“ติ๊ก” ยังไม่มีแพลนมีลูก บอก ยังสนุกกับการเข้าป่าทำงานอยู่ เผย “พีช” ภรรยาไม่น้อยใจที่เอาแต่ทำงานอยู่ในป่า เพราะเป็นแบบนี้มาแต่ไหนแต่ไรแล้ว เจ้าตัวเปรยอยากมีรายการเพิ่ม แต่ยังไม่ลงตัวเรื่องคอนเช็ปต์รายการและสถานีออกอากาศ พร้อมแย้มกำลังจะมีละครเร็วๆ นี้
แต่งงานกันมาจะเข้าปีที่ 2 แล้ว สำหรับคู่ของพระเอกหนุ่ม “ติ๊ก เจษฎาภร ผลดี” และไฮโซสาว “พีช สิตมน แตงสุวรรณ” และหลายๆ คนก็ลุ้นอยู่ว่าเมื่อไหร่จะได้เห็นทายาทตัวน้อยของทั้งคู่ออกมาเป็นขวัญใจให้กับวงการบันเทิงเหมือนคู่อื่นๆ บ้าง แต่ดูเหมือนจะไม่มีแววในเร็วๆ นี้ซะแล้ว เพราะล่าสุดหลังจากที่หนุ่ม “ติ๊ก” ได้มีโอกาสหยุดพักการถ่ายรายการ “เนวิเกเตอร์” ออกจากป่ามารับงานโชว์ตัวบ้าง เจ้าตัวก็เผยว่า คงยังไม่มีข่าวดีเรื่องทายาทเร็วๆ นี้แน่นอน และเป็นการเห็นพ้องต้องกันกับทั้งภรรยาด้วย
“เรื่องมีน้องตอนนี้ยังไม่มีโปรแกรมครับ ต้องเรียนตามตรงว่าเรายังสนุกกับการได้ทำงาน ยังไปโลดโผนกับธรรมชาติข้างนอกอยู่ ก็เลยคิดว่าถ้ายังรับผิดชอบได้ไม่ดี ก็อย่าเพิ่งดีกว่า เราเองก็ไม่ได้มีวางแผนว่าจะอีกกี่ปี เพราะเห็นพ้องต้องกันว่ายังดีกว่า ก็คงเป็นเรื่องของอนาคต ทางผู้ใหญ่เมื่อก่อนตอนแรกๆ ก็ถามเยอะครับ แต่ตอนนี้เลิกถามไปแล้ว เพราะถามยังไงก็ตอบเหมือนเดิม(ยิ้ม) แต่ถ้ามีจริงๆ จะผู้หญิงหรือผู้ชายก็ได้ เพราะยังไงเราก็ต้องรัก จะผู้หญิงผู้ชายเราก็รักหมด”
“พีชเขาก็ไม่ได้ว่าอะไรนะครับ เขาเข้าใจ เพราะเป็นธรรมชาติของผมอย่างนี้แต่ไหนแต่ไรอยู่แล้ว(หัวเราะ) เมื่อก่อนหนักกว่านี้อีก นี่เบาๆ ลงแล้ว ไม่ได้น้อยใจอะไรเลยครับ เขาก็ไม่ได้เคยมาบอกว่าอยากจะมีแล้ว เราไม่เคยมีแผนอะไรกัน”
บอก ช่วงนี้ผอมลงเพราะทำงานหนัก และเตรียมปรับโฉม “เนวิเกเตอร์” รูปแบบใหม่ให้มีสาระเพิ่มมากขึ้น และบอกอยากจะที่มีรายการเพิ่ม ซึ่งกำลังอยู่ในขั้นตอนความคิดว่าอยากจะทำแนวไหนดี
“ผอมลงเพราะว่าที่ผ่านมาค่อนข้างเดินทางและทำงานหนัก อย่างเนวิเกเตอร์ที่ออกอากาศเมื่อเดือนเมษายนเป็นเรื่องราวของคนตาบอด และเดือนพฤษภาคมก็ไปผจญภัยที่กาญจนบุรี และเป็นเรื่องของนกกระเรียน ทั้งหมดต้องเฝ้าคอยถ่ายและต้องใช้เวลาในการถ่ายทำเยอะ และต้องเข้ามาในส่วนของห้องตัดต่ออีก เลยทำให้การรับประทานอาหารเหลือแค่มื้อเว้นมื้อ(ยิ้ม) แล้วก็พักผ่อนน้อย แต่หลังจากวันนี้ไปทุกอย่างก็จะซาๆ ลง ผมตั้งใจว่าจะพักผ่อนให้เต็มที่ ทานอาหารให้เต็มที่ แล้วก็น่าจะไม่ผอมเท่านี้แล้ว แต่ปกติผมจะกินไม่เป็นเวลาอยู่แล้วครับ ส่วนมากก็จะกินกับทีมงาน คนนั้นซื้อคนนี้ซื้อ หรือไม่ก็ทำกันเอง”
