ละครเรื่องล่าสุดของ KBS อย่าง "Daughters of Club Bilitis" ได้กลายมาเป็นที่วิพากษ์วิจารณ์อย่างมากในเกาหลีใต้ขณะนี้ เนื่องจากเป็นละครที่มีเนื้อหาหญิงรักหญิงซึ่งเป็นเรื่องที่รับได้ยากในสังคมแดนโสม
เมื่อวันที่ 7 ส.ค. ที่ผ่านมา ละครเกี่ยวกับเลสเบี้ยนเรื่องแรกของเกาหลีอย่าง Daughters of Club Bilitis ได้ออกอากาศเป็นครั้งแรกทางสถานี KBS โดยมีเนื้อหาเกี่ยวกับเรื่องราวชีวิตของคน 3 คู่ด้วยกันเป็นความสัมพันธ์แบบเลสเบี้ยนของคนในหลากหลายวัย
โดยละครเรื่องนี้เผยให้เห็นถึงชีวิตคู่รักเลสเบี้ยนวัย 50 ปีอย่าง ชอยรันและชอยฮยางจา, สาวทำงานวัย 30 ปีอย่าง ฮันโกอึนและโอเซจอง รวมทั้งคู่รักมัธยมอย่าง จินเซยอนและอานจีฮุน
กระแสวิพากษ์วิจารณ์เรื่องนี้เกิดขึ้นนับตั้งแต่ที่ KBS ได้หยิบเรื่องราวดังกล่าวมาทำเป็นละคร แม้ว่าจะได้รับการยืนยันว่าเป็นการออกอากาศในช่วงเวลาเที่ยงคืนเป็นต้นไปก็ตาม แต่ก็ยังคงมีความเห็นขัดแย้งจากหลายๆฝ่ายออกมาถึงละครเกี่ยวกับเลสเบี้ยนรักร่วมเพศเรื่องนี้ ซึ่งทางKBS ได้รับผิดชอบด้วยการจัดเรทให้ละครเรื่องนี้เหมาะกับคนที่มีอายุตั้งแต่ 19 ปีขึ้นไป
อย่างไรก็ตามคำวิจารณ์จากนักวิจารณ์ถึงละครเรื่องนี้ค่อนข้างเป็นไปในทางที่ดีโดยระบุว่า"เป็นการลงรายละเอียดเกี่ยวกับข้อมูลของสังคม LGBT (เลสเบี้ยน, เกย์, พวกที่ชอบทั้งสองเพศ และ พวกที่แปลงเพศ ) บรรยายให้เห็นภาพชัดๆของความเจ็บปวดและอุปสรรคต่างๆที่พวกเขาต้องเผชิญ"
แต่ในส่วนของผู้ชมบางส่วนต่างก็รับไม่ได้ ซึ่งมีกระแสไม่พอใจก่อนที่ละครเรื่องดังกล่าวจะออกอากาศเสียอีก ซึ่งทันทีที่ออกอากาศชาวเน็ตที่ไม่พอใจต่างส่งข้อความแสดงความไม่เห็นด้วยไปยังสถานีโทรทัศน์เป็นจำนวนมาก โดยความเห็นที่ส่งไปเมื่อวันที่ 8 ส.ค. ที่ผ่านมามีใจความว่า
"KBS ต้องตื่นจากภาพลวงตาได้แล้ว", "นี่มันเป็นอิทธิพลทางลบแก่เด็กและเยาวชน" และ "ละครเรื่องนี้เป็นอาชญากรรมต่อต้านความเป็นมนุษย์"
อย่างไรก็ตามก็ยังคงมีผู้ชมบางส่วนที่เห็นด้วยกับละครเรื่องดังกล่าวโดยใช้สังคมออนไลน์ของพวกเขาเองกล่าวชื่นชมละครเรื่องนี้โดยระบุว่า "การแสดง, การกำกับ และเนื้อเรื่องต่างก็มีคุณภาพมากๆ" และ "นับเป็นความพยายามที่กล้าหาญมากจริงๆ"
ทางด้านตัวแทนของวงการโทรทัศน์ได้ออกมาระบุถึงกระแสที่เกิดขึ้นเกี่ยวกับเรื่องนี้ว่า "มีคนประเภท LGBT อยู่รายล้อมพวกเราเป็นจำนวนมาก แค่เพราะว่าละครเรื่องนี้เป็นเรื่องราวของ LGBT ก็ไม่ได้หมายความว่ามันมีเจตนาจงใจที่จะกระตุ้นให้พวกเขาเป็นแบบนั้น ยังไงผู้คนก็ยังคงต้องรับชมผ่านเลนส์ เพราะว่า KBS เป็นสถานีเครือข่ายสาธารณะ แต่พวกเขาก็ยังคงขัดขวางการออกอากาศเพียงเพราะเนื้อหาในเรื่อง เราหวังเพียงว่าผู้ชมจะรับชมละครในแบบที่มันเป็น ละครก็คือละคร"
ที่มา: manager.co.th
