Author Topic: “จอห์น มกจ๊ก” รับเล่นการพนันจริงแต่แค่ขำๆ เผยญาติตบตีสูบเงินจนหมดตัว  (Read 2535 times)

0 Members and 2 Guests are viewing this topic.

Offline Webmaster

  • Nick Computer Services
  • Administrator
  • Full Member
  • *
  • Posts: 168
  • Karma: +999/-0
  • Gender: Male
  • Love Me Love My Services
    • Computer Service



“จอห์น มกจ๊ก” กราบขอโทษคนที่เคยบริจาคเงินให้ สารภาพเล่นการพนันจริงแต่แค่ขำๆ เผยหมดตัวเพราะญาติๆ มารุมสูบ ประกอบกับเป็นหนี้สินตั้งแต่จัดงานศพลูกกับสามี ซ้ำยังต้องไปไถ่ที่จึงต้องขายบ้านขายรถล้างหนี้
       
       หลังจากที่เพื่อนบ้านออกมาเปิดเผยปมเบื้องหลังที่ทำให้ “จอห์น มกจ๊ก” ศุภาพิชญ์ บัวติ๊ก ต้องขายบ้านขายรถที่ได้มาจากเงินบริจาคเพราะเป็นหนี้การพนันถึง 650,000 ส่งผลให้หมดตัวจนต้องไปเร่ขายน้ำพริกนั้น ล่าสุดจอหน์ก็ได้ออกมาให้สัมภาษณ์ยอมรับว่า เล่นการพนันจริงแต่เป็นการเล่นแก้เหงาเท่านั้น ซัดญาติๆ มารุมสูบจนหมดตัว
       
       “ที่ผ่านมาคนอื่นอาจจะมองว่าจอห์นทำงานหนัก สำหรับเรามันเป็นงานธรรมดาที่ต้องทำมาหากินเป็นเรื่องปกติและถ้ามีโอกาสก็อยากมีกิจการเป็นของตัวเองเรียกคนอื่นมาช่วยบ้าง แต่มาคิดอีกทีตอนนี้เหลือตัวคนเดียวก็ไม่รู้ว่าจะทำไปเพื่อใคร ทำแค่เพราะว่ายังมีลมหายใจก็พอ ซึ่งไม่รู้ว่าจะอยู่อีกนานแค่ไหนขนาดจอห์นมีบ้านก็ยังขายใช้หนี้ใช้สินเขาหมดแล้ว”
       
       จอห์นเกริ่นถึงหนี้สินที่เป็นเหตุให้ขายบ้าน ก่อนจะเล่าย้อนไปถึงกรณีที่มีผู้สื่อข่าวจากสำนักข่าวแห่งหนึ่ง เข้ามาขอสัมภาษณ์ ซึ่งจอห์นไม่ขอเอ่ยนาม โดยเจ้าตัวจวกผู้สื่อข่าวคนดังกล่าวดูหมิ่นศักดิ์ศรี
       
       “หลังจากมีข่าวออกไปก็โทรคุยกับพี่เหลือเฟือขอโทษทำเบอร์โทรศัพท์เขาหายเลยไม่ได้ติดต่ออธิยายให้เขาฟังว่า มีสื่อมวลชนหรือนักศึกษาก็ไม่รู้มาถามจอห์นว่าใช่พี่ จอห์น มกจ๊ก ไหมเราบอกว่าใช่ เขาถามว่าทำไมพี่มานั่งขายน้ำพริก เราก็อ้าวพี่ทำน้ำพริกก็ต้องมาขายน้ำพริกสิ เพราะเป็นธุรกิจของพี่อยากให้ทุกคนเห็นว่าอย่างเราหมดทุกสิ่งทุกอย่างยังสู้ชีวิตไม่ท้อแท้”
       
