Author Topic: “วินิจ” ท้าจับ ถ้าขายแอลกอฮอล์ในงาน “คาราบาว” โวย ทำเพื่อสังคมแต่ต้องมาเจอแบบนี้  (Read 906 times)

0 Members and 1 Guest are viewing this topic.

Offline Nick

  • Administrator
  • Platinum Member
  • *
  • Posts: 46028
  • Karma: +1000/-0
  • Gender: Male
  • NickCS
    • http://www.facebook.com/nickcomputerservices
    • http://www.twitter.com/nickcomputer
    • Computer Chiangmai


“วินิจ เลิศรัตนชัย” บิ๊กบอสเฟรชแอร์ฯ ผู้จัดคอนเสิร์ต 30 ปี คาราบาว

“วินิจ” ผู้จัดฯ “30 ปี คาราบาว” แถลงตอกกลับ สธ.หลังคู่กรณีออกมาโวยผู้จัดจงใจโฆษณาและขายแอลกอฮอล์ในคอนเสิร์ต ถึงขั้นขู่จับติดคุก ยัน คุมเข้มแล้ว ขนาดเห็นสูบบุหรี่ในงานยังให้ รปภ.ปัดทิ้ง ท้าตรวจสอบถ้าผิดจริง จับได้เลย เผย “แอ๊ด” ตกใจ ตั้งแต่เกิดมาไม่เคยเจอเรื่องแบบนี้ โอด อีกฝ่ายมุ่งมั่นทำความดีรับใช้สังคมมาโดยตลอด เจออย่างนี้คงไม่กล้าเล่นดนตรีอีกแล้ว
       
       ตกเป็นข่าวมาหลายวัน กรณีที่กระทรวงสาธารณสุข ออกมาลงดาบคอนเสิร์ต “30 ปี คาราบาว” กรณีปล่อยให้มีการจำหน่าย และโฆษณาเครื่องดื่มแอลกอฮอล์ควบคู่กับการจัดคอนเสิร์ตคาราบาว ที่มีการจัดทัวร์ทั่วประเทศ โดยบางทัวร์จัดในสถานที่ราชการ ซึ่งผิดต่อกฎหมายพระราชบัญญัติติควบคุมแอลกอฮอล์ 2551 ถึงกับขู่จะเอาผิดถึงขั้นติดคุก
       
       ล่าสุด “วินิจ เลิศรัตนชัย” ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัท เฟรชแอร์ เฟสติวัล ในฐานะผู้จัดงาน ได้ตั้งโต๊ะแถลงข่าวชี้แจงเรื่องนี้ขึ้นที่ โรงแรมโกลเด้น ทิวลิป ซอฟเฟอริน ย่านพระรามเก้า โดยมี “นายวีระศักดิ์ อนุสนธิวงษ์” ทนายความส่วนตัว ร่วมในการแถลงข่าวด้วย โดยยืนยันว่า ไม่ได้จัดขายแอลกอฮอล์ในงาน แต่บริเวณรอบนอกงานที่จะมีบรรดาแม่ค้ามาขายนั้น เป็นสิ่งที่ตนควบคุมไม่ได้ เพราะไม่มีสิทธิ์
       
       “เป็นไปได้อยู่แล้วครับ เราป้องกันเรื่องของแอลกอฮอล์เป็นอย่างดีแล้ว แต่ก็ยังมีพ่อค้าแม่ค้าเอามาขายด้านนอก ส่วนในพื้นที่เรามีการบริหารจัดการอย่างเต็มที่อยู่แล้ว แต่การหลุดรอดมาจากร้านค้า จากรอบๆ งานแต่มาในพื้นที่เรา เราจะป้องกันอย่างเต็มความสามารถ โดยเฉพาะอย่างยิ่งบริเวณที่เข้าผ่านบัตรไปแล้วจะต้องโชว์บัตรทุกครั้ง แล้วเราก็มีมาตรการห้ามร้อยเปอร์เซ็นต์”
       
       “แม้กระทั่งหลุดเข้าไปได้ก็ยังมีจุดที่มีการตรวจอีก ทีมงานเราก็จะเชิญให้ออกเลย ไม่เชื่อฟังเราก็จะทำการยึดเลยครับ แต่สำหรับพ่อค้าแม่ขายที่อยู่บริเวณด้านนอก เราต้องเรียนด้วยความเคารพจริงๆ ว่า เราไม่สามารถจะไปห้ามเขา เพราะเราไม่มีสิทธิ์จะไปห้ามเขาได้แต่อย่างใด เราทำได้แค่เพียงป้องกันในเขตของเราให้ดีที่สุดเท่านั้นเอง”
       
