"ต้อย แอ็คเน่อร์"สู้ตาย คดีลวนลามนักศึกษาฝึกงาน ศาลนัดฟังคำสั่ง17มี.ค. นี้ บก.ชื่อดังยันตนบริสุทธิ์ ฟุ้งมีหลักฐานทุกอย่างพร้อมสู้ในชั้นศาล เผยยังไม่เคยไกล่เกลี่ยกับคู่กรณี ส่วนจะฟ้องกลับหรือไม่ต้องปล่อยตามกระบวนการ
ความคืบหน้าคดีนาย "เกรียงศักดิ์ สกุลชัย" หรือ "ต้อย แอ็คเน่อร์" เจ้าของหนังสือพิมพ์บันเทิงมายาแชนแนล ผู้ต้องหาคดีกระทำอนาจาร น.ส.เพชรคัมภรณ์ งามช่อชัยพฤกษ์ หรือโอ๋ นักศึกษาปี 4 คณะนิเทศศาสตร์ มหาวิทยาลัยศรีปทุม นักศึกษาฝึกงาน ล่าสุดวันนี้ (16ก.พ.) เมื่อเวลา 11.00 น. ร.ต.ท.สันติ ผิวทองคำ พนักงานสอบสวน สน.สุทธิสาร ได้นำตัวนายเกรียงศักดิ์ พร้อมสำนวนการสอบสวนซึ่งมีความเห็นสมควรสั่งฟ้อง เดินทางไปที่สำนักงานอัยการสูงสุด ถ.รัชดาภิเษก เพื่อส่งมอบให้อัยการพิเศษฝ่ายคดีอาญา 4 เพื่อพิจารณาสั่งคดี โดยอัยการนัดฟังคำสั่งคดีในเวลา 10.00 น.วันที่ 17 มีนาคมนี้
"ต้อย แอ็คเน่อร์" เดินทางมายังศาลอาญารัชดาภิเษก พร้อมทนาย ยังคงให้สัมภาษณ์ด้วยอาการมั่นใจว่าตนบริสทุธิ์ และเผยว่ายังไม่มีการพูดคุยไกล่เกลี่ยกับฝ่ายนักศึกษาสาวแต่อย่างใด
"เราต้องสู้ครับเพราะจริงๆ เราก็สู่กระบวนการยุติธรรมแล้ว และที่ผ่านมาเราก็เคลียร์กับตำรวจเรียบร้อยแล้ว แล้วตำรวจเขาก็ส่งมาที่อัยการ และหน้าที่ของตำรวจก็คือหาหลักฐานและพยาน เพราะกระบวนการยุติธรรมก็ต้องการหลักฐานและพยานอยู่แล้วแต่ไกล่เกลี่ยยังไม่ได้คุยเลย เพราะผมก็ไม่ได้มีปัญหาอยู่แล้ว และไม่ได้ติดใจเอาความอะไรกับเขา ผมไม่มีปัญหาอยู่แล้ว แล้วให้อภัยอยู่แล้วระหว่างนี้ก็ไม่ได้พูดคุยกันเลย เพราะผมก็ยุ่งๆ อยู่ แต่ยังไงผมก็ต้องมีอะไรเตรียมไว้อยู่แล้วครับ"
"จะรู้ผลประมาณเดือนหน้าเขาคงจะแจ้งมา อีกทีว่าจะยังไง แต่ไม่น่าจะมีปัญหาอะไรเพราะจริงๆ ก็อยากให้มายังกระบวนการยุติธรรมนี้นานแล้ว เพราะว่ากว่าจะมาถึง มันต้องมีพยานมีการให้ปากคำ และก็ต้องคุยกับตำรวจคนละครั้ง ไม่รู้สักทีว่าใครถูกใครผิด"
"ถามผมมั่นใจ เพราะว่าผมไม่ได้ทำอะไรผิด ก็แล้วแต่ด้วย เพราะของอย่างนี้มันก็ต้อง ขึ้นอยู่กับพยานและหลักฐานด้วย แต่ผมก็มั่นใจว่าผมไม่ผิด เราก็หาพยานหลักฐานของเรามาว่ามีอะไรบ้าง"
ส่วนพยานหลักฐานนั้น ฝ่ายบก.ชื่อดังบอกมั่นใจมาตลอดว่าตนบริสุทธิ์ ส่วนจะฟ้องกลับหรือไม่ต้องรอขั้นตอนในศาลเสียก่อน
