สมาชิก "โซเชียลเน็ตเวิร์ก" กดถูกใจ แฟนเพจ "เครือข่ายคนรักหนังต่อต้านการโฆษณามหาโหดของโรงหนังเครือเมเจอร์" ทะลุหมื่นหลังเปิดมาแค่ 20 กว่าวัน สมาชิกรวมตัวกันโวยถูกโรงหนังเอาเปรียบสารพัด
กลายเป็นกระแสที่น่าจับตาไม่น้อยสำหรับการรวมตัวกันของเหล่า "โซเชียลเน็ตเวิร์ก" เพื่อร่วมกันเรียกร้อง "สิทธิของผู้บริโภค" ต่อความไม่เป็นธรรมจากการให้บริการของโรงภาพยนตร์ในเครือ "เมเจอร์ ซิเนเพล็กซ์" ผ่านเฟซบุ๊กในชื่อ
"เครือข่ายคนรักหนังต่อต้านการโฆษณามหาโหดของโรงหนังเครือเมเจอร์" เพราะนับตั้งแต่ที่มีการตั้งเป็น Fanpage นี้ขึ้นมาตั้งแต่วันที่ 20 พฤษภาคม จนถึงวันนี้ 10 มิถุนายน ได้มีบรรดาผู้ที่ให้ความสนใจเข้าไปกด Like ทะลุ 10,000 คน เข้าไปแล้ว
ทั้งนี้เรื่องการให้บริการของโรงภาพยนตร์กับผู้บริโภคในบ้านเรานั้นถือได้ว่ามีปัญหากันมาอย่างต่อเนื่อง โดยช่วงปลายเดือนพฤษภาคมที่ผ่านมาได้มีข่าวออกมาจากกระทรวงพาณิชย์แจ้งว่า ปัจจุบันได้มีประชาชนร้องเรียนผ่านสายด่วนแม่บ้าน 1569 ของกรมการค้าภายในเป็นจำนวนมากว่าไม่ได้รับความเป็นธรรมจากการไปใช้บริการในโรงภาพยนตร์ในหลายประเด็นด้วยกัน
ไม่ว่าจะเป็นเรื่องของบัตรชมภาพยนตร์ที่ผู้ประกอบการปรับขึ้นราคาบ่อยครั้ง โดยเฉพาะภาพยนตร์ที่เข้ามาใหม่จะจำหน่ายบัตรในราคาสูงกว่าปกติถึง 240 บาท/ที่นั่ง โดยไม่มีการปิดป้ายแสดงราคาให้ผู้บริโภคได้รับทราบ นอกจากนี้ก็ยังมีเรื่องของราคาสินค้า อาทิ น้ำดื่ม ขนมขบเคี้ยว ข้าวโพดคั่วที่มีการตั้งราคาขายเกินจริงและยัดเยียดให้ผู้ที่ต้องการชมภาพยนตร์ต้องซื้อทั้งๆ ที่ไม่ต้องการ เช่น ขายพ่วงไปกับตั๋วชมภาพยนตร์ รวมไปถึงเรื่องของการฉายหนังโฆษณาและภาพยนตร์ตัวอย่างก่อนที่หนังจะฉายจริงเป็นระยะเวลานานนับครึ่งชั่วโมง
หลังจากที่เรื่องดังกล่าวปรากฏเป็นข่าวขึ้นมาก็ได้มีข่าวตามออกมาว่า ทางด้านสคบ.(สำนักงานคณะกรรมการคุ้มครองผู้บริโภค) ได้ส่งจดหมายแจ้งไปยังโรงภาพยนตร์ต่างๆ ให้มีการกวดขันเรื่องการโฆษณามากยิ่งขึ้น ขณะที่กรมการค้าภายในเองก็ได้เตรียมที่จะส่งเจ้าหน้าที่ไปตรวจสอบเรื่องดังกล่าว เพราะแม้โรงภาพยนตร์จะไม่ได้อยู่ในบัญชีสินค้าและบริการควบคุมเนื่องจากเป็น ‘บริการทางเลือก’ แต่ก็สามารถใช้อำนาจตาม พระราชบัญญัติว่าด้วยราคาสินค้าและบริการ เอาผิดกรณีไม่ปิดป้ายแสดงราคาให้ชัดเจนได้
ส่วนการกำหนดราคาบัตรชมภาพยนตร์ อาหาร และเครื่องดื่มที่สูงเกินความเหมาะสมนั้น ทางกรมการค้าภายในจะเชิญผู้ประกอบการหารือกันต่อไป
