Author Topic: สาวงาม มิสไทยแลนด์ฯ อิ่มบุญ มอบของช่วยเหยื่อสึนามิ “น้องแอปเปิ้ล” ฝันตั้งมูลนิธิช่วยจริง  (Read 888 times)

0 Members and 1 Guest are viewing this topic.

Offline Nick

  • Administrator
  • Platinum Member
  • *
  • Posts: 46028
  • Karma: +1000/-0
  • Gender: Male
  • NickCS
    • http://www.facebook.com/nickcomputerservices
    • http://www.twitter.com/nickcomputer
    • Computer Chiangmai


สาวงามเดินทางไปยังอนุสรณ์สถานสึนามิ เพื่อไว้อาลัยแด่ผู้สูญเสียจากเหตุการณ์สึนามิเมื่อปี 2547


สาวงามผู้เข้าประกวด “มิสไทยแลนด์เวิลด์ 2011” ยิ้มสู้! เก็บตัวทำกิจกรรมวันที่2 ที่พังงา เจอทั้งแดดทั้งฝนแต่ยังอึด เดินสายมอบอุปกรณ์การเรียนและกีฬา รวมถึงซ่อมแซมโรงเรียนที่โดนสึนามิถล่มเองกับมือ ด้าน “น้องแอปเปิ้ล” หมายเลข 2 น้ำตาไหลสงสารน้องๆ ที่ต้องกำพร้าพ่อ-แม่ เผย หวังใช้เวทีนี้สานฝันทำมูลนิธิช่วยเด็กด้อยโอกาสให้เป็นจริง
       
       เข้าเก็บตัวเป็นวันที่ 2 กันแล้ว สำหรับ 30 สาวงามผู้ผ่านเข้ารอบสุดท้าย “มิสไทยแลนด์เวิลด์ 2011” ที่ จ.พังงา ซึ่งในวันนี้(22 ก.ค.) สาวงามทั้งหมดได้เดินทางไปยังอนุสรณ์สถานสึนามิ เพื่อไว้อาลัยแด่ผู้สูญเสียจากเหตุการณ์สึนามิเมื่อปี 2547 ซึ่งมีนักเรียนระดับชั้นประมัธยมศึกษาปีที่ 3 จากโรงเรียนบ้านน้ำเค็ม จำนวน 6 คน เป็นไกด์คอยให้ข้อมูลบอกเล่าเหตุการณ์อย่างครบถ้วน สร้างความประทับใจแก่สาวงามไม่น้อย ก่อนจะเดินทางต่อไปยังโรงเรียนบ้านน้ำเค็ม อ.ตะกั่วป่า ซึ่งเป็นโรงเรียนที่โดนสึนามิถล่ม ทำให้มีเด็กกำพร้ากว่า 10 คน และเป็นเหตุให้ครูและนักเรียนที่นี่ยังคงหวาดผวาจนถึงทุกวันนี้ โดยทางกองประกวดได้มอบสมุดหนังสือ ที่สาวงามทั้ง 30 คนเตรียมมา โดยมี คุณทวิช จิตร์ประสานต์ ผู้อำนวยการโรงเรียนให้การต้อนรับ ก่อนที่สาวงามทั้งหมดจะร่วมทำกิจกรรมกับน้องๆ นักเรียนชั้นอนุบาล 1-2 อาทิ เล่านิทาน วาดรูป เต้นประกอบเพลงอย่างสนุกสาน
       
