“หลิว” โต้เป็นช่วยเป็นกามเทพแผลศรให้ “ริต้า” กับ “ขันเงิน” บอกทั้ง 2 คนรู้จักกันมานานแล้ว ส่วนความสัมพันธ์เจ้าตัวโบ้ยไปถามทั้งคู่เองจะดีที่สุด เผย ยกให้ทั้งคู่เป็นพ่อและแม่ทูนหัวให้กับ “แฟรี่” ลูกสาวของตนบอกถ้าเกิดเป็นอะไรขึ้นมาเชื่อทั้งคู่จะดูแลลูกแทนได้
หลังจากที่เก็บเงียบความสัมพันธ์มานานแต่สุดท้ายก็เริ่มเปิดปากความสัมพันธ์มาทีละน้อย สำหรับนางเอกสาว“ริต้า ศรีริต้า เจนเซ่น” และนักร้องหนุ่ม “ขันเงิน เนื้อนวล” ที่ว่ากันว่าคนที่ช่วยเป็นแม่สื่อแม่ชักให้ 2 คนนี้คบกันได้ก็คือเพื่อนซี้สาว “หลิว มนัสวี กฤตยานุกูลย์” แต่งานนี้สาวหลิวก็ปฏิเสธว่าไม่ได้เป็นแม่สื่อให้ทั้งคู่แต่อย่างใด โบ้ยให้ไปถามกันเอาเอง อีกทั้งขันเงินและริต้ายังเป็นพ่อทูนหัวและแม่ทูนหัวให้ “น้องแฟรี่” ลูกสาวของตนอีกด้วย
“ริต้ากับพี่ขันเขารู้จักกันมานานมากแล้ว เรื่องความสัมพันธ์ของเขาให้ไปถามกันเอง หลิวไม่อยากตอบ หลิวเป็นเพื่อนกับริต้ามา 10 กว่าปีแล้ว กับวิกกี้ (สุนิสา เจ็ทท์) เวลาไปไหนเราก็ไปด้วยกันเพราะพี่ขันเองเขาก็เป็นพี่พ่อทูนหัวแฟรี่ เป็นคนที่หลิวรักมากเป็นพี่ชายที่น่ารักที่สุด ริต้าเองเขาก็เป็นแม่ทูนหัวเหมือนกัน พี่ชาย(ชาตโยดม หิรัณยัษฐิติ)กับวิกกี้เอง ก็เป็นพ่อทูนหัวแม่ทูนหัวแฟรี่เหมือนกัน พี่ขันกับพี่ชายเขาดูแล เป็นห่วงเป็นใยหลิวตลอดเวลาตั้งแต่แฟรี่อยู่ในท้อง เขามีความผูกพันกับลูกหลิวมาก เพราะว่าเราสนิทกันมานานแล้ว”
“ตอนที่ท้องก็จะมีเพื่อนๆคอยดูแล ความผูกพันระหว่างเพื่อนหลิวกับแฟรี่ก็มีมาก เขาก็เลยมาเป็นพ่อทูนหัวแม่ทูนหัวให้ แฟรี่พ่อทูนหัวแม่ทูนหัวเยอะมาก สมมติถ้าเกิดอะไรขึ้นกับหลิวเขาก็พร้อมที่จะดูแลแฟรี่ถ้ามีอะไรเกิดขึ้นกับหลิว หรือเมื่อไม่มีหลิวอยู่แล้ว เขาเป็นคนที่เราไว้ใจว่าสามารถเลี้ยงดูลูกเราให้เป็นบุคลากรที่ดีในสังคมไทยได้ เขาเข้ามาช่วยดูแลลูกเยอะมากจนไม่รู้จะตอบแทนยังไง ทุกคนใครมีเวลาว่างก็จะแวะมาหาแฟรี่ไม่ก็พาแฟรี่ออกมาเที่ยวข้างนอก”
เผยยังไม่คิดวางแผนในอนาคตไว้สำหรับลูก เพียงแค่มองหาโรงเรียนที่เหมาะสม แต่จะอย่างไรก็ขอแค่ให้เป็นคนดีพอ
“ตอนนี้หลิวไม่ได้วางแผนอะไรไว้สำหรับอนาคตแฟรี่ หลิวยังไม่ทราบจริงๆ ตอนนี้ก็กำลังมองหาโรงเรียนไว้สำหรับเขา ตอนนี้ก็มีโรงเรียนทางเลือกหลายโรงเรียนที่มอง แต่จะว่าไปหลิวก็มาคิดๆว่าเรียนโรงเรียนอะไรก็ได้ขอแค่ให้เขาเป็นคนดีในสังคมแล้วให้เขาเลือกทางเลือกที่เขาชอบเอง คงไม่ไปบังคับว่าเขาต้องเรียนอย่างนี้นะ ให้เขาเลือกได้อิสระว่าเขาอยากจะเรียนอะไร ตอนแรกเขาอาจจะยังไม่รู้ เราเป็นแม่ก็คงต้องมีหน้าที่ป้อนให้เขาไปก่อน ถ้าชอบก็เรียนต่อ ถ้าไม่ชอบก็หยุด แต่แฟรี่เขาชอบเต้นมาตั้งแต่เด็กๆ แล้วค่ะ เขาจะได้ยินเสียงเพลงตั้งแต่เขาอยู่ในท้องแล้ว”
ที่มา: manager.co.th