เอสวีโอเอ เล็งปรับสัดส่วนลูกค้าราชการเพิ่ม ชดเชยลูกค้าคอนซูเมอร์ที่ลดลง เปลี่ยนแผนรุกต่างประเทศด้วยดีไซน์
นายวีระ อิงค์ธเนศ กรรมการผู้จัดการ บมจ.เอสวีโอเอ กล่าวว่า ปีนี้บริษัทจะขยายสัดส่วนรายได้จากลูกค้าราชการเดิมมีประมาณกว่า 20-30% เป็น 40% โดยเข้างานประมูลมากขึ้น ชดเชยจากลูกค้าคอนซูเมอร์ที่เดิมครองสัดส่วน 50% ของรายได้รวมทั้งบริษัท แต่มีแนวโน้มลดลงเหลือ 40%เพราะสถานการณ์ทางเศรษฐกิจไม่ดี ขาดแรงจูงใจซื้อ ทั้งสภาพตลาดก็แข่งขันสูง นอกนั้นเป็นสัดส่วนจากลูกค้าองค์กรและอื่นๆ
"ปีนี้เหนื่อยแน่ แต่ที่ผ่านมาบริษัทก็ระวังมากอยู่แล้ว ได้กระจายความเสี่ยงขยายธุรกิจไปอื่นๆ ที่ไม่ใช่การนำเข้าเท่านั้น และใช้ของที่มีอยู่ ไม่ลงทุนเพิ่มมากนัก การจ้างคนก็ระวัง พัฒนาขึ้นแล้วก็ใช้ไปเรื่อยๆ มองถึงเส้นทางข้างหน้า ไม่เติบโตเกินปกติ"
นายวีระ กล่าวว่า ปีนี้มองยอดรายได้จะเติบโตประมาณ 5% หรืออาจไม่เติบโตเลย ซึ่งแนวโน้มการไม่เติบโตจะมีมากกว่า แต่ยังถือว่าดีกว่าอุตสาหกรรมอื่นๆ เพราะไอทีเป็นอุตสาหกรรมที่จำเป็น และอัตราส่วนการมีคอมพิวเตอร์ต่อประชากรยังน้อย ฉะนั้น ผู้ที่ไม่มีคอมพิวเตอร์ก็ต้องซื้อ ประกอบกับคอมพิวเตอร์ราคาต่ำลงมาก หากการแข่งขันก็สูงด้วยเช่นกัน
ทั้งนี้ บริษัทมองการขยายตลาดเช่นเดียวกับบริษัทไอทีอื่นๆ เช่น การขยายลูกค้าราชการ และขยายตลาดต่างจังหวัดที่ยังมีช่องว่างจะทำตลาดอีกมาก
อย่างไรก็ตาม แนวทางการทำธุรกิจของบริษัทจะต้องถ่วงดุลช่องทางจำหน่ายอย่างเหมาะสม ไม่เน้นพิเศษที่ใดมาก มิเช่นนั้นอนาคตเมื่อเศรษฐกิจกลับมาดีอาจทำให้บางช่องทางหายไปได้
ส่วนแผนการบุกตลาดต่างประเทศนั้น บริษัทได้ปรับใหม่ โดยเน้นการขายโนว์ฮาว และวัสดุ เพื่อผลิตโน้ตบุ๊คสวยงามแก่ลูกค้าต่างประเทศ แทนการขายชิ้นส่วน และอะไหล่ เพราะการแข่งขันสูงเนื่องจากผู้ผลิตประเทศต่างๆ ล้วนหันมาชิงส่วนแบ่งลูกค้าเอเชีย และแอฟริกากัน
เขา กล่าวถึงปัญหาเศรษฐกิจที่เผชิญกันว่า ครั้งนี้ต่างจากปี 2540 อย่างไม่สามารถเทียบกันได้ เพราะวิกฤตต้มยำกุ้ง ไทยยังได้ประโยชน์จากการท่องเที่ยวและส่งออก แต่วิกฤตแฮมเบอร์เกอร์สะเทือนทั่วโลกเริ่มจากโรงงาน ที่คำสั่งซื้อล่วงหน้า 3 เดือน 6 เดือนหายไป ธนาคารต่างประเทศมีปัญหารัฐบาลของแต่ละประเทศต้องใช้ฝีมือแก้ เพื่อเรียกความเชื่อมั่น และกระตุ้นกำลังซื้อให้เกิดขึ้น
ที่มา:
http://www.bangkokbiznews.com