Author Topic: เปาวลี พรพิมล นักร้องบ้านนอกคนนี้ จะกล่อมน้องพี่และแฟนเพลง...  (Read 1949 times)

0 Members and 1 Guest are viewing this topic.

Offline Nick

  • Administrator
  • Platinum Member
  • *
  • Posts: 46028
  • Karma: +1000/-0
  • Gender: Male
  • NickCS
    • http://www.facebook.com/nickcomputerservices
    • http://www.twitter.com/nickcomputer
    • Computer Chiangmai


เป็นที่ทราบกันดีว่า พุ่มพวง ดวงจันทร์ คือราชินีลูกทุ่งหนึ่งเดียวของเมืองไทย ที่นอกจากจะโด่งดังถึงขนาดที่ใครๆ ก็ร้องเพลงของเธอได้แล้ว เส้นทางชีวิตของเธอก็ยังโลดโผนและเข้มข้นราวกับนวนิยายชั้นดี
       
       จึงไม่น่าแปลกใจเลย ที่จะมีคนหยิบจับเอาประวัติชีวิตของเธอมาสร้างเป็นภาพยนตร์
       
       และนั่นก็ทำให้ชื่อของ 'เปาวลี พรพิมล' นางเอกของภาพยนตร์เรื่องนี้เป็นที่รู้จักมากขึ้น ในฐานะ 'เงาของพุ่มพวง' เพราะไม่ใช่เพียงแต่หน้าตาเท่านั้นที่ละม้ายคล้ายคลึง หากแต่เสียงของเธอก็มีความใกล้เคียงกับเสียงของราชินีลูกทุ่งอยู่ไม่น้อย
       
       เปาวลี พรพิมลนั้น เป็นชื่อที่ใช้ในวงการแสดง หากแต่ชื่อเสียงเรียงนามแท้ๆ ของสาวสุพรรณวัย 19 ปีคนนี้ก็คือ 'พรพิมล เฟื่องฟุ้ง'
       
       อันที่จริงชีวิตของเธอก็ไม่ได้ต่างไปจากชีวิตของพุ่มพวง ดวงจันทร์สักเท่าไหร่นัก โดยเฉพาะเรื่องของความใฝ่ฝัน เพราะเปาวลีมีความคิดอยากเป็นนักร้องมาตั้งแต่เด็ก และเดินหน้าทำความฝันของตนเองให้เป็นจริงโดยไม่ย่อท้อ
       
       กว่าจะมาถึงจุดนี้ เปาวลี ได้ผ่านการเดินสายประกวดร้องเพลงลูกทุ่ง ทั้งเวทีเล็กๆ ตามงานวัด และเวทีใหญ่ๆ ระดับประเทศไม่ต่ำกว่า 800 เวที และถ้าหากนับรวมการไปรับจ้างร้องเพลงตามงานประจำปีของวัดต่างๆ เข้าไปด้วย ก็ต้องบอกว่าเธอผ่านการจับไมค์ร้องเพลงมาแล้วกว่า 1,000 ครั้ง!!
       
       และหลังจากเสร็จสิ้นภารกิจเรื่องภาพยนตร์แล้ว เธอก็จะมุ่งหน้าทำงานเพลงของตัวเองตามที่ตั้งใจไว้ ผลงานเพลงที่เกิดจากประสบการณ์ของนักล่ารางวัลที่เริ่มร้องเพลงมาตั้งแต่เริ่มจำความได้
       
       วันนี้จะย้อนไปพูดคุยกันถึงเส้นทางที่เธอเดินผ่านมา กว่าจะมาเป็นเปาวลีในวันนี้
       
       บทสนทนาเริ่มต้นขึ้น ด้วยน้ำเสียงเหน่อๆ แบบสุพรรณแท้ๆ
       
       ยังจำเวทีแรกที่เราขึ้นไปร้องเพลงได้ไหม
       จำได้ค่ะ งานนั้นเป็นงานโอทอปหน้าอำเถอด่านช้าง ตอนนั้น 9 ขวบเอง แต่ทั้งพ่อแม่และคุณครูเขาก็อยากให้เราไปลองดู เพราะเราชอบร้องเพลงอยู่แล้ว วันนั้นคนไปเชียร์กันทั้งตลาดเลย ตอนแรกๆ ที่ร้องประกวดนี่ตื่นเต้นมาก กลืนน้ำลายตลอด กินลมเยอะ ทำให้สะอึกทุกทีเลย แม่เห็นว่าไม่ไหวแล้ว แม่เลยสมัครเข้าประกวดเป็นเพื่อนเสียเลย แต่คนละรุ่นกัน ได้ที่สองกลับมาทั้งคู่เลย
       

