คำว่า "ซูเปอร์สตาร์" นอกจากจะเป็นใบเบิกทางชั้นดีแล้ว ดูเหมือนว่าคำๆ นี้สำหรับหนุ่ม "ฟิล์ม รัฐภูมิ" แล้ว มันยังเป็นข้ออ้างที่มีเหตุผลในการปิดปากฝ่ายหญิงที่เคยมีข่าวกับเขาอีกต่างหาก
ตกเป็นข่าวเรื่องผู้หญิงอีกครั้งสำหรับนักร้องหนุ่มค่ายอาร์เอสฯ "ฟิล์ม รัฐภูมิ" หลังอดีตหนึ่งในผู้เข้าแข่งรายการทีนซูเปอร์สตาร์ "ยูมิน ทวิกานต์ กุลชล” ออกมาให้ข้อมูลว่าเธอเคยคบหาอยู่กับนักร้องหนุ่มมานานกว่าปีครึ่งเพราะเชื่อมั่นในคำสัญญาที่อีกฝ่ายให้ไว้ แม้กระทั่งเกิดเรื่องกรณีของ "แอนนี่ บรู๊ค" ขึ้นจนอีกฝ่ายจะบินไปอยู่ที่อังกฤษก็ยังมีการติดต่อกันอยู่
ฟิล์ม
[/b]
หลังจากที่มีข่าวดังกล่าวออกมา เมื่อผู้สื่อข่าวได้สอบถามไปยังนักร้องดังก็ได้รับการเปิดเผยว่า ตนรู้จักอีกฝ่ายจริง รวมถึงมีการติดต่อคบหากันมาพักหนึ่งแต่ยืนยันว่าไม่ใช่ในฐานะแฟน ซึ่งตนก็ต้องขอโทษด้วยหากทำให้อีกฝ่ายเข้าใจผิดคิดไปในลักษณะดังกล่าว
“ก็ยอมรับว่าเราคุยกันครับ แต่จากที่ผมผ่านมาเยอะ ทั้งบวชเรียน ทั้งเรียนเมืองนอกอะไรต่างๆ นาๆ ผมกลับมาตอนนี้ผมพูดจริงๆ ผมยังไม่พร้อมที่จะมีใคร แค่ลำพังตัวผมเองแค่ 2 ขา ผมพูดตรงๆ ผมยังยืนไม่ได้เลย ผมยังเอาตัวเองไม่รอดเลย ข่าวหลากหลายที่ผมสร้างไว้มันทำให้ผมล้มแล้วยังยืนไม่ไหว ผมพูดตรงๆ ผมยังไม่พร้อมที่จะมีใคร แต่ไอ้สิ่งที่ทำให้น้องเข้าใจผิดก็อาจจะเป็นไปได้เพราะผมเป็นคนอัธยาศัยดี น้องเขาก็เป็นคนอัธยาศัยดี น้องเขาเป็นเด็กน่ารักแต่ว่า ณ ตอนนี้น้องเขาก็ยังเป็นน้องสาวที่ดี”
เมื่อมองย้อนกลับไปในอดีตเราคงจะคุ้นชินกันดีกับประโยคปฏิเสธในลักษณะที่ว่านี้ของนักร้องดังมาแล้วหลายต่อหลายกรณี
ไล่ไปตั้งแต่ข่าวฉาวแรกๆ กับ "อู๊ด พระเครื่อง" (สิทธิกร บุญฉิม) ที่เจ้าตัวนั้นปฏิเสธหัวชนฝาว่าไม่เคยมีความสัมพันธ์ที่สนิทมากมายอะไร ไม่เคยได้บ้าน ได้รถ ไม่เคยใช้บัตรเครดิตของอีกฝ่าย แต่พอจนด้วยหลักฐานที่อีกฝ่ายงัดออกมา นักร้องหนุ่มจึงต้องเอ่ยปากบีบน้ำตาขอโทษไปยังแฟนเพลงที่ทำให้ผิดหวัง
กรณีของนักแสดงสาว "หยาดทิพย์ ราชปาล" ก็เคยออกมาเผยว่านักร้องดังส่งดอกไม้มาให้เธอหลังจากที่อีกฝ่ายโทรมาหา ไม่ใช่เธอโทรไปหาก่อนเหมือนกับที่หนุ่มฟิล์มให้ข่าวซึ่งทำให้ตนเสียหาย รวมไปถึงกรณีของสาว "แพม ปานพิมพ์" ที่ออกมาให้ข่าวว่าฟิล์มจีบ ส่วนอีกฝ่ายก็โต้ว่าไม่ได้จีบ แค่แอดบีบีคุยกันปกติโดยไม่ยอมบอกว่าใครขอพินใครก่อน กระทั่งท้ายสุดหนุ่มฟิล์มก็ใช้วลีเด็ด...ขอโทษหากตนทำให้อีกฝ่ายเข้าใจผิด
ยูมิน
[/b]
ปัญหาเรื่องขอพินบีบียังรวมไปถึง "อุ้ม ลักขณา" อีกคน โดยเจ้าตัวบอกว่าเสียความรู้สึกและรู้สึกเสียหน้ามากๆ ที่หนุ่มฟิล์มไปให้ข่าวปฏิเสธว่าไม่เคยบีบีคุยกับตน ทั้งๆ ที่เป็นนักร้องหนุ่มเองที่เข้ามาขอพินและแอดมาจีบตน แถมยังมีการพูดคุยในเชิงที่จะคบหากันในระดับหนึ่งด้วย
