Sean Maloney ประธานอินเทลประเทศจีน
3 ค่ายชิปหน่วยประมวลผลยักษ์ใหญ่ของโลกพร้อมใจเคลื่อนไหวรับแนวโน้ม "แท็บเล็ตครองเมือง" เริ่มที่ผู้ออกแบบชิปสัญชาติอังกฤษอย่าง "ARM" ประกาศว่าจะสามารถครองส่วนแบ่ง 50% ของตลาดผลิตภัณฑ์เชื่อมต่ออินเทอร์เน็ตพกพาทั่วโลกได้ภายในปี 2015 ขณะที่ "Intel" โชว์ตัวรูปแบบคอมพิวเตอร์โน้ตบุ๊กใหม่ในชื่อ Ultrabook บนชิปตระกูลใหม่ก่อนจะมีคิวใช้ชิป Ivy Bridge 22 นาโนเมตรที่สร้างมาเพื่อใช้กับโน้ตบุ๊กบางเฉียบโดยเฉพาะ คาดว่าโน้ตบุ๊กพันธุ์บางจะสามารถกินส่วนแบ่งตลาดโน้ตบุ๊กโลกได้มากกว่า 40% ในปีหน้า 2012 รวมถึง "AMD" ที่เปิดแผนส่งชิป APU ใหม่ตระกูล Z-Series ที่ชูจุดขายในเรื่องอายุใช้งานแบตเตอรีเกิน 10 ชั่วโมง
**เออาร์เอ็มคาดกินตลาดเกินครึ่ง**
เออาร์เอ็ม ผู้ออกแบบชิปหน่วยประมวลผลสัญชาติอังกฤษออกมาประเมินในงาน Computex 2011 ซึ่งจัดขึ้นที่ไต้หวัน ว่าอุปกรณ์เชื่อมต่ออินเทอร์เน็ตพกพาทั้งสมาร์ทโฟน แท็บเล็ต เน็ตบุ๊ก และอื่นๆ มากกว่าครึ่งหนึ่งในตลาดจะใช้ชิปลิขสิทธิ์ของเออาร์เอ็ม ซึ่งถือเป็นอีกก้าวสะท้อนความแข็งแกร่งของเออาร์เอ็มที่สวนทางกับธุรกิจคอมพิวเตอร์เซิร์ฟเวอร์ โดยเออาร์เอ็มยอมรับว่าต้องใช้เวลาอีกพักใหญ่ในการจะเติบโตเทียบเท่ากับธุรกิจชิปสำหรับอุปกรณ์พกพา
Tudor Brown ประธานบริษัทเออาร์เอ็มระบุว่า สมาร์ทโฟนมากกว่า 4,000 ล้านเครื่องในตลาดขณะนี้ล้วนทำงานบนชิปเทคโนโลยีเออาร์เอ็ม ซึ่งเมื่อรวมถึงตลาดอุปกรณ์ "โมบายล์พีซี" ทั้งหมด เออาร์เอ็มจะมีส่วนแบ่งตลาดราว 10% คาดว่าปลายปีนี้จะเพิ่มขึ้นเป็น 15% ก่อนจะขยายตัวก้าวกระโดดเป็น 50% ในปี 2015
เทคโนโลยีชิปของเออาร์เอ็มนั้นมีจุดเด่นเรื่องการประหยัดพลังงาน ทำให้บริษัทผู้ผลิตชิปรายใหญ่ของโลกอย่าง Qualcomm, NVIDIA และ Samsung ต่างยอมจ่ายเงินให้เออาร์เอ็มเพื่อแลกกับการผลิตชิปที่มีเทคโนโลยีดังกล่าว และเมื่อชิปเออาร์เอ็มถูกติดตั้งในแท็บเล็ตชื่อดังอย่างไอแพด (iPad) และแท็บเล็ตระบบปฏิบัติการแอนดรอยด์ (Android) เออาร์เอ็มจึงมั่นใจว่าจะสามารถครองตลาดแท็บเล็ตได้มากกว่าครึ่งในช่วง 4 ปีนับจากนี้
และเมื่อมีแนวโน้มว่าระบบปฏิบัติการใหม่สำหรับแท็บเล็ตจะเกิดขึ้นเป็นดอกเห็ดในปีหน้า แถมยังมีวี่แววการแจ้งเกิดอุปกรณ์ใหม่ทั้งทีวี ระบบควบคุมอัจฉริยะ ฯลฯ เออาร์เอ็มจึงมองว่าเป็นโอกาสดีที่บริษัทจะสามารถจำหน่ายลิขสิทธิ์เทคโนโลยีชิปได้มากขึ้น โดยตั้งแต่ปีหน้าเป็นต้นไป เออาร์เอ็มคาดว่าชิปของตนจะถูกจัดส่งไปยังผู้ผลิตมากกว่า 2.5 หมื่นล้านชิ้น และจะทะลุหลัก 1.5 แสนล้านชิ้นในปี 2020
สำหรับธุรกิจคอมพิวเตอร์เซิร์ฟเวอร์ ผู้บริหารเออาร์เอ็มแสดงความมั่นใจว่าธุรกิจดังกล่าวจะไปได้สวยในยุคที่บริการคลาวด์คอมพิวติงจะมีอิทธิพลในอนาคต คาดว่าปี 2014/15 โลกจะได้เห็นธุรกิจเซิร์ฟเวอร์ของเออาร์เอ็มยิ่งใหญ่ไม่แพ้ธุรกิจชิปประเภทอื่น