สำหรับในส่วนของ "เครือข่ายคนรักหนังต่อต้านการโฆษณามหาโหดของโรงหนังเครือเมเจอร์" นั้นผู้สื่อข่าวได้รับการเปิดเผยจากแหล่งข่าวผู้สร้าง Fanpage นี้ขึ้นมาว่า การตั้งแฟนเพจนี้จุดประสงค์ก็เพื่อที่จะเป็นกระบอกเสียงเรียกร้องและชี้ให้เห็นถึงความไม่เป็นธรรมของผู้บริโภคในการไปใช้บริการจากภาพยนตร์ในเครือที่ว่าโดยไม่ได้ต้องการที่จะทำร้ายหรือทำลายชื่อเสียงใครแต่อย่างใด
"ที่ผ่านมามันก็มีการตั้งเป็นเครือข่ายคล้ายๆ กันนี้อยู่บ้าง แต่ว่าก็จะมีคนมาเห็นด้วยจำนวนไม่เยอะนัก อาจจะร้อยสองร้อย ครั้งนี้การที่มีคนเข้ามาถึงหมื่นก็ต้องถือว่าเยอะพอสมควร ซึ่งเอาเข้าจริงๆ มันก็อาจจะไม่มีผลกระทบอะไรกับอีกทางหรอกครับ แต่อย่างน้อยๆ ตรงนี้ก็เป็นช่องทางที่ทำให้คนทั่วไปรับรู้ว่าเรื่องการเอาเปรียบผู้บริโภคมันมีอยู่จริง" แหล่งข่าวคนดังกล่าวระบุ
โดยหลังมีการตั้งเป็น Fanpage ที่ว่าขึ้นมาปรากฏว่าได้มีบางส่วนนำประเด็นนี้ไปตั้งกระทู้ผ่านห้องเฉลิมไทย เว็บไซต์พันทิป ด็อทคอม โดยผู้โพสต์ที่ใช้ชื่อว่า ikkru ต่อการให้บริการของโรงภาพยนตร์เมเจอร์ 6 ข้อด้วยกัน ไล่ไปตั้งแต่ 1.การขึ้นราคาโดยอ้างว่าต้นทุนสูงขึ้น ทั้งๆ ที่ทางโรงสามารถหารายได้มาชดเชยด้วยการฉายโฆษณาแทน 2.การพยายามยัดเยียดขายบัตรซื้อตั๋วตามตู้อัตโนมัติ ด้วยการเปิดช่องขายตั๋วเพียง 1-2 ช่อง
3.ราคาป็อปคอร์น-เครื่องดื่มที่สูงกว่าความเป็นจริง 3-4 เท่าโดยที่ลูกค้าไม่สามารถซื้อมาจากร้านค้าด้านนอกได้ 4.โรงภาพยนต์แบบแสตนอะโลนเช่นสาขาปิ่นเกล้ามีการเรียกเก็บค่าที่จอดรถลูกค้า 5.พนักงานแก้ปัญหาแบบขอไปที และ 6.การกำหนดราคาหนังเองโดยอ้างเรื่องทุนสร้างและฟอร์มของหนัง แต่หนังทุนต่ำฟอร์มเล็กกลับไม่มีการลดราคา
ทั้ง 6 ข้อแม้จะมีจดหมายที่อ้างว่าเป็นการชี้แจงจากทางโรงภาพยนตร์ในเครือเมเจอร์ฯ เช่นการขึ้นราคาค่าตั๋วนั้นเป็นไปตามเรื่องของต้นทุนที่เพิ่มขึ้นจริงๆ, การเปิดช่องขายตั๋วอัตโนมัติก็เพื่อความสะดวกของผู้ซื้อ, เครื่องดื่ม ขนมขบเคี้ยวมีราคาแจ้งอย่างชัดเจน, การเก็บค่าที่จอดรถล้วนเป็นไปตามหลักสากล, เรื่องพนักงาน ทางบริษัทมีการควบคุมมาตรฐานการให้บริการอยู่แล้ว รวมถึงการกำหนดราคาหนังเองก็เพราะเนื่องจากแต่ละโรงภาพยนตร์มีต้นทุนที่แตกต่างกันไปนั้น ทว่า ในส่วนของสมาชิกที่เข้ามาแสดงความคิดเห็นส่วนใหญ่ต่างมองว่าเป็นการชี้แจงที่มีน้ำหนักไม่เพียงพอ ขณะที่หลายต่อหลายคนต่างก็พากันโพสต์แฉถึงความเอารัดเอาเปรียบของโรงภาพยนตร์เมเจอร์ในลักษณะต่างๆ กันไป รวมถึงเรียกร้องให้นักดูหนังร่วมกันต่อต้านการชมภาพยนต์ในเครือที่ว่านี้ด้วย
ที่มา: manager.co.th