Author Topic: ปากเสียอีกแล้ว!! ผกก.ดัง “ลาร์ส วอน ทริเยร์” บอกตัวเองเป็นนาซี, เห็นใจ “ฮิตเลอร์”  (Read 970 times)

0 Members and 1 Guest are viewing this topic.

Offline Nick

  • Administrator
  • Platinum Member
  • *
  • Posts: 46028
  • Karma: +1000/-0
  • Gender: Male
  • NickCS
    • http://www.facebook.com/nickcomputerservices
    • http://www.twitter.com/nickcomputer
    • Computer Chiangmai


ชื่อของ “ลาร์ส วอน ทริเยร์” กลายเป็นข่าวพาดหัวในเทศกาลหนังเมือคานส์อีกครั้ง แต่ไม่ใช่เพราะภาพยนตร์เรื่องใหม่ของเขาแต่อย่างใด หากแต่เป็นเพราะคำพูดระหว่างแถลงข่าว ที่ผู้กำกับคนดังประกาศว่าตัวเองเป็นนาซี และแสดงความเห็นอกเห็นใจในตัวของ “อดอล์ฟ ฮิตเลอร์”
       
       “ถ้าผมทำให้ใครต้องเจ็บปวดเมื่อเช้าที่ผ่านมา ด้วยคำพูดในงานแถลงข่าว ผมก็ต้องขออภัยอย่างสุดซึ้ง ผมไม่ได้เป็นพวกเหยียดยิว, เหยียดผิว หรือเป็นนาซีแต่อย่างใด” ผู้กำกับชื่อดังออกแถลงการณ์เพื่อแสดงความรับผิดชอบต่อการพลั้งปาก กล่าววาจาที่รุนแรงเกี่ยวกับเรื่องยิว, นาซี และการฆ่าล้างเผ่าพันธุ์ ระหว่างเปิดตัวหนังเรื่องใหม่ที่เมืองคานส์เมื่อวานนี้ (18 พ.ค.) แต่ดูเหมือนว่าคำขออภัยจะไม่สามารถหยุดยั้งคำวิจารณ์มากมายที่มีต่อเขาได้
       
       ในเทศกาลหนังเมืองคานส์ปีนี้ ลาร์ส วอน ทริเยร์ เจ้าของผลงานที่โด่งดังและอื้อฉาวอย่าง Dogville, Dancer in the Dark และ Antichrist มาพร้อมกับผลงานเรื่องล่าสุด Melancholia ที่ว่าด้วยวันสิ้นโลก ซึ่งมี เคิร์สเตน ดันสท์, ชาร์ล็อตต์ แกงส์บูร์ก, คีเฟอร์ ซุทเธอแลนด์ และ อเล็กซานเดอร์ สการ์สการ์ด รับบทนำ แต่กลับกลายเป็นคำพูดมุขตลกที่ไม่ถูกที่ถูกทางของเขา ที่กลายเป็นข่าวใหญ่แทน
       
       ลาร์ส วอน ทริเยร์ โด่งดังกับคำพูดที่อื้อฉาวอยู่แล้ว ถึงขั้นที่ว่า Hollywood Reporter เปรียบเทียบการแถลงข่าวกับสื่อมวลชนของยอดผู้กำกับรายนี้ว่าเป็นเหมือนกับ “เดี่ยวไมโครโฟนฉบับสลดหดหู่” เช่นเดียวกับครั้งล่าสุด ที่เขากล่าวในการร่วมงานเทศกาลหนังเมืองคานส์ประจำปี 2011 ว่า “อันที่จริงแล้วผมเป็นนาซี” และ “เข้าใจในตัว ฮิตเลอร์ … ผมเห็นใจเขาอยู่บ้าง” ที่กลายเป็นประเด็นวิพากษ์วิจารณ์ไปทั่ว
       
       มีข้อคิดเห็นว่ามุขตลก “ร้าย ๆ” แบบ “ยุโรป” ของ วอน ทริเยร์ อาจจะยากแก่ความเข้าใจของคนอเมริกัน แต่ผู้ชมที่คานส์ในวันนั้นซึ่งได้ฟังคำพูดเหล่านี้กับหู ก็ดูจะหัวเราะไม่ออกกับมุกตลกที่ว่าเช่นเดียวกัน ขณะที่นักแสดงดังที่ร่วมงานกับเขาใน Melancholia อย่าง คริสเตน ดันส์ต และ ชาร์ล็อตต์ แกงส์บูร์ก ก็ดูจะตกอยู่ในอาการ ตกตะลึกจนพูดไม่ออกไปเลย
       
       ดูเหมือนว่าจุดประสงค์ที่แท้จริงของ วอน ทริเยร์ ก็คือการแซวแบบหนัก ๆ กับผู้กำกับ ซูซาน บิแอร์ เจ้าของรางวัลออสการ์ประจำปี 2011 จากหนัง In a Better World และยังเป็นเจ้าของหนัง Brothers ที่เพิ่งถูกนำไปสร้างเป็นฉบับสหรัฐฯ เมื่อปี 2009 มี เจค กิลเลนฮาล, นาตาลี พอร์ตแมน และ โทบี้ แม็คไกวร์ แสดงนำ
       
