Author Topic: สิว วิธีป้องกันและรักษาสิว - Acne  (Read 3680 times)

0 Members and 1 Guest are viewing this topic.

Offline IT

  • V.I.P.
  • Gold Member
  • *
  • Posts: 1175
  • Karma: +6/-0
  • Gender: Male
  • Assist. I.T. Manager
    • mv

วิธีป้องกันและรักษา


วิธีป้องกันง่ายๆ คือ  การกำจัดปัจจัยที่ก่อให้เกิดสิว  ไม่ให้มันกำเริบ  โดยมี

ข้อแนะนำต่างๆ ดังนี้


1. นอนหลับให้เพียงพอ - การนอนหลับไม่เพียงพอ  อาจเป็นสาเหตุให้เกิดสิวเช่นกัน เนื่องจากร่างกายเราอ่อนแอและเพลีย


2. อารมณ์ขัน - อารมณ์ขัน ทำให้เรามีความสุข ปราศจากความเครียด  ซึ่งความเครียดเป็นสาเหตุของสิว


3. กินอาหารจำพวกผัก - การที่เรากินอาหารจำพวกผัก จะทำให้เราสามารถล้างพิษออกจากร่างกายได้   และยังมีวิตามินต่างๆ  ซึ่งยังช่วยทำให้เราร่างกายแข็งแรงอีกด้วย


4. กินอาการที่มีไขมันสูงแต่พอดี -  หากเราเกิดอาหารไขมันสูงมาก ๆ  เข้าจะทำให้มีไขมันอยู่ในร่างกาย ซึ่งเป็นสาเหตุอีกประการของการเกิดสิว

 
5.  ล้างหน้าให้สะอาด - การล้างหน้าให้สะอาดทำให้ใบหน้าของเราไม่สกปรก เป็นอีกหนึ่งวิธีป้องกัน แต่ควรระวัง  ไม่ควรล้างหน้าบ่อย   เพราะจะทำให้หน้าของเราเสียสมดุล การล้างหน้า  ควรล้างเพียง 2 ครั้ง เช้าเย็น ยกเว้น  ช่วงที่เสร็จจากกีฬา,  ออกกำลังกาย  หรือ ช่วงที่คิดว่าหน้าเราสกปรกมากจริง ๆ สามารถล้างหน้าได้ตามต้องการ  ควรล้างหน้าด้วยสบู่อ่อน   ไม่ควรขัดถูใบหน้าไม่ควรใช้สบู่ที่แรง ๆ  ควรล้างหน้าอย่างแผ่วเบา   โดยล้างหน้าตั้งแต่ ใต้คางไปจนจรดแนวไรผมที่หน้าผาก  หลังฟอกสบู่ต้อง ล้างสบู่ออกให้หมด ไม่ควรใช้   lotion  หรือ astringent เช็ดใบหน้า เว้นเสียแต่ว่าผิวหนังมันมาก  และก็ควรใช้ เฉพาะบริเวณที่ผิวมันมากเท่านั้น  ควรสระผมอย่างสม่ำเสมอ  ในผู้ที่มีผมมันมากอาจต้องสระผมทุกวัน


6. ใช้กระดาษซับหน้ามัน - หากหน้าเรามันมากๆ ลองเปลี่ยนมาใช้กระดาษซับหน้ามันแทน เป็นวิธีช่วยอีกทางหนึ่ง ควรซับแต่พอดี ไม่ควรซับทั้งวันจะดูไม่ดีและเสียนิสัย


7. หลีกเลี่ยงการจับหัวสิว - ยุ่งกับผิวให้น้อยที่สุด  เพราะฝ่ามือของเรามีทั้งความสกปรก และ แบคทีเรีย ซึ่งเป็นตัวก่อให้เกิดสิว