       “ยืนยันว่า เราห้าม ทั้งมีป้าย ทั้งตรวจค้น ทั้งมี รปภ.เดินเอกซเรย์ตลอด ขนาดเขาเห็นคนดูดบุหรี่ รปภ.ยังมาปัดทิ้งเลย แต่มันก็ยังมีกรณีแอบลอดมาบ้าง เราเจอปุ๊บเราก็ยึดทันทีเลย พอเลิกงานก็ค่อยมาเอาคืน เราตรวจตราอย่างเข้มงวดมาตั้งแต่จังหวัดแรกแล้วครับ”
       
       “อย่างแรกเลย พอได้ยินชื่อว่า คอนเสิร์ตคาราบาว คนก็กลัวว่าจะมีปัญหากัน นี่เป็นอย่างแรกเลยที่เรานึกถึงว่าจะทำยังไงให้งานช้างร่วมฉลอง 30 ปีคาราบาวทุกอย่างเรียบร้อยราบรื่น และไม่มีเหตุ ซึ่งเราก็บริหารจัดการได้ดีอย่างร้อยเปอร์เซ็นต์ ทุกคนมีความสุขโดยที่ไม่มีเหตุอะไร จะไปบอกต่อคนที่จะมาชมในรอบต่อๆ ไปเอาเป็นว่าสบายใจได้เลยครับ บรรยากาศเป็นครอบครัวๆ มีเด็กๆ คุณลุงคุณป้ามาร่วมงานกันมากมาย”
       
       “แล้วที่ออกข่าวว่ามีป้ายคำว่าคลาสสิกเหมือนเป็นการสนับสนุนเครื่องดื่ม ผมเองก็มึนอยู่ครับ เพราะว่าบนเวทีผมไม่เคยมีคำว่าคลาสสิกครับ ผมไม่ทราบว่า ตอนที่เขาเห็นนั้นใส่แว่นตารึเปล่า โลโก้บนเวทีของผม คือ ช้างร่วมฉลองมหกรรมบนเวที 30 ปีคาราบาว แล้วมีสัญลักษณ์เครื่องดื่มตราช้าง ไม่ได้เป็นอย่างที่เขากล่าวหา เพราะถ้าเป็นอย่างนั้นว่าบนเวทีจริง ช่วยมาพิสูจน์เลย ไปดูเลยว่ามีจริงรึเปล่า”
       
       โวย แรงเกินไปกับการยัดเยียดคำว่า ขู่-คุก-จับ ซึ่งศิลปินอย่าง “แอ๊ด” ไม่เคยเจอมาตลอดชีวิต ก่อนจวกอย่างมีอารมณ์ ว่า ตลอดเวลาที่ผ่านมา แอ๊ดมีแต่สร้างประโยชน์ให้กับสังคม ตัดพ้อ เจออย่างนี้คงไม่กล้าเล่นดนตรีอีกแล้ว
       
       “กับข่าวที่เกิดขึ้น ตอนแรกๆ ยังขำๆ ครับ ตอนที่สองเริ่มงงๆ เริ่มจะขำไม่ออกแล้ว เพราะเริ่มหนักขึ้นเรื่อยๆ แรงขึ้นเรื่อยๆ ทั้งขู่บ้าง ทั้งจับบ้าง ทั้งคุกบ้าง คำนี้ไม่เคยเจอเลยตั้งแต่เกิดมาตลอดชีวิตนี้ (ชักสีหน้าเครียด) พี่แอ๊ดเล่นดนตรีมาตลอดชีวิตไม่เคยมีใครยื่นคำเหล่านี้มาให้เขา”
       
       “ต้องเรียนว่าใจเขาใจเรานะครับ ว่า ยืนยง โอภากุล จิตใจเขาอยู่กับมวลชน แล้วก็สร้างความสุขให้ประชาชนมาโดยตลอด เขาถือกีตาร์มาเล่นดนตรีเสร็จ เขาก็กลับ เขาไม่รู้ไม่เห็นเลยว่าข้างหน้าเกิดอะไรขึ้น เขาไม่รู้เลยว่าข้างหน้าทำอะไรกันอยู่ เขาเพียงแค่ทำหน้าที่บนเวทีให้ดี คนที่จะทำหน้าที่ตอบคำถามก็คือผม ที่เป็นคนบริหารจัดการรับผิดชอบทั้งงาน แล้วก็ไปแทบทุกงาน ยกเว้นพอมีข่าวเกิดขึ้นมาเราไม่สามารถไปไหนได้เลย”
       