       จากนั้นสาวงามทั้งหมดเดินทางไปยัง โรงเรียนบ้านนายสี อ.ตะกั่วป่า มี คุณรณรงค์ คำเพชร ผู้อำนวยการโรงเรียนให้การต้อนรับ และพานำเยี่ยมชมโรงเรียน โดยกองประกวดฯ กำหนดให้สาวงามแบ่งออกเป็นกลุ่มๆ ละ 10 คน ได้แก่ กลุ่มปฏิบัติภารกิจขึงหลังคาเรือนเพาะชำเกษตร กลุ่มปฏิบัติภารกิจปลูกผักหวาน และกลุ่มปฏิบัติภารกิจทาสีอาคารเรียน ก่อนมาเรียนรู้วิธีทำตับจาก สำหรับมุงหลังคากับผู้สูงอายุในหมู่บ้าน งานนี้สาวงามแต่ละคนต่างลงแรงช่วงกัน อย่างขะมักเขม้น จนภารกิจสำเร็จลุล่วงไปด้วยดี
       
       ก่อนจะปิดท้ายที่โรงเรียนราชประชา ซึ่งนอกจากคณะสาวงามจะนำอุปกรณ์การเรียนกีฬาไปมอบให้กับมือแล้ว ยังได้ร่วมเล่นกิจกรรมนันทนาการกับน้องๆ กิจกรรมในวันนี้ก็เลยจบลงด้วยความสุขและอิ่มบุญกันไปถ้วนหน้า สอบถามความรู้สึกที่ได้เป็นส่วนหนึ่งของการแบ่งปันในครั้งนี้ไปยัง “แอปเปิ้ล ปิ่นอนงค์ โพธิ์สุภาพ” ผู้เข้าประกวดหมายเลข 2 ก็ทำเอาเจ้าตัวถึงกับน้ำตาไหล สะเทือนใจที่เห็นเด็กบางคนต้องกลายเป็นเด็กกำพร้า ทำให้ขาดโอกาสทางสังคมหลายๆ อย่างเนื่องจากขาดพ่อแม่มาคอยผลักดัน ซึ่ง “แอปเปิ้ล” ยังเผยด้วยว่า หนึ่งเหตุผลสำคัญที่ตัดสินใจเดินเข้ามาประกวดเวทีนี้ก็เพราะอยากสานฝันทำมูลนิธิช่วยเหลือเด็กด้อยโอกาสอย่างตนที่เคยตั้งใจไว้
       
       “เป็นความใฝ่ฝันของเปิ้ลตั้งแต่เด็กๆ เห็นนางงามยืนใส่มงกุฎเปิ้ลก็คิดว่าวันนึงเปิ้ลจะไปยืนจุดนั้น แต่พอวันนึงคุณพ่อคุณแม่แยกทางกัน แล้วลูกทั้ง 3 คนก็มาอยู่กับคุณแม่หมดเลย แล้วแม่หนูค่อนข้างลำบาก ตอนนั้นคือแม่มีอาชีพขายอาหารรถเข็น หนูก็เลยคิดว่าความฝันที่จะประกวดนางงามคงเป็นไปไม่ได้แล้ว เพราะตอนนั้นคุณแม่บอกว่าถ้าเปิ้ลเรียนไม่เก่งอยากให้ลาออกจากโรงเรียนมาช่วยทำงานมากกว่า เพราะส่งลูก 3 คนไม่ไหว แต่ถ้าเรียนเก่งถึงจะให้เรียนต่อ ซึ่งตอนนั้นเปิ้ลเรียนไม่เก่งเลย ความรู้สึกที่ไม่มีเงินเรียนมันเป็นความรู้สึกที่แย่มากจริงๆ(ร้องไห้)”
       
       “แต่ด้วยความที่เราอยากเรียนมากก็เลยขยันตั้งใจเรียนให้ตัวเองได้เกรดดีๆ หลังจากนั้นจากที่หนูสอบได้ที่ 18 ก็ได้ที่ 1 มาตลอด แล้วเปิ้ลก็สอบได้ทุนตลอด ได้ทุนทุกปี แล้วตอนนั้นเปิ้ลก็เล่นดนตรีไทยหาเงินไปด้วย หาเงินได้เดือนละ 6 พันบาทตั้งแต่อยู่ม.1 แล้ว ก็ทำงานส่งตัวเองเรียนและเก็บเงินอีกส่วนนึงให้คุณแม่ หลังจากนั้นก็มีโอกาสไปประกวดมิสทัวริซึ่ม อินเตอร์เนชันแนลควีน 2009 ที่ประเทศจีน แล้วเปิ้ลสามารถคว้าชุดประจำชาติยอดเยี่ยมมาได้ และเข้ารอบ 20 คน จาก 120 ประเทศ ตอนนั้นเปิ้ลลงสายสะพายภูเก็ต ตั้งแต่นั้นมาทำให้เปิ้ลได้ทำงานมากขึ้น ดูแลตัวเองได้ดีขึ้น”
       
