“เม้าท์ซี่” หันหลังให้วงการนางแบบ เข้าวัดโกนหัวบวชชี 3 เดือน เคร่งถือศีล8 เดินบิณฑบาตวันละ 3 ชั่วโมง แจงเกิดจากแรงศรัทธาที่อยากจะเข้าถึงธรรมะให้ถึงแก่น ออกปากติดใจ เผยสึกออกมาแล้วทำให้มุมมองชีวิตเปลี่ยนไป บอกยังรับงานในวงการ แต่คงไม่มากเหมือนเมื่อก่อน
หายหน้าหายตาไปจาวงการบันเทิงซะนาน สำหรับนักแสดงและนางแบบสาว “เม้าท์ซี่ เบญจวรรณ เทิดทูลกุล” ล่าสุดเจ้าตัวมาร่วมแสดงความยินดีกับเพื่อนซี้ “โย ยศวดี หัสดีวิจิตร” ในวันเปิดบริษัทสอนเดินแบบ “FEVER RUNWAY” (Communication Personality Development Coaching Center) ที่ สยามสแควร์ ซอย 1 ด้วยลุคส์ใหม่ผมสั้นสกินเฮดทำเอาแปลกตาไปจากเมื่อก่อนลิบลับ สอบถามไปเจ้าตัวก็เผยให้ฟังว่าเป็นเพราะเพิ่งสึกมาได้ 1 เดือน หลังจากหลบไปโกนหัวบวชชีที่วัดป่าที่จังหวัดอุดรธานีมา 3 เดือน
“ไปบวชมาค่ะ เพิ่งสึกมาได้เดือนนึง ก็ได้ไปบวชชีมา 3 เดือน อย่างที่หลายๆ คนคิดว่าการที่ผู้หญิงไปบวช จะต้องมีความทุกข์หรือเปล่า หรือผิดหวังในชีวิตหรือเปล่า แต่สำหรับตัวเม้าท์ซี่ไม่ได้มีความทุกข์ แต่มีแรงศรัทธาที่จะไปบวช ครั้งนี้ก็ได้ไปบวชที่วัดมหาธาตุท่าพระจันทร์ แต่ไปอยู่วัดป่านาหลวงที่อุดร 3 เดือน พระส่วนใหญ่ก็จะเป็นพระธุดงค์ แล้วก็จะฉันท์มือเดียว แล้วก็จะธุดงค์ไปตามที่ต่างๆ แต่ก็ไม่ได้ไปกับท่านนะคะ ครั้งนี้มีเพื่อนที่ไปบวชด้วยกัน วันที่บวชมีเพื่อน 5 คน แต่ที่ไปอยู่ที่อุดรมี 4 คน”
“ที่ไปบวชเป็นบวชชีโกนหัวเลยค่ะ แล้วส่วนใหญ่เขาจะถือศีล8 หรือศีล10 แต่เราถือแค่ศีล8 เพราะเราถือว่ากิจวัตรที่ทำเราก็ทำเหมือนที่พระทำเลย ก็คือต้องบิณฑบาต เราก็จะมีบาตรเป็นของตัวเองด้วย แล้วก็เดินบิณฑบาตก็วันละ 3 ชั่วโมง แล้วก็ทำวัตรเช้า-เย็น ตอนเช้าก็ตื่นตี 3 ครึ่ง แล้วกว่าจะนอนห้าทุ่มเที่ยงคืน เราก็ใช้ชีวิตเหมือนพระเลย แล้วก็พยายามเคร่งให้ที่สุดค่ะ เพราะเราก็ต้องสู้กับสภาวะแวดล้อม แล้วสภาวะจิตใจที่บีบคั้น”
“การที่ไปบวชมาทำให้เรารู้ว่า อะไรที่อยู่ในใจของเรา มันก็ค่อยๆ ออกมา แล้วเราก็ได้เห็นได้เข้าใจ และบางอย่างมันก็โดนขจัดออกไปได้บ้าง แล้วเหตุผลของการเข้าวัดของแต่ละคนก็จะต่างกันออกไป แต่สำหรับตัวเรา เราไม่ได้มีเหตุผลในทางที่ลบ แต่เรารู้สึกว่าเราเป็นคนไทย อย่างน้อยเราได้เรียนรู้พุทธศาสนาแล้ว แต่บางอย่างเรายังรู้สึกว่าเรายังเข้าไม่ถึง ก็เลยอยากเรียนรู้ แล้วเข้าไปสัมผัสด้วยตัวเอง”