 
8. ใช้ยา

- กลุ่มยารับประทาน

     1. ยาในกลุ่มกรดวิตามินเอ (Isotretinoin) มักจะใช้ในผู้ป่วยที่เป็นสิวที่รุนแรงหรือไม่ตอบสนองต่อการรักษาด้วยยาอื่น ๆ   ห้ามใช้ในหญิงตั้งครรภ์เพราะ มีโอกาสเกิดความพิการของทารกในครรภ์ได้    เมื่อให้ในผู้ป่วยหญิงวัยเจริญพันธุ์         ต้องให้คำแนะนำแก่ผู้ป่วย       ถึงการคุมกำเนิดอย่างมีประสิทธิภาพ ทั้งในขณะกินยาและหลังหยุดยาอย่างน้อย 1 เดือน    ควรงดบริจาคโลหิตระหว่างการรักษาและหลังการรักษาอย่างน้อย 3 เดือน ไม่ควรใช้ในเด็กอายุต่ำกว่า 18 ปี เพราะมีผลต่อความสูงของเด็กได้


      2. ยาในกลุ่มของฮอร์โมน    หรือ ยาคุม    จะลดความมันของหน้าได้ประมาณ  20 - 30 %  ไม่ควรใช้ในเด็กในรายที่มีความเสี่ยงต่อการเกิดลิ่มเลือดในหลอดเลือดและหัวใจ และในผู้ที่มีประวัติเสี่ยงต่อมะเร็งเต้านมนอกจากนั้นยาอาจจะมีผลต่อเรื่องน้ำหนักตัว  ความดันโลหิตสูง  กระตุ้นอาการปวดศีรษะไมเกรนได้


      3. ยากลุ่มยาปฏิชีวนะมีใช้หลายตัว เช่น  Tetracyclin,  Doxycycline, Erythromycin    การกินยาปฏิชีวนะนาน  ๆ อาจจะมีผลต่อการเกิดเชื้อราในช่องคลอดได้ยากินทุกตัว   ไม่ควรหาซื้อกินเอง    ควรปรึกษาแพทย์โรคผิวหนังก่อนเสมอเพื่อทราบถึงผลข้างเคียงและข้อควรระวังในการใช้ยา      ที่มีส่วนผสมของวิตามินเอ  -    วิตามินเอมีสรรพคุณรักษาสิวอยู่ด้วย ซึ่งมียาทาใบหน้าที่มีส่วนผสมของวิตามิน A สุดอยู่ สามารถสอบถามตามร้านขายยาทั่วไป


- กลุ่มยาทา

      1. ยาทาในกลุ่มวิตามินเอและอนุพันธ์ของวิตามินเอ  เช่น  Tretinoin, Adapalene ,Tazarotene    ได้ผลดีโดยเฉพาะสิวอุดตัน และยังใช้เป็นตัวป้องกันไม่ให้สิวเกิดขึ้นใหม่   หรือน้อยลงได้ในระยะยาว แต่ยามีฤทธิ์ระคายเคืองได้บ้าง โดยเฉพาะเมื่อเริ่มต้นใช้ในระยะแรกๆ


      2. ยาทาในกลุ่มยาปฏิชีวนะ  เช่น 1% Clindamycin, Erythromycin, Metronidazole    ซึ่งจะให้ผลในการลดจำนวนแบคทีเรียที่ก่อสิวอักเสบไม่ควรใช้ยากลุ่มนี้อย่างเดียว   เพราะทำให้สิวดื้อยาได้


      3. ยาทากลุ่ม Benzyl peroxide มีฤทธิ์ในการลดจำนวนแบคทีเรียและลดการอักเสบของสิวแต่ยามีฤทธิ์ระคายเคืองได้บ้าง     และกัดสีเสื้อผ้าได้  ระวังไม่ทำยาเลอะเสื้อผ้า  โดยเฉพาะเสื้อผ้าสีเข้ม


       4. Azelaic acid ฆ่าแบคทีเรียที่ก่อสิวและลดจำนวน Comedone  ได้


       5. ยากลุ่มอื่นๆ  เช่น  การฉีดสเตียรอยด์ปริมาณน้อยๆ  ที่สิวอักเสบจะลดการอักเสบที่สิวได้เร็ว


9. ปรึกษาแพทย์ - หากใช้วิธีต่างๆ ไม่ได้ผล    แนะนำว่าควรปรึกษาแพทย์เป็นการดีที่สุด เนื่องจากสิวอาจเกิดจากกรรมพันธุ์   หรือ   ฮอร์โมน ซึ่งการปรึกษาแพทย์จึงเป็นทางเลือกสุดท้ายที่ควรทำ

ที่มา: technoinhome.com



 
Share this topic...
In a forum
(BBCode)
In a site/blog
(HTML)


Related Topics