       “ส่วนพี่แอ๊ดพอแกทราบข่าวแกก็ตกใจ และเสียใจ ผมคิดว่า ตลอดวิชาชีพของเขา เขามุ่งมั่นในการทำความดีรับใช้สังคมมาโดยตลอด โดยที่เขาไม่มีโอกาสพูดเลย เขาไม่มีโอกาสรู้เนื้อรู้ตัวเลยว่าทำอะไรกันอยู่ วันนึงถ้ามีกรณีนี้อีกเขาก็คงจะไม่กล้าเล่นดนตรีอีกแล้วมั้งครับ ไปเล่นที่ไหนแล้วหาว่าทำผิด แถมโดนแจ้งจับด้วย อย่างนี้่หรือที่เรียกว่าการให้ความยุติธรรมต่อศิลปิน พี่แอ๊ดเป็นศิลปินแห่งชาติในใจผมนะครับ”
       
       ยืนยัน ทางผู้จัดงานและสปอนเซอร์ทำตามกฎกติกาสังคมและกฎหมายอย่างเคร่งครัด แย้ม ยิ่งเกิดเรื่องยิ่งเพิ่มมาตรการตรวจสอบเข้มงวดขึ้น หวั่นมีบุคคลแปลกปลอมจากสินค้าคู่แข่งประสงค์ร้าย บอก ไม่หวั่นกรณีดังกล่าวส่งผลกระทบระยะยาว
       
       “สำหรับคู่กรณีที่บอกมีคลิปหลักฐานอยู่ ผมว่าคงต้องสอบถามไปยังคู่กรณีโดยตรง เพราะในส่วนของผู้จัดผมเตรียมกิจกรรมหลักไว้ 4 เรื่อง และได้เตรียมพื้นที่ไว้สำหรับสปอนเซอร์ทุกราย แล้วเราก็มีความเชื่อว่าสปอนเซอร์แต่ละรายปฎิบัติตามกฎเกณฑ์กติกาของสังคม และกฎหมายอย่างเคร่งครัด อะไรที่ยังไม่แน่ใจเราก็ตรวจสอบกันเอ็กซ์เรย์กันเป็นรายๆ ไป”
       
       “ที่ออกมาพูดวันนี้ ผมไม่ได้ออกมารับผิดนะครับ เพราะว่าเราไม่เคยทำผิด (เน้นเสียง) แล้วกิจกรรม 4 เรื่องนี้ อันได้แก่ กิจกรรมเฉลิมพระเกียรติกิจกรรม สปอนเซอร์ กิจกรรมเผยแพร่ราชประชานุเคราะห์ และกิจกรรมบนเวทีอีก ผมไม่กล้าที่จะคิดทำอะไรไม่ดีหรอก”
       
       “พอเกิดเรื่องนี่ขึ้นทางสปอนเซอร์เองเขาก็เพิ่มมาตรการความเข้มงวดตรวจสอบให้มากขึ้นเพราะอาจจะมีการแปลกปลอมสอดแทรกมาจากไหนก็เป็นได้ใครจะไปรู้ เพราะการแข่งขันในตลาดกันเข้มข้นอยู่แล้ว พอมันมีกรณีแบบนี้เกิดขึ้นจึงจำเป็นต้องตรวจสอบให้ชัดว่าที่มาที่ไปเป็นไง ผิดก็ว่าไปตามกติกา ถูกก็ว่าไปตามกติกา แต่นี่ยังไม่มีอะไรมาตัดสินเลย ก็บอกว่าผิดไปหมดแล้ว มันดูจะโหดร้ายเกินไปนะครับผมว่า”
       
       “เรื่องผลกระทบผมไม่กลัว เรายังยืนยันว่า เรายังใช้มาตรการที่เข้มข้น และเป็นมาตรฐานเดียวกับทุกที่ ไม่ว่าจะเป็นรปภ.เรามี หรือแม้กระทั่งห้องครัวเคลื่อนที่ของเรา ห้องนอน ห้องน้ำเคลื่อนที่ เรามีหมดทุกอย่าง ยังอยู่ในมาตรฐาน ผลกระทบเราไม่เคยกลัว เรามีเจตนาบริสุทธิ์กับเรื่องนี้อยู่แล้วครับ”
       
       “ยืนยันตรงนี้ครับว่าเราจะยังเดินหน้าทำสิ่งที่ถูกต้องต่อไป สมมติถ้าเล่นคอนเสิร์ตพรุ่งนี้ แล้วผมทำผิดก็ลุยผมได้เลย เรื่องพวกนี้มันตรวจสอบได้อยู่แล้ว ทุกจังหวัดในงานคอนเสิร์ตมีสื่อมวลชน 60-70 คน นั่งอยู่กับผมหมดเลยลองไปสอบถามผู้สื่อข่าวท้องถิ่นดูสิครับ ว่าเขามีความสุขยังไง คิดว่าเขาคงจะตอบแทนผมได้ดี”
       
       ส่วนที่ถูกมองว่า รูปแบบงานที่ออกมา ไม่ต่างจากเป็นกิจกรรมส่งเสริมการขายไปในตัว เจ้าตัวก็เคลียร์ทันควันว่า…
       