       นั่นเป็นจุดเริ่มต้นของการเป็นนักล่ารางวัล ว่าแต่เดินสายประกวดร้องเพลงนี่มันยังมีอยู่อีกหรือ
       ตอนนี้ก็ยังมีอยู่นะ แต่มันไม่ได้รับความนิยมเหมือนกับสมัยก่อน ในการประกวดเวทีย่อยๆ รางวัลที่เขาให้ก็จะเป็นพวกแป้งทาตัว รางวัลใหญ่หน่อยก็จะเป็นจักรยาน หม้อหุงข้าว เป็นพวกของใช้
       
       ที่ผ่านมาก็ได้หม้อหุงข้าวกับจักรยานมาเยอะมาก (หัวเราะ) การประกวดก็จะมีมาเป็นช่วงๆ บางช่วงก็แทบทุกวัน คือจะมีคนมาบอกที่บ้านว่าวัดนั้นวัดโน้นมีงาน
       
       ที่ผ่านมาเคยไปประกวดไกลๆ บ้าน
       มีนะ ถ้าต่างจังหวัด บ่อยๆ หน่อยก็ที่เมืองกาญจน์ ที่ไกลหน่อยก็ที่กำแพงเพชร บางทีก็ไม่คุ้มกับค่ารถหรอก แต่พ่อจะพาไปเสมอ เพราะอยากให้ลูกได้ประสบการณ์ บางทีไปประกวดไกลๆ เขาให้เข้ารอบไว้ก่อน แล้วค่อยมาประกวดจริงอีกวันนึง ก็ไปกลับตลอด
       
       เป็นนักล่ารางวัลอยู่นานไหม
       ก็ตระเวนร้องเพลงอยู่เก้าปี แล้วก็ได้มาเซ็นสัญญาตอนอายุสิบแปด แต่ทั้งนี้เราไม่ได้ร้องประกวดอย่างเดียวนะ มีงานรับจ้างร้องเพลงให้cdjวงลูกทุ่งต่างๆ ด้วย คือเขาเอ็นดูเราเขาก็จ้างเราไป ส่วนมากจะเป็นงานใหญ่ๆ เช่น พวกงานประจำปีที่จัดกันห้าวันติด เพราะเราเรียนไปด้วย เวลาเขาหางานให้เขาก็จะหางานที่คุ้มหน่อยให้เรา
       
       นอกจากเวทีทั่วไปตามงานวัด มีโอกาสเข้ามาประกวดเวทีระดับประเทศ
       ครั้งแรกเลยก็ตอน ม.หนึ่ง เป็นการประกวดชิงถ้วยพระราชทานของสมเด็จพระเทพฯ ที่ช่องสิบเอ็ด ได้เป็นแชมป์รอบสัปดาห์ ภูมิใจมาก เพราะเป็นการประกวดกับคนทั้งประเทศ จากนั้นก็มาประกวดที่รายการชิงช้าสวรรค์ ช่วงเสียงดีมีค่าเทอม ตอนนั้นอยู่ ม.สี่ ก็ได้รางวัลมา
       
       นับตั้งแต่ได้รางวัลระดับประเทศมา ก็ตั้งใจจะร้องเพลงเป็นอาชีพ
       ไม่นะ ตั้งใจมาก่อนหน้านั้นนานแล้ว ตั้งแต่ป.หนึ่ง จำได้ว่าครูถามว่าอยากเป็นอะไร เราก็ตอบว่าอยากเป็นนักร้อง
       
       ที่ผ่านมา หัดร้องเองมาตลอด เคยเรียนร้องเพลงไหม
       เมื่อก่อนไม่เคยเลย เพราะเด็กที่สุพรรณไม่มีโอกาสมากเท่าเด็กในเมือง อย่างมากก็หัดร้องคาราโอเกะเอา และก็มีครูที่โรงเรียนให้คำแนะนำบ้าง แต่ตอนนี้เราได้เรียนแล้วนะ ทำให้รู้อะไรเพิ่มขึ้นมาก มันแตกต่างจากการร้องโดยไม่รู้เทคนิค
       
       เส้นทางของเปาวลีกับการเป็นนักร้องอาชีพออกอัลบั้มเป็นอย่างไร
       ตอนนั้นที่บ้านเพิ่งติดเคเบิล เราก็ได้รู้ข่าวการประกวดรายการคว้าไมค์คว้าแชมป์ ของช่องแฟนทีวี ซึ่งเป็นช่องของแกรมมี่โกลด์ ตอนประกวดเขาจะมีหกซีซัน แล้วก็เอาคนชนะทั้งหกคนมาประกวดกันอีก โดยการออกคอนเสิร์ตกับพวกพี่ๆ แกรมมี่โกลด์ พอรู้ข่าวเราก็ตัดสินใจไปประกวดเลย ก็ได้แชมป์ซีซันแล้วได้เข้าไปประกวดรอบสุดท้าย
       