       “พอเห็นน้องๆ ที่บ้านน้ำเค็ม ทำให้เปิ้ลมองย้อนกลับไปว่าสิ่งที่น้องๆ เจอมันเหมือนเราตอนเด็กๆ ที่เป็นคนด้วยโอกาส ต้องดิ้นรนเองกว่าจะลืมตาอ้าปากได้ ก็เลยเข้าใจน้องๆ มากอย่างบางคนต้องสูญเสียพ่อ เห็นแล้วเราสะเทือนใจ เพราะเราเองก็เคยร้องไห้บ่อยมากตอนที่ไม่ได้อยู่กับพ่อ เพราะมันทำให้เราสูญเสียโอกาสหลาอย่าง อย่างเรื่องเรียน เปิ้ลอยากเรียนเพราะถ้าเราเรียนจบปริญญาตรี ข้อแรกมันเราให้เราเลี้ยงดูตัวเองได้ ข้อที่สองเรามีงานทำที่ดีแน่นอน ข้อสามเราสามารถเลี้ยงแม่ได้ แต่พอเรามาเห็นน้องๆ เราก็มีความรู้สึกนึงขึ้นมาว่า เฮ้ย ถ้าน้องๆ ท้อ ไม่มีกำลังใจ และไม่มีโอกาสล่ะ เปิ้ลก็เลยอยากให้น้องๆ สู้ชีวิต เราสามารถสร้างโอกาสให้ตัวเองได้ ขอแค่มีกำลังใจ”
       
       “วันนี้เปิ้ลก็ตั้งใจเอากระปุกออมสินของตัวเองมาให้น้องๆ กระปุกอันนี้เปิ้ลใช้มาประมาณ 5 ปี พอเก็บได้ทุกๆ 6 เดือนเปิ้ลก็จะแคะกระปุกเอาเงินเก็บไปฝากธนาคาร ทำแบบนี้มาตลอด แต่ครั้งนี้เปิ้ลอยากมอบให้น้องๆ เป็นแรงบันดาลใจ ในนั้นมีเงินให้น้องประมาณครึ่งกระปุก เปิ้ลอยากให้ออมสินใบนั้นเป็นเหมือนโอกาส แต่ที่ไม่ได้ใส่เงินเต็มเพราะเปิ้ลคิดว่าถ้าเรามัวแต่รอให้ทุกคนเข้ามาช่วยเหลืออย่างเดียว โอกาสนั้นจะไม่มีวันเป็นจริงได้ ถ้าเราไม่ขวนขวายที่จะทำ เปิ้ลก็เลยอยากจะเปรียบเทียบเงินในกระปุกนี้ว่า เป็นแค่โอกาสส่วนนึงที่นานๆ ทีเราเอามาให้น้องๆ ไม่มีใครสามารถเอามาให้ทุกวัน แต่กระปุกส่วนที่ยังไม่เต็มให้น้องๆ เติมให้มันเต็มด้วยตัวเอง ซึ่งเปิ้ลแล้วแต่ทางโรงเรียนว่าจะมอบให้ใคร ให้อาจารย์เลือกตามความเหมาะสม”
       
