แฟ้มภาพ Sean Maloney (ซ้าย) รองประธานอินเทล และ Jonney Shih (ขวา) ประธานเอซุสขณะเปิดตัวอัลตราบุ๊กรุ่นแรกแบรนด์เอซุส ASUS Ultrabook ในงาน Computex 2011 ที่ไต้หวัน เมื่อเดือนพ.ค.ที่ผ่านมา
3 ค่ายพีซี เลอโนโว (Lenovo) เอซุส (Asustek) และเอเซอร์ (Acer) พร้อมยกพลกองทัพอัลตราบุ๊ก (Ultrabook) คอมพิวเตอร์โน้ตบุ๊กคุณภาพสูงประหยัดไฟตัวเครื่องบางเฉียบหลายรุ่นช่วงไตรมาส 3 และ 4 ปีนี้ คาดการแข่งขันจะเป็นผลให้ราคาเครื่องลดลงเหลือต่ำกว่า 999 เหรียญสหรัฐ (ไม่เกิน 30,000 บาท) ในช่วงปลายปี
ด้านอินเทลไม่หวั่นเพราะเป็นไปตามกลไกตลาด ล่าสุดตั้งกองทุนมูลค่า 300 ล้านเหรียญสหรัฐฯ หวังลงทุนในบริษัทผลิตฮาร์ดแวร์และเทคโนโลยีสำหรับอัลตราบุ๊กอีกหลายแห่งทั่วโลกต่อเนื่อง 3-4 ปีนับจากนี้
***ราคาตกปูทางสู่เมนสตรีม การคาดคะเนแนวโน้มราคาคอมพิวเตอร์ประหยัดพลังงานขนาดเครื่องบางเฉียบครั้งนี้เกิดขึ้นจากปากอินเทล (Intel) ผู้ผลิตชิปซึ่งเปิดตัวแพลตฟอร์มหน่วยประมวลผลสำหรับการผลิตโน้ตบุ๊กบางพิเศษตั้งแต่กลางปีที่ผ่านมา โดยอินเทลยืนยันว่ากองทัพผลิตภัณฑ์โน้ตบุ๊กใหม่จะเริ่มลงตลาดในช่วงไตรมาส 3-4 ปีนี้ โดยราคาเฉลี่ยของโน้ตบุ๊กกลุ่มนี้จะปรับลดลงเหลือต่ำกว่า 999 เหรียญในช่วงไตรมาส 4 ซึ่งจะส่งให้อัลตราบุ๊กกลายเป็นโน้ตบุ๊กระดับเมนสตรีมที่วางจำหน่ายเป็นหลักในตลาดได้
"เรากำลังทำงานหนักเพื่อทำให้อัลตราบุ๊กเป็นเมนสตรีมในตลาด ซึ่งราคาจำหน่ายจะค่อยๆลดลงนับจากนี้" Erik Reid ผู้จัดการทั่วไปกลุ่มสินค้าพีซีของอินเทล กล่าว โดยเลอโนโว เอซุสเทค และเอเซอร์ คือ 3 แบรนด์ที่อินเทลระบุว่าจะส่งอัลตราบุ๊กลงตลาดภายในปีนี้อย่างแน่นอน
ส่วนผู้ผลิตแบรนด์อื่นอย่างเดลล์ (Dell) และเอชพี (HP) จะเริ่มเปิดตลาดตามมา จุดนี้ผู้บริหารอินเทลเปิดเผยว่าอัลตราบุ๊กจะเริ่มลุยตลาดผู้บริโภคทั่วไปหรือคอนซูเมอร์ก่อนเป็นตลาดแรก ก่อนจะขยายไปกลุ่มองค์กรซึ่งเดลล์และเอชพีจะยึดหัวหาดต่อเนื่องไปอีกหลายปี
อัลตราบุ๊กนั้นเป็นแนวคิดโน้ตบุ๊กที่อินเทลประกาศเปิดตัวตั้งแต่เดือนพ.ค.ที่ผ่านมา จุดยืนผลิตภัณฑ์คือการเป็นคอมพิวเตอร์ส่วนบุคคลพกพาคุณภาพสูง ตัวเครื่องน้ำหนักเบาและประหยัดพลังงาน โดยอินเทลหวังให้อัลตราบุ๊กเป็นสินค้าหลักในตลาดภายในปลายปีหน้า (2012) ซึ่งเป็นช่วงที่อินเทลคาดว่า อัลตราบุ๊กจะสามารถกินส่วนแบ่งตลาดโน้ตบุ๊กได้มากกว่า 40%
