“แม่เก้า จิรายุ” เผยแนะให้ลูกพกถุงยางอนามัยติดตัวจริง แต่ไม่ได้ให้พกแล้วใช้เลยในตอนนี้ แค่เผื่อไว้ในอนาคต เพราะไม่เคยส่งเสริมลูกให้มีเพศสัมพันธ์ก่อนวัยอันควร แต่บอกสังคมสมัยนี้เปลี่ยนไป ก็ควรให้ป้องกันทั้งตัวเองและผู้หญิงด้วย เพื่อไม่ให้เกิดข้อผิดพลาดในอนาคต ด้าน “เก้า” เผยแม่ไม่เคยมาจู้จี้ห้ามเรื่องคบสาว เพราะไม่อย่างนั้นคงไม่ให้พกถุงยางอย่างนี้
เรียกว่ายิ่งโตยิ่งฉายแววหล่อขึ้นทุกวัน สำหรับดาราวัยรุ่นอย่าง “เก้า จิรายุ ละอองมณี” ทั้งที่วัยเพิ่งเข้า 15 ปีเต็มเท่านั้น แต่ตอนนี้กลายเป็นหนุ่มหล่อที่สาวน้อยสาวใหญ่ค่อนประเทศหมายปองไปซะแล้ว ก็เลยมีข่าวว่าคุณแม่ “ก้อย วีรนุช” ทั้งหวงทั้งห่วงลูกชายสุดที่รักคนนี้มาก ถึงกับต้องให้พกถุงยางอนามัยติดตัวกันเลยทีเดียว ซึ่งพอมีข่าวอย่างนี้ออกมาเลยกลายเป็นเสียงวิพากษ์วิจารณ์อย่างมากว่าเหมาะสมแล้วหรือไม่ที่จะให้วัยรุ่นอายุแค่นี้พกถุงยางซะแล้ว
แต่ล่าสุด “แม่ก้อย” พร้อมลูกชาย “น้องเก้า” ก็ออกมาเปิดใจถึงเรื่องนี้ว่าตนไม่ได้ส่งเสริมให้ลูกตนมีเพศสัมพันธ์ก่อนวัยอันควรแต่อย่างใด แต่แค่ให้พกไว้ป้องกันการผิดพลาดในอนาคตเท่านั้น และก็ยังไม่ได้ให้ใช้ในเวลาอันใกล้นี้ด้วย
แม่ก้อย : “ที่บอกว่าให้น้องพกถุงยาง ไม่ได้หมายถึงให้พกตอนนี้ค่ะ ประเด็นคือมีคนถามว่ามีวิธีดูแลเลี้ยงดูลูกวัยรุ่นยังไง แม่ก็บอกว่าเมื่อถึงเวลาที่เขาโตพอแล้ว แล้วถึงตอนที่เขาจะต้องมีเวลาที่ไปเที่ยวกับเพื่อนหรือว่าอื่นๆ แม่ก็คงจะต้องแนะนำให้เขาพกถุงยาง ประเด็นมันอยู่ตรงนี้ เพราะแม่เชื่อว่าคนเป็นผู้ชายจะต้องมีความรับผิดชอบ ถ้าเกิดเราไม่มีความรับผิดชอบแล้วปัญหาที่มันเกิดอยู่นี่มันเกิดเพราะว่าผู้ชายไม่มีความรับผิดชอบ”
“แต่แม่ไม่ได้ส่งเสริมให้ลูกมีเพศสัมพันธ์ก่อนวัยอันควรนะ เพราะบอกเขาเสมอว่าอย่าไปทำอะไรผู้หญิง แต่เราก็ต้องยอมรับว่าสังคมปัจจุบันนี้จะมีผู้ชายกี่คนที่ได้แต่งงานกับผู้หญิงคนแรกในชีวิต แล้วมีเด็กผู้หญิงกี่คนที่ได้แต่งงานกับผู้ชายคนแรกในชีวิตเหมือนกัน แม่มองในมุมของคนรุ่นใหม่มากกว่า จริงๆ แล้วสังคมนี้เราต้องยอมรับจริงๆ ว่าเราเป็นคนไทย เรารักนวลสงวนตัว แต่เราต้องสอนให้ลูกปกป้องตัวเอง เพราะว่าสังคมมันน่ากลัว ถ้าเราไม่ยอมรับว่าสังคมมันเปลี่ยนไปแล้ว เราจะตามลูกไม่ทัน แล้วพอเกิดปัญหาขึ้นเราก็ต้องตามไปแก้ ทำไมเราไม่ป้องกัน”
เก้า : “ผมรู้สึกว่าแม่ห่วงในฐานะที่แม่ปกติทั่วไปเขาก็ทำกัน ไม่ว่าแม่คนไหนก็คงไม่อยากมานั่งแก้ปัญหาให้ลูกที่พลาดไปแล้ว ก็คงอยากให้ลูกป้องกันไว้ก่อนเท่าที่จะทำได้ แต่แม่ไม่ได้มาจู้จี้อะไรผมนะครับ คือถึงเวลาก็อย่างที่แม่บอกว่าถ้าเราจะมีก็มี ไม่งั้นก็คงไม่บอกให้ผมพกถุงยางหรอกครับ เพราะเขารู้ว่าพกไปถ้าเราเลี่ยงไม่ได้หรืออะไรก็ตามก็เท่ากับว่าเป็นการป้องกันทั้งตัวเราเองด้วย แล้วก็คนที่เราไปมีเพศสัมพันธ์ด้วยในอนาคต”
“ถามว่ามันถือเป็นแรงกระตุ้นให้อยากไปเที่ยวไหม ไม่หรอกครับ ผมว่าเรื่องนั้นคงเป็นส่วนตัวแล้วล่ะ ผมว่าด้วยฮอร์โมนของคน ไม่ว่าเราจะพกหรือไม่พกถุงยางเมื่อถึงเวลาถ้ามันจะมีเราสามารถมีได้โดยที่เราป้องกันเซฟอนาคตตัวเราเองไว้แล้ว แต่ก็มีคนถามเยอะครับ แต่ผมว่ามันเป็นเรื่องปกติ อย่างที่แม่บอกว่าไม่ได้ส่งเสริมให้ไปมีเพศสัมพันธ์ แค่เราป้องกันตัวเองไว้ก่อน ไม่เห็นจะเป็นอะไรเลยครับ”
แม่ก้อย : “ให้พกเพื่อป้องกัน ไม่ใช่ให้พกไว้ใช้ คือถึงแม้ว่าตอนนี้เขาจะมีชื่อเสียงเราก็ยังดูแลเขาเหมือนเดิม หน้าที่หลักคือเรียนหนังสือ จริงๆ แล้วแม่รู้สึกขอบคุณลูกมากๆ ที่เขาต้องเสียสละเวลาบางส่วนที่จริงๆ แล้วขณะนี้เขาน่าจะได้เล่นบาสฯอยู่กับเพื่อนที่โรงเรียน แต่ว่าเขาต้องมาทำงาน บางครั้งแม่ต้องไปเอาเวลาเขามา ตรงนี้คือสิ่งที่เราต้องแชร์กัน”
ที่มา: manager.co.th