       “การได้เข้ารอบในครั้งนี้เปิ้ลดีใจมากๆ แต่การมาประกวดครั้งนี้เปิ้ลไม่ได้หวังอยากดัง ไม่ได้อยากได้เงินได้ทอง เพราะเปิ้ลรู้สึกว่าเงินทองมันไม่ได้สำคัญเท่าการได้ให้โอกาส เพราะเปิ้ลมีความคิดว่าอยากทำมูลนิธิเกี่ยวกับการศึกษาของเด็กไทยอยู่แล้ว พอได้เข้ามาประกวดเวทีนี้เปิ้ลก็เลยอยากทำมูลนิธิมิสไทยแลนด์เวิลด์ เพื่อการศึกษาของเด็กไทย ทำจริงๆ เป็นตัวแทนเป็นตัวตั้งต้นทำทุกอย่าง”
       
       “ซึ่งรายได้ที่มาเปิ้ลไม่อยากมานั่งเรี่ยไรจากเพื่อนๆ นางงาม หรือไปเรี่ยไรจากคนอื่น เพราะเปิ้ลก็เกรงใจค่ะ แล้วเราก็เข้าใจด้วยว่าถ้าจะขอบ่อยๆ ก็คงไม่ดี ด้วยความที่เปิ้ลทำพิธีกรอยู่ที่เคเบิ้ลทีวีอยู่แล้ว เปิ้ลก็อยากจะทำครีมขึ้นมาซักตัวนึงเพราะเปิ้ลมีความรู้เรื่องนี้อยู่แล้ว และเปิ้ลเองก็ทำกับพี่ที่รู้จักกันอยู่แล้ว ซึ่งถ้าเราทำรายได้ต่อเดือนกำไรมันสามารถหาได้ประมาณ 4-5 แสนอยู่แล้ว คิดไว้ว่าอยากจะตั้งชื่อเป็นครีมนางงาม คนจะได้จำง่าย แล้วเราจะหักแค่ต้นทุน ทุนนี่เปิ้ลก็จะช่วยกันกับเพื่อนออกกันเองก่อน ส่วนกำไรทั้งหมด 100 เปอร์เซ็นต์จะมอบให้น้องๆ หมดเลย คิดว่าเราสามารถหารายได้มาให้น้องๆ จากธุรกิจของเราได้ ซึ่งปีนึงก็น่าจะหาเงินให้น้องๆ ได้ประมาณ 5 ล้าน แล้วเราสามารถกระจายความช่วยเหลือไปทั่วประเทศเลย เน้นเด็กกำพร้า เด็กยากจน เด็กด้อยโอกาส”
       
       “ความคิดนี้มันมีมาตั้งแต่เปิ้ลยังเด็ก ตั้งแต่เปิ้ลไม่มีข้าวกิน เพราะตอนนั้นรู้สึกว่าทำไมไม่มีใครมาให้โอกาสฉันเลย มันทำให้เปิ้ลตั้งใจว่าถ้าวันนึงเปิ้ลมีเงิน ถ้าเปิ้ลมีโอกาสเปิ้ลจะทำเพื่อเด็กๆ(ร้องไห้) เพราะคิดว่าเด็กเหล่านี้ต้องการโอกาสมากที่สุด”
       
       “การได้เข้ารอบครั้งนี้เปิ้ลนอกจากเราจะได้ประสบการณ์แล้ว ยังจะทำให้เปิ้ลทำเรื่องนี้ให้เป็นจริงขึ้นมาได้ เพราะถ้าเราเป็นคนธรรมดา การที่เราจะโปรโมทคนก็จะไม่ค่อยให้ความสนใจ แต่ถ้าได้ตำแหน่งใดตำแหน่งหนึ่งแล้วมาช่วยกันโปรโมทมันจะสำเร็จง่ายกว่า ถึงเปิ้ลไม่ได้ตำแหน่งเปิ้ลก็จะชวนเพื่อนๆ มาทำ อย่างแรกเลยเปิ้ลจะไปพูดกับคนที่ได้ตำแหน่ง ขอความร่วมมือเขา ถ้าเห็นด้วยก็จะเป็นสิ่งที่ดีมากๆ หรือถ้าไม่เห็นด้วยเปิ้ลก็จะไปชวนเพื่อนที่เข้ารอบคนอื่นๆ จริงๆ เปิ้ลอยากจะคุยกับทางผู้ใหญ่ด้วยว่าอยากจะชวนมิสไทยแลนด์เวิลด์ทุกๆ ปีมารวมตัวกันช่วยเด็กๆ หลังจากการประกวดเสร็จสิ้นแล้วแต่เราก็ยังมีโครงการไปช่วยคนอื่นในนามเวทีของเรา”
       