       “อย่างหนึ่งที่ผมบอกคุณได้ก็คือ ผมนึกว่าตัวเองเป็นยิวอยู่ตั้งนาน ความจริงก็แฮปปี้ดีกับการเป็นยิวนะ จนได้มาเจอ ซูซาน บิแอร์ (ผู้กำกับหญิงชาวเดนมาร์กเชื้อสายยิว) นั่นแหละ ถึงไม่ค่อยแฮปปี้กับการเป็นยิวแล้ว นั่นเป็นแค่มุขตลกนะ โทษที” วอน ทริเยร์ กล่าว “เรื่องของเรื่องก็คือผมเพิ่งรู้ว่าตัวเองไม่ใช่ยิว …ความจริงแล้วเป็นนาซี เพราะครอบครัวผมเป็นเยอรมัน มันทำให้ผมกดดันเหมือนกัน ผมจะพูดยังไงดี ผมเข้าใจในตัวของฮิตเลอร์นะ คิดว่าเขาอาจจะทำอะไรผิดพลาดไปบ้าง … แต่ก็มีอะไรน่าเห็นใจอยู่”
       
       เขาไม่ได้หยุดแต่เพียงเท่านั้น “ไม่ได้หมายความว่าผมสนับสนุนสงครามโลกครั้งที่ 2 นะ ผมไม่ได้ต่อต้านยิวด้วย ไม่ได้ต่อต้านแม้แต่ ซูซาน บิแอร์ ความจริงแล้วผมชอบทั้งคู่ด้วยซ้ำไป ยิวทุกคน โอเค อิสราเอล อาจจะเป็นพวกตัวแสบหน่อย”
       
       ในช่วงหนึ่งของการแถลงเขายังพูดถึงการทำหนังฟอร์มยักษ์ว่า “ใช่พวกเรานาซีชอบทำอะไรแบบอลังการ บางทีผมอาจจะทำหนังเรื่อง The Final Solution ก็ได้นะ”
       
       ซึ่ง The Final Solution ที่ถูกอ้างถึงก็คือ “แผนการแก้ปัญหาชาวยิวครั้งสุดท้าย” หรือแผนการกำจัดชาวยิวทั่วยุโรป ตามนโยบายกวาดล้างชาวยิวของอดอล์ฟ ฮิตเลอร์ ที่เกิดขึ้นในสงครามโลกครั้งที่ 2 ซึ่งประมาณว่าระหว่าง ค.ศ. 1941 - 1945 มีชาวยิวทั่วยุโรปจำนวนเกือบ 6 ล้านคนเสียชีวิตในค่ายกักกัน จากแผนดังกล่าว
       
       ไม่ใช่เรื่องแปลกที่ "กลุ่มชาวอเมริกันผู้รอดชีวิตจากการฆ่าล้างเผ่าพันธุ์" จะไม่ขำกับคำพูดของผู้กำกับดัง ตรงกันข้ามมีการออกแถลงการณ์ประนามเขาโดยทันที
       
       “กลุ่มผู้รอดชีวิตจากการฆ่าล้างเผ่าพันธุ์ขอประนามข้อคิดเห็นอันน่ารังเกียจของ วอน ทริเยร์ ที่หาประโยชน์จากความเจ็บปวดของเหยื่ออย่างไม่รู้สึกรู้สา เพียงเพื่อการโปรโมต และประชาสัมพันธ์ตัวเอง ความเห็นที่แปลกประหลาดของเขาอาจจะเป็นเพียงความพยายามพูดตลกเพื่อสร้างความตกใจเล่น ๆ แต่กลายเป็นการนำไปสู่เรื่องราวความโหดร้ายของนาซี ที่ไม่ใช่เรื่องสนุกเลย มันเป็นการเรียกความทรงจำอันทรมานและความตายในช่วงเวลาอันย่ำแย่กลับมา เราคงไม่สามารถวิจารณ์หนังของเขาได้ แต่ในฐานะบุคคล วอน ทริเยร์ คือผู้ล้มเหลวทางศีลธรรม”
       
       หลังกลายเป็นที่วิจารณ์อย่างหนัก วอน ทริเยร์ ได้ออกมาขอโทษ และอธิบายคำพูดของตัวเองว่า “ผมไม่มีอะไรจะพูดมากนัก มันเป็นการด้นสดนิดหน่อย ปล่อยความรู้สึกภายในให้ออกมาเป็นคำพูด … เกี่ยวกับเรื่องนาซีผมไม่รู้เหมือนกันว่ามันมาจากไหน แต่ถ้าคุณเคยใช้ชีวิตในเยอรมันมานาน บางทีก็อยากจะปล่อยความรู้สึก และพูดถึงเรื่องพวกนี้ออกมาบ้าง คุณรู้ไหม?”
       
       ถ้ามองข้ามเรื่องความอื้อฉาว และมุขตลกผิดกาลเทศะไป ผลงานเรื่องล่าสุดของ วอน ทริเยร์ มีเสียงตอบรับที่ดีจากเหล่านักวิจารณ์เช่นเดิม Daily Telegraph เรียกหนังเรื่อง Melancholia ของเขาว่า "เป็นงานที่น่าตกตะลึง, มีงานภาพอันสวยงาม และลื่นไหล" ขณะที่ IndieWire ก็กล่าวถึงหนังว่าเป็น "ผลงานชิ้นเอกที่ว่าด้วยวันสิ้นโลกอันหดหู่"
       
       วอน ทริเยร์ ยังไม่วายประกาศถึงเรื่องน่าตกตะลึก ที่คนเดาไม่ออกว่าพูดเล่นหรือพูดจริงกันแน่ กับหนังเรื่องต่อไปของเขา ที่บอกจะเป็นหนังโป๊ความยาวร่วม 3 - 4 ชั่วโมง และ "เต็มไปด้วยฉากเซ็กที่น่ากระอักกระอ่วน" ที่มี ดันส์น และ แกงส์บูร์ก แสดงนำ
       

ที่มา: manager.co.th


 
Share this topic...
In a forum
(BBCode)
In a site/blog
(HTML)