มีรายงานว่า “ซาวาดะ ไทจิ” อดีตสมาชิกวงร็อค X Japan ได้เสียชีวิตลงแล้ว และอาจจะเป็นการเสียชีวิตจากการฆ่าตัวตาย ภายหลังเขาถูกเจ้าหน้าที่ควบคุมตัว จากเหตุการณ์ที่ศิลปินร็อคคนดังก่อเรื่องมีพฤติกรรมรุนแรง รบกวนการทำงานของเจ้าหน้าที่บนเที่ยวบินซึ่งเดินทางไปยังไซปัน เมื่อวันที่ 11 ก.ค. ที่ผ่านมา
เจ้าหน้าที่สถานกงสุลญี่ปุ่นในไซปันเป็นผู้รายงานถึงข่าวที่เกิดขึ้น พร้อมเปิดเผยว่า ไทจิ วัย 45 ปี ได้พยายามฆ่าตัวตาย โดยแขวนคอด้วยผ้าปูที่นอนในห้องจองจำ ระหว่างเขาถูกควบคุมตัวในช่วงเย็นของวันที่ 14 ก.ค. ต่อมาแม้เขาจะถูกนำตัวส่งโรงพยาบาลโดยหน่วยรักษาพยาบาลผู้ป่วยขั้นวิกฤต ร็อคเกอร์ชื่อดังจากแดนปลาดิบก็ยังไม่ได้สติ จนกระทั่งล่าสุดสื่ออย่าง Nikkan Sports, Yomiuri และ Sponichi ได้ยืนยันการเสียชีวิตของเขาแล้วในวันที่ 17 ก.ค. ที่ผ่านมา คล้อยหลังวันเกิดปีที่ 45 ปี เมื่อวันที่ 12 ก.ค. ไปเพียงไม่กี่วันเท่านั้น
โดยสื่อท้องถิ่นในไซปันรายงานถึงเหตุการณ์ครั้งนี้ที่เกิดขึ้นตั้งแต่วันที่ 11 ก.ค. ว่ามีจุดเริ่มต้นจากเหตุถกเถียงระหว่าง ไทจิ กับผู้โดยสารหญิงในเที่ยวบินไปไซปันรายหนึ่ง โดยยังไม่มีคำยืนยันว่าทั้งสองได้เกิดเหตุทะเลาะถกเถียงกันในเรื่องอะไรกันแน่ แต่หลังจากนั้น ไทจิ เริ่มแสดงอาการอารมณ์เสียอย่างหนัก และแสดงพฤติกรรมความรุนแรงออกมาระหว่างการเดินทาง ทั้งชกไปที่กระจกของเครื่องบิน และเตะเก้าอี้เบาะโดยสารที่อยู่ด้านหน้า นอกจากนั้นยังมีรายงานว่า ไทจิ ยังเตะลูกเรือหญิงรายหนึ่ง ที่พยายามหยุดยั้งการกระทำของเขาด้วย
หลังเกิดเรื่อง ไทจิ จึงได้ถูกควบคุมตัวโดยทันทีระหว่างการเดินทาง และถูกเจ้าหน้าที่จับกุมตัวเมื่อเครื่องบินลงจอดที่ไซปัน จนในช่วงบ่ายของวันที่ 13 ก.ค. ศิลปินเพลงร็อคชาวญี่ปุ่นจึงถูกนำตัวไปขึ้นศาลเพื่อไต้สวนเป็นครั้งแรก และกำหนดขึ้นศาลครั้งที่ 2 ก็คือในช่วงเช้าของวันที่ 15 ก.ค. ที่ผ่านมานั่นเอง แต่สุดท้ายกลับเกิดเรื่องไม่คาดฝันขึ้น จนต้องมีการเลื่อนนัดดังกล่าว และไทจิก็มาเสียชีวิตไปในที่สุด
ไทจิ ซาวาดะ เกิดที่อิจิคาว่าในจิบะเมื่อวันที่ 12 ก.ค. 1966 เขาได้ตัดสินใจเลิกเรียนเมื่ออายุได้ 16 ปี เพื่อมุ่งสู่เส้นทางสายดนตรี โดยก่อตั้งวงร็อค Trash ขึ้นกับเพื่อน ๆ และเปลี่ยนจากการเล่นกีตาร์ในช่วงเริ่มต้น ไปเล่นเบสในเวลาต่อมา
หลังจากนั้นเขายังมีส่วนร่วมในวงดนตรีอีกหลายวง แต่ความสำเร็จที่แท้จริงเกิดขึ้น เมื่อไทจิเข้าร่วมเป็นสมาชิกในตำแหน่งมือเบสของ X ในปี 1986 จนร่วมสร้างชื่อเสียงขึ้นมาด้วยกันกับสมาชิกคนอื่น และกลายเป็นวงร็อคที่ยิ่งใหญ่ที่สุดวงหนึ่งของประเทศญี่ปุ่นจนถึงปัจจุบัน