       “ถึงเปิ้ลไม่ได้ตำแหน่งในเวทีนี้เปิ้ลก็ไม่ไปประกวดเวทีอื่นแล้วค่ะ เวทีนี้เป็นเวทีสุดท้ายแล้ว คิดว่าพอแล้วเพราะเวทีนี้ก็เป็นเวทีที่ใหญ่ที่สุดแล้ว ปีนี้ถึงได้ไม่ได้ก็จะไม่เสียใจ เพราะอย่างที่บอกอย่างน้อยๆ เรามีหนทางที่จะสานฝันที่จะช่วยน้องๆ ตามที่ตั้งใจ เปิ้ลแค่คุยกับพี่ทีมงานบางคน แต่เปิ้ลยังไม่กล้าคุยกับพี่ณวัฒน์(อิสรไกรศีล)เพราะเปิ้ลกลัวพี่ๆ เขามองว่าเฟคหรือเปล่า อยากได้ตำแหน่งหรือเปล่า เปิ้ลก็เลยรอให้การตัดสินผ่านไปก่อนค่อยเข้าไปคุย จะได้แฟร์ๆ”
       
       เมื่อถามถึงเป้าหมายสูงสุดของการประกวดในครั้งนี้คืออะไร เจ้าตัวก็ตอบตรงๆ ว่าคือ มงกุฎมิสไทยแลนด์เวิลด์ แต่ก็แอบเผื่อใจหากไม่ได้ก็จะไม่เสียใจ ก่อนจะย้ำน้ำเสียงหนักแน่นว่าต้องการทำมูลนิธิช่วยเด็กจริงๆ
       “เป้าหมายสูงสุดของการประกวดเปิ้ลก็อยากเป็นมิสไทยแลนด์เวิลด์ อย่างที่บอกเปิ้ลไม่ได้อยากได้เงิน เปิ้ลไม่ได้อยากได้ชื่อเสียง แต่เปิ้ลอยากสานฝันมูลนิธิจริงๆ แล้วเปิ้ลอยากเป็นตัวแทนไปประกวดมิสเวิลด์ การประกวดครั้งนี้เปิ้ลไม่กดดันนะคะ เปิ้ลวางตัวสบายๆ เพราะเปิ้ลเชื่อเหลือเกินว่าเวทีนี้ไม่มีเส้น เชื่อในพี่ณวัฒน์ว่าเวทีนี้ไม่ได้ล็อค และพี่เขาคงเห็นจุดเด่นในตัวของแต่ละบุคคล และเปิ้ลก็เชื่อเหลือเกินว่าเพื่อนๆ ทุกคนมีข้อดีของตัวเอง แต่ขึ้นอยู่กับว่าข้อดีของใครจะเข้าตาคณะกรรมการมากที่สุดเท่านั้นเอง ถ้าเปิ้ลไม่ได้ก็ไม่เสียใจค่ะ แต่อยากช่วยเหลือเด็กจริงๆ ก็เลยมาเวทีนี้ค่ะ”


“น้องแอปเปิ้ล” หมายเลข 2 น้ำตาไหลสงสารน้องๆ ที่ต้องกำพร้าพ่อ-แม่ หวังใช้เวทีนี้สานฝันทำมูลนิธิช่วยเด็กด้อยโอกาสให้เป็นจริง   

ที่มา: manager.co.th


 
Share this topic...
In a forum
(BBCode)
In a site/blog
(HTML)