       เวทีประกวดครั้งนี้ แตกต่างกับเวทีประกวดทั่วไป
       แตกต่างมาก เพราะตอนเด็กๆ ที่เดินทางไปประกวดตามเวทีต่างๆ เรายังไม่รู้ทิศทางของตัวเอง ไม่รู้ว่าอยากจะทำอะไร แต่กับเวทีนี้ รู้ว่าเราทำไปเพื่ออะไร ถ้าชนะ ก็จะเข้าใกล้เป้าหมายของตัวเองมากขึ้น นอกจากเรื่องร้องเพลงแล้ว เวทีนี้ยังฝึกเรื่องการให้สัมภาษณ์ออกทีวีด้วย ซึ่งตอนแรกที่มานี่เรายังพูดเยื้องอยู่เลย
       
       พูดเยื้องคืออะไร
       คือเสียงเราเหน่อไง การพูดเยื้องคือการพยายามดัดเสียงให้สำเนียงออกมาเป็นภาษากลาง ซึ่งนั่นทำให้เราเกร็งเข้าไปใหญ่เลย แต่หลังๆ พี่หลายๆ คนเขาบอกว่าให้เราเป็นตัวของตัวเองจะดีกว่า หลังจากนั้นเราก็มั่นใจที่จะพูดสำเนียงของเราเองเลย
       
       ได้ข่าวว่าวันประกวดรอบชิงชนะเลิศนี่ตรงกับการสอบเอนทรานซ์พอดี
       ใช่ๆ มันเป็นเรื่องที่ยิ่งใหญ่สำหรับเด็กอย่างเรามากที่จะต้องตัดสินใจ เครียดมาก ใจนึงก็อยากไปสอบ อีกใจก็อยากไปทำตามความฝัน สุดท้ายก็ไปประกวดและทำได้อย่างตั้งใจ วันที่ประกวดนั้น เวทีอยู่ที่นวนครนะ แต่คนจากตลาดบ้านเราตามมาเชียร์กันเป็นรถบัสเลย ทั้งนี้เพราะเทศบาลชาวตลาดและทางโรงเรียนช่วยกันออกค่าใช้จ่ายเหมารถกันมา
       
       จากนั้นชีวิตก็เปลี่ยนไปเลยใช่ไหม
       หลังจากประกวดได้แชมป์ เราก็รออยู่สองเดือนกว่านะ เพราะเขาไม่ได้บอกเราว่าถ้าชนะจะได้เป็นนักร้อง เขาบอกแต่ว่าจะมีรางวัลให้เป็นรถกระบะคันหนึ่ง
       
       ไม่ใช่จักรยานแล้ว
       (หัวเราะ) ไม่ใช่แล้ว เวทีนี้เป็นรถกระบะ

       
       ตอนนี้ใครๆ ก็รู้จักเปาวลีในฐานะของนางเอกหนังเรื่องพุ่มพวง ทีนี้ถ้าถึงเวลาที่เราจะทำผลงานของตัว คิดว่าจะหลีกหนีจากความเป็นเงาของพุ่มพวงได้ไหม
       หลายๆ คนเขาก็สงสัยนะว่าถ้าเราทำงานของตัวเองออกมา จะหลีกพ้นเงาของแม่ผึ้งได้หรือไม่ ต้องร้องเพลงแนวพุ่มพวงหรือไม่ อย่างแรกเลยคือเราก็ดีใจนะที่คนจำเราได้ในลุคของพุ่มพวง ดวงจันทร์ แต่พอจบหนังเรื่องนี้แล้วก็อยากจะให้ทุกคนเห็นตัวเราที่อยู่ในรูปแบบจริงๆ ของตัวเองมากกว่า
       
       เราอยากเป็นนักร้องมาตั้งแต่เด็ก และเหมือนกับว่าทุกสิ่งทุกอย่างที่มีโอกาสได้ทำ มันปูทางมาให้เปาวลีเดินทางมาถึงจุดนี้
       มันต้องขอบคุณโอกาสที่เข้ามาเรื่อยๆ ซึ่งมันทำให้เรามีประสบการณ์สะสมมาจนถึงวันนี้ ได้เรียนรู้ได้ทดลอง คือแม่จะบอกเสมอว่า โอกาสที่ดีมันไม่ได้มีมาง่ายๆ และบ่อยๆ ถ้ามันมา ก็ต้องคว้าไว้และทำมันให้เต็มที่ ได้ไม่ได้ก็ไม่เป็นไร แต่จริงๆ แล้วก็มีหลายครั้งที่ต้องผิดหวัง หลายเวทีเลยที่ทำเต็มที่แล้ว มั่นใจว่าต้องได้แน่นๆ แต่สุดท้ายก็ไม่แม้แต่จะได้เข้ารอบแรก มีบ่อยด้วย (หัวเราะ)
       >>>>>>>>>>
       ……….
       เรื่อง : เอกชาติ ใจเพชร
       ภาพ : วรวิทย์ พานิชนันท์

ที่มา: manager.co.th


 
Share this topic...
In a forum
(BBCode)
In a site/blog
(HTML)