“แต่ถามว่ารายการอยู่ตัวหรือยัง ตรงนี้ผมว่าทุกคนคงรู้แล้วว่าเนวิเกเตอร์มันคือตัวตนของเจษฎาภร ผลดี ซึ่งถ้าเกิดเราจะหาคนมาช่วยหรือหาพิธีกรมาเพิ่ม ความจริงแล้วผมก็อยากนะ แต่ผมคิดว่าผู้ชมและด้วยทีมงานเขาต้องการความเป็นสไตล์ของผมมากกว่า ฉะนั้นเราก็เลยมีบ้างที่มีแขกรับเชิญเพื่อมาเพิ่มความสนุกให้เป็นสีสันของรายการ และที่เราตั้งใจในปีนี้สำหรับเนวิเกเตอร์ ปีที่ผ่านๆ มาอาจจะเห็นผมผจญภัยลุยแบบสุดๆ ปีนี้เรื่องราวผจญภัยก็ยังอยู่ แต่เราจะเพิ่มมุมมองของคนมากขึ้นในแง่คิดในสังคม ในการให้อะไรกลับคืนไป”
“อยากทำรายการเพิ่มไหมเหรอ ผมว่าทุกคนที่พอมีหนึ่งรายการแล้วก็จะรู้สึกติดใจในบรรยากาศ ในความที่เรากระหายในการทำงาน เราอยากมีแน่นอน แต่การที่จะมีรายการต่อๆ ไปมันต้องขึ้นอยู่กับองค์ประกอบหลายๆ อย่าง ในเรื่องสถานี ในเรื่องเวลา แต่อยากทำอยากแน่ๆ ก็พยายามคิดๆ อยู่ว่าเราจะทำอะไรที่สร้างในเรื่องของความแตกต่างบนความมีสาระ แต่ยังสนุกเหมือนเดิม แต่จะเป็นรายการประเภทไหนยังคิดๆ กันอยู่ครับ แต่คงเป็นรายการที่เราถนัดมากกว่า”
เผย ช่วงนี้ยังไม่มีละคร แต่คาดว่าถ้ามีติดต่อมาและถ่ายทำได้เร็วก็น่าจะได้เห็นในปีนี้ เพราะก่อนหน้านี้อาจจะมีผู้จัดติดต่อมาเยอะ แต่เดี๋ยวนี้เริ่มน้อยลง
“สำหรับละครในปีนี้ก็น่าจะมีถ่ายอยู่ 1 เรื่องนะครับ แต่อาจจะไม่ใช่เดือนหรือสองเดือนนี้ครับ แต่ทีนี้ถ้าเกิดเราเริ่มต้นถ่ายล่าช้าก็ยังไม่แน่ใจว่าจะได้ออกอากาศปีนี้หรือเปล่า หรือไม่ก็เป็นปีหน้า แต่ว่าอย่างน้อยก็น่าจะมีสัก 1 เรื่องนะ แต่บทบาทจะเป็นยังไงผมก็ยังไม่รู้ เพราะตอนนี้ยังไม่ได้ตกลงรับเล่นที่ไหนเลยครับ(หัวเราะ) ตอนนี้เป็นเพียงแค่ความตั้งใจ”
“ยังในช่วงเวลาเดือนเมษายนถึงพฤษภาคมที่ผ่านมา เราค่อนข้างยุ่งมากกับเนวิเกเตอร์ครับ ก็ตั้งใจว่ามิถุนายนหรือกรกฎาคมก็น่าจะเริ่มได้แล้ว แต่ทีนี้ก็ต้องดูจังหวะ ณ ตอนนั้นว่าจะได้เล่นกับผู้จัดท่านไหนครับ ที่ติดต่อมาแต่ก่อนเยอะครับ แต่ตอนนี้นิดเดียว(หัวเราะ) แต่บทที่สนใจผมว่าทุกบทน่าสนใจหมดเลย แต่ความจริงแล้วเราจะพยายามเปลี่ยนแปลงไปเรื่อยๆ เล่นบทนั้นบทนี้ เราก็พยายามเปลี่ยนตัวเองไปอีกรูปแบบนึง เหมือนกับทำให้เราได้พัฒนาตัวเอง ไม่ทำให้เราซ้ำกับบทบาทที่ผ่านๆ มา”
“งานหนังตอนนี้ยังไม่มีครับ แต่จะมีก็เป็นหนังสั้นของปตท. ที่มีโอกาสรับผิดชอบในการทำโปรดักชั่น เล่นเอง กำกับเอง ทำหลายๆ อย่างเอง ก็จะเป็นอะไรที่คุ้นเคยเกี่ยวกับวิถีพอเพียง ผมได้มีโอกาสไปสัมภาษณ์บุคคลที่เป็นชาวบ้านหลายๆ ท่าน รวมถึงผู้บริหารท้องถิ่น ผู้นำชุมชน คราวนี้ก็ได้ทำเกี่ยวกับเรื่องของพลังงานทดแทน ไบโอดีเซลล์ ก็รอติดตามว่าจะเป็นยังไงครับ”
ที่มา: manager.co.th