แต่แล้วระหว่างมีชื่อเสียงมากมาย เขากลับตัดสินใจออกจากวงไปในปี 1992 โดยมีการให้เหตุผลในตอนนั้นว่าเป็นเรื่องของรสนิยมทางดนตรีที่แตกต่างกัน แต่ ไทจิ เปิดเผยในหนังสือชีวประวัติส่วนตัวในเวลาต่อมา ว่าเขาต้องออกจากวง เพราะเกิดเรื่องถกเถียงกับ โยชิกิ ผู้นำวงเรื่องรายได้ส่วนแบ่งของ โยชิกิ ที่ดูเหมือนว่าจะแตกต่างกับสมาชิกอื่นมากเกินไป
โดยตลอดเกือบ 20 ปีที่ผ่านมาเขาเคยเป็นสมาชิกของวงร็อคแถวหน้ามามากมายไม่ว่าจะเป็น Paula, DEMENTIA, DeadWire, D.T.R, Cloud Nine, OTOKAZE รวมถึงเคยร่วมเล่นดนตรีกับวงร็อคระดับตำนานแห่งแดนอาทิตย์อุทัยอย่าง Loudness อยู่ช่วงหนึ่งด้วย
“ตอนที่ผมออกจาก X อากิระ ทากาซากิ (มือกีตาร์และผู้ก่อตั้ง Loudness) ชวนผมไปร่วมวงด้วย ซึ่งผมรู้สึกอึ้งไปเลยเพราะ Loudness คือวงหมายเลขหนึ่งตลอดกาลของผม ถ้าจะให้เหตุผลที่ผมต้องออกจาก Loudness ก็คงต้องเขียนออกเป็นเล่มเลย เวลากับประสบการณ์ที่ผมได้จาก Loudness เป็นสิ่งเหลือเชื่อ เป็นสิ่งที่ไม่สามารถอธิบายออกมาเป็นคำพูดได้เลย ถึงวันนี้ผมยังได้อะไรมากมายจากสิ่งที่เรียนรู้จากพวกเขาอยู่เลย ทั้งในทุกแง่ของชีวิตด้วย อยากจะขอบคุณพวกเขาจากก้นบึ้งของหัวใจเลย” ไทจิ กล่าวถึงวง Loudness
จนกระทั่งเมื่อวันที่ 14 ส.ค. 2010 ไทจิ จึงได้โอกาสกลับมาร่วมเล่นดนตรีกับ X Japan อีกครั้งในฐานะแขกรับเชิญของคอนเสิร์ตที่ นิสสัน สเตเดียม รวมทั้งหมด 2 รอบ แม้ก่อนหน้านั้นเขาจะให้สัมภาษณ์ยอมรับว่าไม่ค่อยได้ติดต่อกับสมาชิกคนอื่น ๆ ของวงแล้ว และไม่ได้คิดถึงเรื่องกลับมาเป็นสมาชิกของ X อีกเลยก็ตาม
ไทจิ เป็นสมาชิกของ X Japan อยู่ 6 ปี มีส่วนในผลงานสุดคลาสสิกอย่าง Vanishing Vision, Blue Blood และ Jealousy เขายังได้รับการยกย่องจากสมาชิกคนอื่นของวง ว่าเป็นผู้มีทักษะทางดนตรีระดับยอดเยี่ยมที่สุด โดยเฉพาะ ฮิเดะ มือกีตาร์ของวง X เองยังเคยกล่าวว่า เทคนิคทางกีตาร์ของ ไทจิ ยังยอดเยี่ยมกว่าของเขาเสียอีก
โดย ไทจิ นับเป็น X Japan คนที่สองแล้วที่ต้องจากไปก่อนวัยอันควร ภายหลังมือกีตาร์ของวงอย่าง ฮิเดะ ได้เสียชีวิตไปเมื่อวันที่ 2 พ.ค. 1998 กับการแขวนคอตัวเอง ด้วยผ้าเช็ดตัวกับลูกบิดประตู โดยทางตำรวจได้สรุปว่าเป็นการฆ่าตัวตาย แต่แฟนเพลงบางส่วนยังไม่ปักใจเชื่อว่า ฮิเดะ จะคิดสั้นฆ่าตัวตาย แต่อาจเป็นเรื่องของอุบัติเหตุ
ที่มา: manager.co.th