       “เขาก็ถามอีกว่าถ้าสมมติมีคนมาให้พี่ขอทานพี่จะไปไหม เราก็บอกเขาว่าถึงจะเป็นคนแคระแต่ก็มีเกียรติมีศักดิ์ศรีมีมือมีเท้ามีอะไรที่จะทำได้ก็ต้องต่อสู้จะไปขอทานทำไม เขามาถามต่อว่าพี่เหลือเฟือไม่ช่วยอะไรเหรอไหนออกรายการว่าจะช่วย เราก็บอกว่าเขาจะมาช่วยอะไรทุกวันนี้ไม่ได้ติดต่อกับพี่เขา เพราะว่าจอห์นทำโทรศัพท์หายและไม่อยากที่จะเป็นภาระเขาด้วย ที่ผ่านมาเขาก็ช่วยเหลือตั้งแต่เรื่องสามีเรื่องลูกมาเยอะแล้วยิ่งช่วงนี้เศรษฐกิจไม่ดีเขาก็ย่ำแย่เหมือนกัน อยากให้เขาช่วยเหลือครอบครัวเขามากกว่าจอห์นพูดจริงว่าจะมาช่วยเหลือทำไม เพราะเราไม่ได้ติดต่อกับพี่เขา”
       
       “กระแสข่าวที่ออกมาจะเป็นอย่างไรก็ช่างขอให้จบแค่นี้ เรื่องจอห์นขายบ้านไม่เกี่ยวกับพี่เหลือเฟือจอห์นขอโทษผิดไปแล้ว แต่อยากจะถามว่า ถ้าทุกคนมาตกอยู่ในสภาพแบบจอห์นทั้งแฟนและลูกเสียไปหมดทุกอย่างจะรับได้ไหม ตอนนี้เรามีแต่ความรู้สึกที่ดีๆ จากการได้กลับมาอยู่ที่เก่ารังเก่าตั้งแต่ครั้งแรกที่ได้พบรักกับโจ้ พอเราหวนกลับมาอยู่ตรงนี้เหมือนเราอยู่กับแฟนและลูกตลอดเวลา”
       
       “แต่ถ้าให้เราอยู่คนเดียวที่บ้านหลังนั้นอยู่ไม่ได้ มันรู้สึกอ้างว้างขาดทุกสิ่งทุกอย่าง เราขายบ้านไปเพราะมันทำใจไม่ได้ทุกคนจากเราไปหมด หลังจากขายบ้านก็เอาเงินไปใช้หนี้ไปไถ่ที่ดินที่บ้านนอกไว้ 130,000 คิดเอาไว้ว่าอนาคตข้างหน้าเราอาจจะต้องกลับไปอยู่ที่โน่น จากนั้นมีคนมาขโมยบัตรเอทีเอ็มไปแล้วก็กดเงินไปหมดเลย100,000 บาท ตอนนี้เขาถูกศาลตัดสินจำคุกแล้วสามปี แต่เขาไม่มีเงินคืนให้ ที่ผ่านมาทุกคนอาจคิดว่าเรามีเงินมากมายมันคนช่วยเหลือบริจาคก็จริง เรื่องรายรับทุกคนรู้หมดแต่เรื่องรายจ่ายไม่มีใครมารู้ด้วย”
       
       “จอห์นทำธุรกิจร้านอาหารตามสั่งก็ไปไม่รอดเจ๊งหมด ส่วนยอดเงินบริจาคทั้งหมดจำไม่ได้มันนานแล้ว แต่อยากจะบอกว่า มีคนบริจาคมาก็จริงแต่ไม่มากมาย คนส่วนใหญ่คิดว่าเรามีเงิน แต่หลังจากเสร็จงานศพไม่ได้มีคนมารับรู้เรื่องรายจ่ายไม่มีใครรู้ว่าเราต้องมานั่งใช้หนี้ใครบ้าง เฉพาะค่างานศพน้องเจนนี่ 7 วันหมดไปทั้งหมดสองแสนเจ็ดแล้วคิดดูว่างานศพโจ้ยิ่งใหญ่ขนาดไหนแล้วจะหมดไปเท่าไหร่”
       