**อินเทลชู "Ultrabook" เพิ่มเสน่ห์โน้ตบุ๊ก**
ในงาน Computex 2011 อินเทลเปิดตัวคอมพิวเตอร์พกพารูปแบบใหม่ในชื่อ Ultrabook โดยคาดว่าจะสามารถวางจำหน่ายได้ในช่วงคริสต์มาสปีนี้ในราคาต่ำหว่า 1,000 เหรียญ (ไม่เกิน 30,000 บาท) จุดนี้อินเทลมั่นใจว่า Ultrabook จะสามารถกินตลาดคอมพิวเตอร์โน้ตบุ๊กได้ถึง 40% ในปลายปีหน้า (2012) เพราะความสามารถในการใช้งานสไตล์แท็บเล็ตทั้งการเชื่อมต่อ-เปิดเครื่องพร้อมใช้งานตลอดเวลา ถือเป็นการเพิ่มเสน่ห์ให้โน้ตบุ๊กในวันที่แท็บเล็ตกำลังขโมยซีนอย่างต่อเนื่อง
Sean Maloney ประธานอินเทลประเทศจีน เปิดตัว Ultrabook โดยยอมรับว่ารูปแบบของเทคโนโลยีพกพาในปัจจุบันนั้นเปลี่ยนแปลงไปมาก ซึ่งอินเทลเองก็มีแผนจะเปิดตัวเทคโนโลยีอุปกรณ์ส่วนบุคคลรูปแบบใหม่ในช่วง 2-3 ปีนับจากนี้ จุดนี้นักวิเคราะห์เห็นด้วยและมองว่าเป็นสิ่งจำเป็นของอินเทลซึ่งยังครองตลาดเฉพาะคอมพิวเตอร์โน้ตบุ๊กอยู่ในขณะที่สถานการณ์ของตลาดโน้ตบุ๊กกำลังถูกสมาร์ทโฟนและแท็บเล็ตแทนที่
สำหรับ Ultrabooks มาพร้อมชิปตระกูล Core i ของอินเทลรุ่นล่าสุด โดยอินเทลวางแผนให้ Ultrabook รุ่นต่อไปใช้ชิป Ivy Bridge ซึ่งผลิตบนเทคโนโลยี 22 นาโนเมตรและโดดเด่นด้วยความสามารถด้านการประหยัดพลังงาน ภายในชิปใช้ทรานซิสเตอร์รูปแบบ Tri-Gate ที่อินเทลการันตีว่าสามารถลดการใช้พลังงานได้ถึง 50% ซึ่งถือว่าคุ้มค่าเมื่อตัวชิปมีราคาต้นทุนเพิ่มขึ้นเพียง 2-3% เท่านั้น โดย Ivy Bridge มีกำหนดการเปิดตัวในช่วงครึ่งปีแรกของปี 2012
อย่างไรก็ตาม Maloney ย้ำว่าอินเทลยังคงมีโอกาสเติมโตทางธุรกิจสูงในยุคแห่งสมาร์ทโฟนและแท็บเล็ต แม้ผลิตภัณฑ์เหล่านี้จะไม่ได้ใช้ชิปอินเทลก็ตาม โดยระบุว่าสมาร์ทโฟนทุก 600 เครื่องที่ขายได้ ตลาดจะต้องการเซิร์ฟเวอร์ของอินเทล 1 เครื่อง เช่นเดียวกับแท็บเล็ตทุก 122 เครื่องที่ขายได้ อินเทลก็จะขายเซิร์ฟเวอร์ได้ 1 เครื่องเช่นกัน
**ชิปเอเอ็มดีเพิ่มอายุแบตแท็บเล็ตเกิน 10 ชม.**
เอเอ็มดีประกาศจุดยืนกำลังพัฒนาชิปประมวลผลตระกูล Fusion เพื่อใช้กับคอมพิวเตอร์แท็บเล็ตโดยใช้ชื่อรุ่นว่า Z-Series APU (ชื่อรหัสว่า Desna) จุดเด่นคือการใช้พลังงานน้อย สามารถรองรับงานหนักอย่างการแสดงภาพวิดีโอความละเอียดสูง (HD) แถมยังยืดอายุแบตเตอรีให้แท็บเล็ตสามารถใช้งานต่อเนื่องได้ถึง 10.5 ชั่วโมง
Z-Series APU ของเอเอ็มดีนั้นไม่ใช่เรื่องใหม่ เนื่องจากก่อนหน้านี้ ชิป APU รุ่นแรกอย่าง C-Series (Ontario) นั้นถูกใช้งานในแท็บเล็ตแบรนด์เอเซอร์ Acer Iconia Tab W500 แท็บเล็ตระบบปฏิบัติการวินโดวส์ขนาดหน้าจอ 10.1 นิ้วมาแล้ว แต่ความน่าสนใจอยู่ที่การจัดการพลังงานที่เอเอ็มดีสามารถพัฒนาได้ดีบนความสามารถเหนือชั้น โดยรายงานระบุว่า ชิป Z-Series นั้นเป็นเพียงส่วนหนึ่งของ AMD HD Tablet Platform ซึ่งเอเอ็มดีจะนำชิป APU มาทำงานร่วมกับ DirectX 11 พร้อมกับรองรับโปรแกรมพื้นฐานอย่าง Internet Explorer 9, HTML 5, Adobe Flash 10.2 และ Microsoft Office 10 รวมถึงระบบเกม 3D
สำหรับงาน Computex 2011 เอเอ็มดีเปิดตัวชิป APU รุ่น A4 และ A6 สำหรับคอมพิวเตอร์ตั้งโต๊ะและคอมพิวเตอร์โน้ตบุ๊ก โดยทั้งหมดเป็นคอมพิวเตอร์ออลอินวันสำหรับการใช้งานระดับเมนสตรีมหรือคอมพิวเตอร์ทั่วไป
ที่มา: manager.co.th