       “กรณีกิจกรรมการส่งเสริมการขาย ผมว่าอยู่ที่บางพื้นที่มากกว่า บางที่วางกฎเกณฑ์ กติกาได้ เราก็ว่ากันตามเหมาะสม แต่การส่งเสริมการขายในที่นี้ไม่ใช่ว่าขายเบียร์ ขายเหล้านะครับ แต่เป็นกิจกรรมส่งเสริมการตลาด มีกิจกรรมเล่นเกม การทำให้รู้จักคอร์เปอร์เรทในแต่ละที่ที่แตกต่างกันออกไป มอเตอร์ไซค์ก็รณรงค์เมาไม่ขับ ทุกคนก็ลงกิจกรรมทางการตลาดของแต่ละที่อยู่แล้ว”
       
       เผย ตั้งแต่มีข่าวออกมาทางกระทรวงสาธารณสุขยังไม่ส่งใครมาเจรจา อยู่ๆ ก็มีจดหมายส่งมาให้ไปรายงานตัวเลย
       
       “ตั้งแต่วันที่ทราบข่าวจนถึงวันนี้ ก็ยังไม่มีใครมาเคลียร์กับผมเลยครับ มีแต่จดหมายมาถึงก็ตู้มมาเลยว่าให้ไปรายงานตัว แถมยังลงข่าวก่อนจดหมายมารายงานตัวด้วย ถ้าเป็นลูกหลาน เป็นคุณพ่อคุณแม่ของคุณทำประโยชน์ให้กับสังคมมาโดยตลอดแล้วมาเจออย่างนี้ ผมว่ามันเสียกำลังใจนะ ถ้าวันนึงนายวินิจต้องติดคุก ผมฝากคิดต่อแล้วกัน ว่าลูกหลานเราจะอยู่กันยังไง”
       
       “ผมอยากจะฝากบอกทั้งองค์คณะ ว่า กฎหมายบ้านเมืองเป็นเรื่องดี กฎหมายถูกเขียนโดยเจตนารมณ์เพื่อให้สังคมอยู่ร่วมกันอย่างมีความสุข และกฎหมายให้โอกาสคนพิสูจน์ตัวเองว่าถูกหรือผิด แต่อย่าตั้งตัวเป็นศาลเตี้ยเองที่ตัดสินคนแท่นว่าผิดเพราะถ้าคิดอย่างนั้น แล้วเราจะมีกฎหมายไว้ทำไม กฎหมายทุกฉบับในโลกนี้ถ้อยทีถ้อยอาศัย ต้องปราม ห้าม ถ้าผิด ตักเตือนได้ แต่ถ้ายังไม่ทันทำผิดแล้วมาตัดสินว่าผิดโอ้โห้...ยิ่งกว่าคนออกกฎหมายอีก ฉะนั้น ผมขอกลับไปถามคนพูดบ้าง ว่าทำไมคิดอย่างนั้นๆ”
       
       ด้านทนายความเผย ไม่คิดฟ้องกลับ แต่ต้องการพิสูจน์ว่าฝั่งผู้จัดงานไม่ผิด ย้ำ ผู้จัดมีมาตรการชัดเจนห้ามจำหน่ายแอลกอฮอล์บริเวณงาน
       
       “ณ ตอนนี้ทางผู้จัดคาราบาวและสปอนเซอร์ เราไม่มีความคิดว่าถ้าเราไม่ผิดแล้ว เราจะไม่ดำเนินคดีอะไรต่อ เราคิดเพียงแต่ว่าเราจะดำเนินการอย่างไรเมื่อเราไปรับทราบข้อกล่าวหาแล้ว เราจะต่อสู้คดีอย่างไรเพื่อพิสูจน์ว่าเราไม่ได้ทำความผิด ต้องบอกว่าตรงนี้เป็นกฎหมายใหม่ ท่านก็ยังไม่ได้มีการกำหนดบรรทัดฐานเอาไว้ เป็นเพียงแค่ดุลพินิจของเจ้าพนักงาน ผมอยากเรียกร้องขอความเป็นธรรมเท่านั้นเอง ว่าให้ศาลพิจารณาเป็นบรรทัดฐานออกมา แล้วตรงนั้นเราค่อยมาพูดกัน”
       
       “ต้องกราบเรียนอย่างนี้ครับ ว่า วัตถุประสงค์ของการจัดงานโดยผู้จัดคาราบาวและสปอนเซอร์ เรามีวัตถุประสงค์แค่เพียงว่าบริเวณจัดคอนเสิร์ตนั้นห้ามจัดจำหน่าย แล้วก็ห้ามนำวัตถุแอลกอฮอล์ หรือวัตถุผิดกฎหมายเข้ามาบริเวณที่จัดคอนเสิร์ต”


ที่มา: manager.co.th


 
Share this topic...
In a forum
(BBCode)
In a site/blog
(HTML)