       “จอห์นเป็นคนที่เก็บกดไม่อยากให้พี่เหลือเฟือเขาห่วงหน้าห่วงหลัง พี่เขาไม่รู้หรอกว่าจอห์นเป็นหนี้อะไรบ้าง เพราะเราไม่เคยบอกเขาพยามปกปิดบอกว่าไม่มีหนี้สินอะไรเราอยากที่จะดูแลตัวเองไม่อยาก
       ให้เขามาหนักใจกับด้วยหนี้สินที่มีมาก่อนที่โจ้จะเสีย ตอนนั้นเราสองคนปิดกันไว้จอห์นอยากให้แก้ข่าวว่าทางสมาคมเขาเคยช่วยงานศพโจ้งานศพน้องเจนนี่ ทุกวันนี้มีคนที่แย่กว่าจอห์นตั้งเยอะอยากให้เขาไปดูแลคนเหล่านั้นมากกว่า เพราะเราเหลือแค่ชีวิตเดียวแล้วเราก็ทำมาหากินเองตอนนี้มีความสุขมากได้มาอยู่ที่เก่าถึงจะไม่มีอะไรก็ช่าง”
       
       ยอมรับว่า เล่นการพนันจริงแต่ไม่ได้เล่นจนเสียหมดตัว
       “เรื่องการเล่นการพนันมันเป็นธรรมดา จอห์นยอมรับผิดเราอยู่คนเดียวใครดึงไปไหนก็ไป เวลาที่เราสับสนไม่มีใครถ้าเป็นคนอื่นจะทำอย่างไร ตอนนั้นจอห์นพลาดไปแล้ว จอห์นผิดไปแล้วถึงไม่อยากติดต่อกับใครให้คนอื่นมาช่วยเหลืออีกอยากอยู่เงียบๆ ทำมาหากินด้วยตัวเอง เราเหลือแค่ชีวิตเดียวไม่อยากให้ใครช่วยเหลือเป็นภาระเขา แต่ไม่ได้ติดการพนันไม่ถึงขนาดนั้นมันเป็นธรรมดาเล่นหวยเล่นอะไรไป แต่ไม่ใช่ว่าเล่นจนหมดตัว ไม่ต้องไปถามใครอยากรู้อะไรให้มาถามจอห์นจะบอกความจริง คนรักเราก็มีคนเกลียดก็มี คนรักเป็นร้อยคนอิจฉาเป็นพันขนาดลิ้นกับฟันยังกระทบกันได้ แล้วนับประสาอะไรกับคำพูดของคน”
       
       “ยอมรับว่าเล่นไพ่จริงแต่ไม่ใช่เล่นจนเสียหมดตัวต้องขายบ้าน เวลาที่เล่นๆ กับคนในหมู่บ้านเล็กๆ น้อยๆ ไม่ถึงกับเล่นหัวปักหัวปำขนาดนั้น เล่นแล้วเราก็มาขายของตรงหน้าหมู่บ้าน เราเล่นคลายเหงาตอนนั้นมันเครียดไม่รู้จะระบายอย่างไรแต่ก็เล่นแบบไม่ได้คิดว่าต้องร่ำรวย เพราะเรารู้อยู่ว่าการพนันไม่เคยทำให้ใครร่ำรวยเล่นกันแค่ตาละ 5 -20 บาท”
       
       “บ้านที่ขายไปทุกวันนี้ไม่เคยเสียดาย เพราะคิดว่าบ้านนั้นเป็นของโจ้และเจนนี่ก็อยากให้มันไปพร้อมๆ กับเขา ส่วนคนที่บริจาคเงินมาซื้อบ้านหลังนี้จอห์นขอโทษเขาด้วยที่เราทำแบบนี้ ใครจะว่าอย่างไรก็ช่างอยากให้ทุกคนมาเห็นสภาพเราในตอนนั้น มันเป็นคนละคนกับตอนนี้ ในช่วงนั้นเหมือนเป็นคนบ้าต้องอยู่คนเดียวมันดูอ้างว้างเราเคยคิดวางอนาคตเอาไว้ว่า จะซื้อบ้านหลังนี้เก็บไว้ให้ลูกแล้วพอลูกเสียเราไม่มีใครก็อยู่ไม่ได้ทำอะไรไม่ถูก บางทีตื่นตั้งแต่ตีสี่ออกไปคนเดียวนอนไม่หลับ"


 
Share this topic...
In a forum
(BBCode)
In a site/blog
(HTML)