"เรื่องพยาน หลักฐานก็คงต้องสู้ไปตามกระบวนการ หลักฐานก็มีอยุ๋ที่ทนายครับ แต่ยังไงมันก็ต้องสู้กันอยู่แล้วครับถ้าเกิดเรื่องพ้นจากตำรวจ มันก็ไม่มีอะไรแล้ว เพราะตอนนี้ก็คือเอาคนที่อยู่ในวังวนนั้นมาให้ปากคำก็แค่นั้นเองพอเสร็จจากตำรวจเรียบร้อย เค้าก็นำเข้ามาสู่กระบวนการยุติธรรม สู่อัยการ อัยการก็จะเป็นตัวแทนตำรวจ ในการที่จะดูว่า หลักฐานที่มีอยู่มันเพียงพอหรือเปล่า แล้วมันเป็นอย่างไรบ้าง เรารอให้ถึงวันนี้เพราะเราต้องการที่จะชี้แจง เพราะอยู่ตรงนี้ผมไม่มีโอกาสที่ได้ชี้แจง ผมไม่รู้จะพูดยังไงได้ เพราะว่าเวลาผมพูดออกไปกลายเป็นลบ ผมก็ไม่รู้ว่าจะทำยังไงได้
"ตัวเองก็บริสุทธิ์สิครับ ไม่ได้ทำอะไรเลยบางที่ชื่อเสียงมันออกไปเราเสียหาย เพราะก็คิดว่าพอออกไปแล้ว คนไม่รู้จักเรา อาจไม่รู้ อาจจะเข้าใจว่า ต้อยแอ็คเนอร์คงจะไปทำแบบนั้นแบบนี้ เพราะฉะนั้นคนที่รู้จักผม ก็รู้ว่าไม่มีทางเป็นไปได้อยู่แล้ว
"ส่วนฟ้องกลับมั้ย ก็คิดเหมือนกันแต่ เดี๋ยวรอให้มันจบเป็นขั้นตอนดีกว่าครับ"
ยอมรับเสียใจกับเหตุการณ์ดังกล่าวอาจทำให้คนที่อ่านข่าวเข้าใจตนผิดไปบ้าง แต่เชื่อหากใครรู้จักตนจริง จะรู้ว่าไม่ทำเรื่องเสื่อมเสียแน่นอน
"ผลกระทบเรื่องแบบนี้มันต้องส่งผลอยู่แล้วแหละ แต่ว่าคราวนี้มันไม่มีอะไรแล้ว แต่มันก็เสียไปแล้ว เพราะว่าข่าวลงไปแล้ว มันก็มีความรู้สึกว่า คนส่วนหนึ่ง ต้องคิดอย่างนั้นอยู่แล้ว แต่ผมก็คงต้องรอตอบคำถาม ที่ต้องกล่าวให้กับทางอัยการ ให้กับทางศาลว่าเป็นยังไงบ้าง"
"เรื่องงานไม่ได้ห่วงตรงนั้นเลย เพราะส่วนใหญ่คนที่อยู่ในวงการ ก็ต้องรู้อยู่แล้วว่าผมเป็นคนยังไง เวลาเกือบ 10 ปีนี้ผมก็เข้าไปยุ่งกับงานบันเทิงน้อยมาก เพราะผมก็ต้องไปทำธุรกิจตรงอื่นด้วย ผมเสียใจนะครั้งแรกนั่น แต่พอรุ่งขึ้นก็โอเคเคลียร์กันก็จบ เสียใจตรงนี้ คนที่ไม่เข้าใจ และมาคิดว่าผมเป็นอย่างนั้นอย่างนี้ ทั้งๆ ที่ไม่ได้มีหลักฐานพยานอะไรต่างๆ นับมาวันนี้ก็เหมือนกับ เราโดนชกอยู่ข้างเดียว แต่จริงๆ ผมก็ไม่อยากพูด แต่มันทนไม่ได้นะ เพราะมันต้องพูดไง เพราะผมโดนอยู่ข้างเดียว ตอนแรกที่ผมไม่พูด ยังไม่รู้ด้วยว่าจะมีทิศทางไหนยังไงบ้าง เราก็มั่นใจอยู่ว่าต้องมีใครเข้ามาทำให้เหตุการณ์อย่างนี้เกิดขึ้น
ยังมั่นใจมีคนอยู่เบื้องหลังนักศึกษาสาว "โอ๋" แจ้งจับตนแน่นอน
"หลายๆ อย่างเขาไม่น่าจะคิดเองได้ ผมก็เลยคิดว่าหลายอย่างหลายๆ เหตุการณ์ ผมก็เลยคิดว่าเราสะท้อนกลับมาว่า เอ๊ะ คิดได้อย่างนี้ด้วยเหรอ บางครั้งเราก็คาดไม่ถึง"