ส่วนที่ดูสาหัสกว่าใครก็คงจะเป็นในรายของสาว "ฝ้าย อริญรดา" อีกหนึ่งตัวละครที่ออกมาในช่วงที่นักร้องหนุ่มกำลังมีปัญหากรณีทำ/ไม่ทำนักแสดงสาว "แอนนี่ บรู๊ค" ท้อง โดยว่ากันว่าสาวฝ้ายนี่แหละคือแฟนตัวจริงที่หนุ่มฟิล์มคบมานานกว่า 8 ปี โดยมีคำพูดของคนที่สนิทกับนักร้องหนุ่ม ทั้ง อู๊ด พระเครื่อง, พจน์ อานนท์ ที่เคยออกปากให้สัมภาษณ์ว่าสาวฝ้ายคือแฟนตัวจริง
แต่แม้ฝ่ายหญิงจะร้องห่มร้องไห้ออกทีวีแฉถึงความสัมพันธ์ รวมถึงคนรอบข้างจะยืนยันเช่นนั้น ทว่านักร้องดังเองก็หาได้ออกมายืดอกรับอย่างลูกผู้ชาย กลับใช้วิธีการเลี่ยงโดยบอกแต่เพียงว่าไม่อยากพูดถึงและจนถึงตอนนี้ก็ไม่ได้คุยกันแล้ว
ทั้งนี้จากการออกมาให้สัมภาษณ์ของทั้ง ฝ้าย อริญรดา และ ยูมิน ทวิกานต์ เป็นที่น่าสังเกตว่า นอกจากจะเป็นเครื่องมืออันดีในการเปิดทางเข้าหา "เป้าหมาย" แล้ว คำว่า ซูเปอร์สตาร์, นักร้อง-ดาราดัง ของหนุ่มฟิล์มจะยังมีประโยชน์ที่สำคัญไม่แพ้กันอีกประการหนึ่ง
นั่นคือการใช้คำที่ว่าเป็นข้ออ้างที่ทำให้หญิงสาวที่เขาคบหาด้วยได้ไม่สามารถที่จะพูดหรือแม้กระทั่งเปิดเผยตัวตนได้อย่างเต็มที่นักด้วยเกรงว่าจะไปกระทบหรือเป็นอุปสรรคต่อชื่อเสียงตลอดจนหน้าที่การงานของอีกฝ่ายตามที่ฝ่ายชายพยายามบอกกล่าวออกตัวเอาไว้ตั้งแต่แรก
ซึ่งด้วยเหตุผลที่ว่านี้เองที่ทำให้การปรากฏตัวออกมาของหญิงสาวทั้งสองพร้อมกับการเปิดเผยถึงความสัมพันธ์ในอดีตจะมีคนจำนวนไม่น้อยมองว่าทั้งสองนั้นขี้ตู่ อยากดัง ทั้งคู่เกาะกระแสของนักร้องดังไปอย่างช่วยไม่ได้
ซ้ำร้าย ในฐานะของ "ลูกผู้หญิง" การออกมาพูดเรื่องทำนองนี้เลยยิ่งดูไม่ดีเข้าไปใหญ่ในความความคิดแบบสังคมไทยเรา
อย่างไรก็ตาม จริงอยู่ที่ว่าเหตุผลส่วนหนึ่งอาจจะเป็นเช่นนั้นจริงหรือไม่จริงก็ได้ แต่คำถามที่น่าสนใจและควรให้น้ำหนักมากกว่าก็คือ แล้วสิ่งที่หนุ่มฟิล์มกระทำแสดงออกต่อทั้งคู่ เฉพาะอย่างยิ่งในรายของสาวยูมิน อาทิ ชักชวนพากันไปดูที่ดูทางเพื่อซื้อบ้าน ส่งข้อความบอกว่าคิดถึง ลงท้ายอีเมล์ว่าไอ เลิฟ ยู และอื่นๆ อีกมากมายที่เจ้าตัวไม่ยอมเปิดเผย เหล่านี้มันไม่มีน้ำหนักเพียงพอเลยหรือที่จะทำให้ตัวผู้หญิงคิดได้ว่าฝ่ายชายที่เข้ามาหาตนเองก่อนคงไม่ได้คิดจะมีความสัมพันธ์กันในสถานะแค่พี่-น้องเท่านั้น
รวมถึงมันเป็นความผิดด้วยหรือหากเธอเองจะมีใจให้กับอีกฝ่ายจริงๆ เหมือนกับเพลง "อย่าทำอย่างนี้ไม่ว่ากับใคร...เข้าใจไหม" ของเบิร์ดธงชัยที่ว่า...อย่าทำอย่างนี้ ไม่ว่ากับใคร เข้าใจไหมถ้าไม่รัก ไม่ต้องไปทำแบบนี้ให้ใครอย่าทำอย่างนี้เพราะเขาจะมองว่าเธอน่ะใจร้ายที่ทำเหมือนเธอให้ใจ แต่มันก็ไม่จริง...
ท้ายสุด คงจะต้องบอกว่าเรื่องเหล่านี้เป็นเรื่อง "ส่วนตัว" โดยมีคนสองคน "รู้" และ "เข้าใจ" ดีที่สุดในสิ่งที่ตนเองคิดและกระทำ ฉะนั้นโดยเฉพาะฝ่ายหญิงทางที่ดีก็จงพยายามอย่าไปทำอะไรที่เป็นการเริ่มต้นให้กลายเป็นประเด็นขึ้นมาจะเป็นการดีที่สุด
เพราะส่วนใหญ่เรื่องทำนองนี้ ลงท้ายทีไรผู้หญิงก็จะถูกมองว่ามีแต่เสียกับเสียอย่างเดียว
ที่มา: manager.co.th