อัลตราบุ๊กรุ่นแรกแบรนด์เอซุส
***ลงทุนช่วยอัลตราบุ๊กสู้แท็บเล็ต เพื่อผลักดันให้อัลตราบุ๊กกลายเป็นเมนสตรีมในตลาดให้ได้ใน 1 ปีครึ่ง อินเทลจึงต้องทำทุกทางเพื่อหนุนให้การพัฒนาฮาร์ดแวร์และซอฟต์แวร์สำหรับอัลตราบุ๊กเป็นไปอย่างต่อเนื่อง หนึ่งในวิธีการดิ้นรนของอินเทลคือการอัดฉีดเงินทุนลงในบริษัทหลายแห่ง บนความหวังให้คอมพิวเตอร์โน้ตบุ๊กยังคงเสน่ห์ไว้ เพื่อดึงให้ผู้บริโภคไม่หนีไปซื้อแท็บเล็ตมากกว่านี้
ผู้บริหารอินเทลระบุว่า อินเทลจะตั้งกองทุนมูลค่า 300 ล้านเหรียญสหรัฐฯผ่านบริษัท Intel Capital ซึ่งเป็นหน่วยดูแลกิจการการลงทุนของอินเทลระดับโลก เงินเหล่านี้จะถูกส่งไปลงทุนในบริษัทพัฒนาฮาร์ดแวร์และซอฟต์แวร์สำหรับโน้ตบุ๊กพันธุ์ใหม่อย่างต่อเนื่อง 3-4 ปีนับจากนี้ จุดนี้ David Flanagan กรรมการผู้จัดการ Intel Capital ให้สัมภาษณ์ว่าเงินทุนเหล่านี้จะทำให้อัลตราบุ๊กมีประสิทธิภาพมากขึ้น ทั้งอายุการใช้งานแบตเตอรี่ต่อเนื่องที่จะนานขึ้น และประสบการณ์ผู้ใช้มิติใหม่ที่จะเป็นประโยชน์มากขึ้น
อย่างไรก็ตาม ผู้บริหารบริษัทกองทุนอินเทลไม่ได้ระบุว่าชัดถึงตัวเลขเบื้องต้นที่เงินทุนเหล่านั้นจะถูกอัดฉีดในบริษัทภูมิภาคเอเชีย โดยระบุเพียงว่าเอเชียเป็นพื้นที่ที่มีโอกาสสูงในการลงทุน เนื่องจากเป็นภูมิภาคที่มีจำนวนบริษัทผู้ผลิตพีซีมากที่สุด
นี่ไม่ใช่ครั้งแรกที่อินเทลตั้งกองทุนเพื่อสนับสนุนการพัฒนาสินค้าแพลตฟอร์มที่อินเทลต้องการโปรโมท ก่อนหน้านี้ Intel Capital เคยตั้งกองทุนเพื่อลงทุนในบริษัทที่พัฒนาเทคโนโลยีเฉพาะทางอย่าง Intel Digital Home Fund ซึ่งลงทุนในบริษัทที่พัฒนาเทคโนโลยีสินค้าเครื่องใช้ในบ้านแบบอัจฉริยะ และ Intel Communications Fund เพื่อลงทุนในบริษัทผู้พัฒนาเทคโนโลยีการสื่อสาร
อย่างไรก็ตาม การหนุนอัลตราบุ๊กของอินเทลนั้นถูกมองว่าเป็นผลจากแรงกดดันในตลาดพีซี ซึ่งเริ่มอยู่ในช่วงชะลอตัวเพราะกระแสอุปกรณ์อิเล็กทอรินกส์พกพาอย่างสมาร์ทโฟนและแท็บเล็ต โดยอินเทลซึ่งเป็นเบอร์หนึ่งในตลาดชิปคอมพิวเตอร์พีซีของโลก แต่เป็นรองในตลาดอุปกรณ์พกพาซึ่งเติบโตรวดเร็วแซงหน้าพีซี นั้นเพิ่งประกาศเมื่อเดือนก.ค.ที่ผ่านมาว่า ยอดจำหน่ายพีซีนั้นเติบโตพลาดเป้าที่อินเทลเคยตั้งไว้ ซึ่งนักวิเคราะห์ต่างเชื่อว่าแนวโน้มดังกล่าวจะเกิดขึ้นต่อเนื่องไปอีกหลายปี
Company Related Link :
Intel
ที่มา: manager.co.th