ผู้บริหาร Ricoh และ Heidelberg
นายใหญ่ริโก้ไทย ประกาศตั้งไทยเป็นฐานการผลิตภายใน 2 ปี เตรียมย้ายทีม R&D บางส่วนมาไทย คาดได้เงินลงทุนอีกมาก ด้านการตลาดตั้งไฮเดลเบิร์กขยายตลาดพริ้นติ้งในไทย สนองแนวทางที่อุตสาหกรรมการพิมพ์กำลังรุ่งโรจน์ พร้อมตั้งเป้ารายได้ปีนี้ 5 พันล้านบาท
มร.จูเลี่ยน ไฟรเอ็ด ประธานกรรมการบริหาร บริษัท ริโก้(ประเทศไทย) กล่าวว่า หลังจากริโก้มีการลงทุนประมาณ 200 ล้านเหรียญสหรัฐตั้งโรงงานขึ้นในประเทศไทยด้วยกำลังการผลิตพรินเตอร์ 613 เครื่องต่อวันป้อนตลาดยุโรปและเอเซีย ปัจจุบันริโก้มีแผนย้ายฐานการผลิตที่อยู่ในประเทศต่างๆมาที่ประเทศไทย คาดว่าต้องมีการลงทุนเพิ่มขึ้นอีกมาก รวมทั้งเพิ่มกำลังการผลิตให้มากขึ้นโดยมีเป้าหมายให้ประเทศไทยเป็นฐานการผลิตตอบสนองตลาดทั่วโลกรวมทั้งจะมีการย้ายทีม R&D บางส่วนที่อยู่ในประเทศต่างๆมาไว้ที่ประเทศไทยด้วยเช่นกัน ซึ่งคาดว่าจะใช้เวลาประมาณ 2 ปี เพื่อให้บรรลุเป้าหมาย
“หากไทยกลายเป็นฐานการผลิตของริโก้เพื่อส่งสินค้าทำตลาดทั่วโลกจะส่งผลดีกับลูกค้าในประเทศไทยอย่างมากเพราะ ริโก้ไทยสามารถขยายตลาดได้มากขึ้น มีสินค้าที่มีคุณภาพมากยิ่งขึ้นด้วยทีมงานคนไทย”
นอกจากเป้าหมายสร้างไทยให้เป็นฐานการผลิตในระดับโลกแล้ว ริโก้มีการปรับแผนการตลาดใหม่โดยการร่วมมือกับไฮเดลเบิร์กเพื่อขยายตลาดริโก้ในประเทศไทย ทั้งนี้เป็นไปตามการประกาศกลยุทธ์ความร่วมมือกันอย่างเป็นทางการตั้งแต่เดือนกุมภาพันธ์ 2554 ที่ผ่านมาโดยทั้ง 2 บริษัทมีการเซ็นสัญญาร่วมกันเพื่อจำหน่ายผลิตภัณฑ์ทางการพิมพ์ของริโก้ 2 รุ่นที่อยู่ในกลุ่มตลาดการพิมพ์
“ริโก้มีผลิตภัฑณ์ด้านการพิมพ์ดิจิตอลที่มีคุณภาพเป็นที่ยอมรับในตลาด สามารถทำงานร่วมกับระบบงานพิมพ์ในอุตสาหกรรมการพิมพ์ในปัจจุบันได้เป็นอย่างดีและสอดคล้องกับการขยายตัวของตลาดกลุ่มการพิมพ์ในปัจจุบันที่ต้องการเครื่องพิมพ์ออนดีมานด์ ส่วนไฮเดลเบิร์กเป็นบริษัทยักษ์ใหญ่มีฐานลูกค้าเป็นจำนวนมากและมีความต้องการขยายตลาดดิจิตอลมาในกลุ่มการพิมพ์ ความร่วมมือกันครั้งนี้จึงเป็นความลงตัวของการมีโปรดักส์ที่ดีและได้พาร์ทเนอร์มาร่วมขยายตลาด”
ในประเทศไทยริโก้และไฮเดลเบิร์กถือเป็นผู้นำทางธุรกิจและเทคโนโลยีในกลุ่มที่ถนัด ริโก้อยู่ในตลาดเจเนอรัลออฟฟิตหรือกลุ่มลูกค้าองค์กร เช่น ธนาคาร ไฟแนนซ์ ออฟฟิตทั้งขนาดกลางและขนาดเล็ก ขณะที่ไฮเดลเบิร์กอยู่ในตลาดกลุ่มการพิมพ์ เรียกได้ว่าเป็นผู้นำในคนละตลาดกัน ความร่วมมือกันครั้งนี้จะส่งผลดีกันทั้งคู่ในการขยายได้ร่วมกัน
นายพรชัย วรอังกูร General Manager Marketing Department ริโก้ ประเทศไทย กล่าวว่า คาดว่าตลาดรวมอุตสาหกรรมการพิมพ์ (Production Printing) ดิจิตอลจะมีมูลค่าสูงถึง 2 พันล้านบาท ภายใน 3 ปี ซึ่งเมื่อถึงเวลานั้นริโก้ตั้งเป้ามีส่วนแบ่งในตลาดประมาณ 25% โดยปัจจุบันมูลค่าตลาดประมาณ 1 พันล้านบาท และในจำนวนนี้ริโก้มีส่วนแบ่งประมาณ 10% และคาดว่าจะเพิ่มเป็น 15-20% ในปีหน้า
ในส่วนตลาดพรินเตอร์รวมทั้งระบบริโก้มีส่วนแบ่งในตลาดประมาณ 30% จากการได้ไฮเดลเบิร์กมาร่วมขยายตลาดคาดว่าจะทำให้ส่วนแบ่งตลาดเพิ่มเป็น 32% ทั้งนี้จากตลาดพริ้นเตอร์รวมประมาณ 3 หมื่นเครื่อง หรือตกประมาณ 3 พันล้านบาทต่อปี
ปี 2554 ริโก้ตั้งเป้ารายได้รวมที่ 5 พันล้านบาทจากปีที่ผ่านมาที่มีรายได้ประมาณ 4 พันล้านบาท นอกจากการได้พาร์ทเนอร์ใหม่ร่วมขยายตลาดแล้วริโก้ยังมองว่า ธุรกิจคอนซัลต์ และไอทีเซอร์วิส ซึ่งริโก้ได้เริ่มขยับขยายมาใน 2 ส่วนนี้มาระยะหนึ่งแล้ว โดยคาดว่า จะเป็นอีกในสายงานที่สร้างรายได้ให้ริโก้ได้อย่างดีในอนาคต โดยอาจจะทำรายได้ที่สูงถึง50% ของรายได้ที่ริโก้ทำได้ทั้งหมด
Company Related Link :
Ricoh
ที่มา: manager.co.th