได้เรียนยังน้องก็บอกว่ายังพึ่งจ่ายเงินไปสี่วัน"
      
       "ผมก็บอกเขาคร่าวๆ ว่าเราถูกหลอกแล้วและขอเบอร์น้องเขาไว้เดี๋ยวจะโทรเล่ารายละเอียดให้ฟัง พอแชมป์มาก็พาไปดูนั่งอัดรายการ โดยที่ในตอนแรกแชมป์ยังไม่ได้ออกรายการหรือทำอะไร เขาจะออกช่วงเบรกประมาณ 5 ที มาแสดงเหมือนเป็นตัวโจ๊กแค่ช็อตเดียว ซึ่งตรงนี้คงเป็นที่เขาอ้างเมื่อตอนเจอกันครั้งแรกว่าเขาทำรายการนี้”
      
       “พอทำตรงนี้เสร็จก็มานั่งคุยกันแชมป์มาถามผมว่า วันเสาร์ว่างไหมจะชวนให้ขับรถพาหมออ้อยไปงานเปิดโรงพยาบาลสมุทรปราการหน่อย ผมก็ปฏิเสธไป และถามว่าผมจะได้เรียนคอร์สที่ผมจ่ายเงินไปเมื่อไหร่แชมป์ก็บอกว่า อย่ามาจู้จี้ได้ไหมเดี๋ยวได้เรียนเมื่อไหร่ก็ได้เรียนเองแหละ ตอนนั้นผมก็เริ่มมีอารมณ์เหมือนกันก็พูดกับเขาว่ามันไม่ชอบมาพากลแล้วมั้ง"
      
       "ผมอ่านข่าวย้อนหลังมาเห็นว่าคุณเคยโดนหมออ้อยแจ้งความ แถมยังมีคดีที่ไปหลอกเงินคนอื่นแล้วบอกว่าจะพาเข้าวงการบันเทิง น้องข้างๆ ก็ยืนฟังอยู่ด้วยผมก็ยื่นข้อเสนอไปว่าเอาอย่างนี้พี่คืนเงินมาให้ผม 9,000 บาทและอีก 5,000 บาทในส่วนของกอล์ฟเดี๋ยวผมจะโอนเงินให้กอล์ฟเองแล้วทุกอย่างจะจบ ผมจะไม่แจ้งความ”
      
       “เขาก็บอกว่าอยากแจ้งก็แจ้งไปเลยไม่กลัว ตอนนั้นผมก็พยายามควบคุมอารมณ์บอกเขาไป งั้นผมดำเนินการของผมนะ ผมพอรู้จักนักข่าวเหมือนกัน แชมป์นั่งนิ่งไปประมาณสองสามนาทีแล้วบอกว่าเดี๋ยวไปคุยกันข้างนอก ผมก็คุยเหมือนเดิมให้คืนเงินมาแล้วทุกอย่างจบ เขาก็พยายามพูดว่าเธอเชื่อกับข่าวพวกนี้เหรอวงการบันเทิงมันก็ปั้นข่าวให้เป็นกระแสเท่านั้นเอง ถ้าไม่มีข่าวเหล่านี้คนจะรู้จักเขาเหรอ อย่าง หนิง ปณิตา ที่ฟ้องเขาก็เป็นการเข้าใจผิด ส่วนหมออ้อยถ้าแจ้งความจับเขาแล้วทำไมยังมาคุยกันนั่งอยู่ในรายการเดียวกันได้มากินข้าวด้วยกัน”
      
       “ผมเลยบอกเขาไปว่าไม่รู้ล่ะตอนนี้ผมต้องการเงินคืนซึ่งในระหว่างที่คุยกันผมอัดคลิปเสียงไว้ด้วยคุยกันไปสักพักทางแชมป์ก็บอกว่าจะคืนเงินให้แต่ต้องใช้เวลานะ ผมกำหนดเลยว่าต้องคืนภายในพรุ่งนี้ ซึ่งวันนั้นที่ไปสตูดิโอเป็นวันศุกร์ ฉะนั้นเขาจะต้องคืนเงินวันเสาร์จำนวนหนึ่งหมื่น 14,000 บาทรวมของผมกับของกอล์ฟ เขาบอกว่าหาให้ไม่ทันผมยังว่าอ้าวแล้วบอกเป็นเจ้าแม่แอร์เมส.....(หัวเราะ) ผมก็บอกว่างั้นให้เวลาถึงวันอาทิตย์ วันเสาร์โอนมาให้ผม 7000 และวันอาทิตย์อีเรียก 7000 ทุกอย่างจบผมจะไม่มีการแจ้งความฟ้องร้องอะไรและพี่จะไปปั้นเด็กอะไรก็เรื่องของพี่เขาก็รับปากว่าจะโอนให้”
      
       “จากนั้นวันเสาร์ผมก็เช็คบัตรเอทีเอ็มมีการโอนเงินเข้าไหมก็ไม่มี วันอาทิตย์ก็ไม่มีโทรไปก็ไม่รับสาย ก็เป็นอันว่าโดนเบี้ยวชัวร์ ก็เลยต้องมาแจ้งความ ส่วนน้องที่อายุ 17 ปีเขาไม่อยากจะแจ้งความเพราะบ้านเขามีฐานะบอกว่ากำลังจะไปเรียนต่อเมืองนอก ส่วนคุณกอล์ฟก็เห็นว่าจะมาแจ้งแต่ยังไม่รู้จะยังไง"
      
       "ก็ยอมรับว่าตอนแรกอยากได้เงินคืน แต่หลังๆ ผมรู้สึกว่าอยากจะดำเนินการกับเขามากกว่า เพราะว่าอย่างมีกรณีเหยื่ออายุ 17 ปีนี่ก็แสดงว่าเขาหลอกไม่เกี่ยงอายุเลย เด็กๆ บางคนต้องมาเสียเงินขนาดนี้ถือว่าเยอะนะ ถ้ายังไม่มีรายได้จากเงินเดือน ส่วนตอนนี้ถ้าได้เงินคืนก็ดีถ้าไม่ได้ก็ไม่เป็นไร แต่ไม่อยากให้บุคคลนี้เขาไปสามารถหลอกใครได้อีก"


ที่มา: manager.co.th


 
Share this topic...
In a forum
(BBCode)
In a site/blog
(HTML)