บอกการบวชเป็นโอกาสที่ดี และถือว่าเป็นบุญของตัวเอง
“แล้วอีกอย่างก็เป็นโอกาสที่ดี แล้วเราก็ได้มีโอกาสก็ถือว่าเป็นบุญของเรา หลังกลับมาเราก็ใช้ชีวิตของเราเหมือนเดิม ไม่ได้กลับมาแล้วต้องทำตัวเรียบร้อย อันนั้นไม่ใช่ จริตของเรา ของเราคือเป็นแบบนี้ แต่สุดท้ายแล้ว การบวชคือภายนอกเท่านั้น แต่มันอยู่ที่ใจ เราก็แค่อยากไปมีประสบการณ์สักครั้งในชีวิต ว่าบวชแล้วจะรู้สึกอย่างไร อีกอย่างหนึ่งคือมุมมองชีวิตก็ยังเปลี่ยนไปด้วย ถ้าถามว่าติดใจไหม ก็บอกเลยว่าติดใจ ตอนแรกกะจะอยู่ต่อจนออกพรรษา แต่เนื่องจากสภาพร่างกายเราไม่อำนวย เราก็เลยจำเป็นที่จะต้องสึกออกมา”
ส่วนงานในวงการบันเทิงถ้ามีก็ยังรับ แต่ก็คงไม่มากเหมือนเมื่อก่อน เพราะก็รู้ว่ามีเด็กใหม่เยอะ
“ส่วนเรื่องงานในวงการบันเทิงถ้ามีเข้ามาก็ทำค่ะ แต่เรื่องเดินแบบเนี่ยจะเยอะเหมือนเมื่อก่อนคงไม่ เพราะมีรุ่นน้อง แล้วเราก็ยอมรับในเรื่องของเวลาที่มันมีจุดขึ้นจุดลง เราก็สบายๆ ถ้ามีก็ทำ แล้วงานนั้นเป็นงานที่เรารักและมีความสุขก็โอเคแล้ว ไม่ต้องคิดเยอะว่าจะมีเยอะหรือมีน้อย แต่ตอนนี้มีงานประจำอยู่คือขายไอติม”
ติดใจผมสั้นสกินเฮด บอกเหมาะกับลุคส์นี้ ไม่คิดจะเปลี่ยนแนว
“ที่เห็นว่ามาในลุคส์แบบนี้ก็เพราะว่าถ้าใส่กระโปรงดูมันไม่เข้ากันไง คือถ้าผมทรงนี้แล้วใส่กระโปรง คนจะมองดูว่ามันไม่เข้ากันหรือเปล่า แต่ให้เหมาะสมกับกาลเทศะของหัวตัวเอง อย่าคิดมากๆ แล้วครั้งนี้เป็นครั้งแรกที่ออกมา เพราะกลับมาอยู่กรุงเทพก็ยังไม่ได้ออกไปไหนเลย ลุคส์นี้ถ้าเป็นเพื่อนๆ ที่สนิทเขาจะไม่ตกใจเพราะเขาจะรู้ แต่ว่าบางคนที่เขาไม่รู้จัก เขาก็จะจำไม่ได้ แล้วก็คิดว่าเป็นผู้ชาย”
“ยังไม่เห็นมีใครมาทักว่าจะเป็นแนวอะไรนะ เพราะว่าเดือนนึงไม่ได้ออกไปเจอใครเลย เราทำงานอยู่ที่บ้านอย่างเดียว ก็เลยไม่ได้รับเสียงตอบรับตรงนั้น แต่ก็ติดใจผมสั้นๆ เหมือนกันนะเพราะว่ามันก็ไม่ต้องทำอะไรมาก แต่ถ้าผมยาวไปการแต่งตัวก็จะต้องเปลี่ยนไปตามบุคลิกของเรา เอาเป็นว่าเรื่องทรงผม ให้เป็นเรื่องของอนาคตดีกว่านะ เพราะว่ามันไม่แน่ไม่นอน แต่ตอนนี้ติดใจผมสั้น เพราะว่าเราติดใจในความสบาย”
"เม้าท์ซี่" ในมาดนางแบบแถวหน้า ขอบคุณภาพจากนิตยสาร VOLUME
ที่มา: manager.co.th